ID
stringlengths
9
13
Domain
stringclasses
4 values
Instruction
stringlengths
9
3.44k
Input
stringlengths
19
125k
Output
stringlengths
11
31.6k
Tags
stringlengths
7
676
Task_type
stringclasses
7 values
License
stringclasses
2 values
Retail_55703
Retail
กลยุทธ์การเติบโตของ Synnex, SIS และ SVOA ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 สอดคล้องกับกลยุทธ์ค้าปลีกทั่วไปอย่างไร?
กระแส Work และ Learn from Home ทำให้หลายคนต้องแวะไปจับจ่ายในร้านขายสินค้าไอที ลองมาดูกันว่า Distributor หรือผู้ค้าส่งสินค้าไอทีในไทยทั้ง Synnex, SIS และ SVOA เติบโตในครึ่งแรกของปี 2021 ขนาดไหน Synnex ครึ่งปีแรกยอดขายเติบโต 6% เริ่มต้นที่ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ Synnex พี่ใหญ่ของวงการนี้กันก่อน เพราะในครึ่งแรกของปี 2021 บริษัททำยอดขายไปได้ 17,018 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 6% กำไรสุทธิ 396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เหตุผลหลักมาจากความต้องการสินค้าไอทีมีมากขึ้นผ่านกระแส Work และ Learn from Home ประกอบกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล แม้บางช่วงเวลาจะประสบปัญหาขาดแคลนสินค้า เนื่องจากวิกฤตขาดแคลนชิป และการส่งมอบสินค้าล่าช้าผ่านการระบาดของโรค COVID-19 สำหรับ Synnex ปัจจุบันเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำกว่า 60 แบรนด์ ครอบคลุมคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมไอทีอื่น ๆ โดยบริษัทมองว่า กระแสความต้องการสินค้าไอทีในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 ยังอยู่ในระดับสูง SIS ที่ทำรายได้ครึ่งปีแรกแตะ 15,314 ล้านบาท ถัดมาที่ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) หรือ SIS คู่แข่งที่ตีคู่กันมากับ Synnex ประกาศปิดรายได้ครึ่งปีแรกที่ 15,314 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 11,567 ล้านบาท กำไรสุทธิ 388 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 277 ล้านบาท บริษัทแจ้งว่า ปัญหาขาดแคลนสินค้าไอทียังมีอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโน้ตบุ๊กเพื่อการพาณิชย์ แต่หากเจาะไปที่ไตรมาส 2 2021 กลุ่มสินค้าโทรศัพท์มือถือมีการเติบโตถึง 83% เนื่องจากแบรนด์ Xiaomi ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายให้ความสำคัญกับการทำตลาดไทยมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางการจัดจำหน่าย SIS ก่อตั้งปี 1998 เป็นผู้ค้าส่งสินค้าไอทีทั้งฝั่งผู้บริโภคทั่วไป และกลุ่มใช้งานเพื่อการพาณิชย์ โดยปัญหาของสินค้าขาดตลาด บริษัทมองว่าเกิดขึ้นเช่นนี้ถึงต้นปี 2022 และจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งมอบสินค้านานขึ้น ทำให้ราคาอาจปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน SVOA ตำนานไอทีที่ปรับตัวต่อเนื่อง สุดท้ายที่ บมจ.เอสวีโอเอ หรือ SVOA บริษัทขายส่งสินค้าไอทีในตำนานของประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้าง และเพิ่มธุรกิจใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดมากขึ้น โดยในครึ่งแรกของปี 2021 บริษัททำรายได้ 3,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 3,312 กำไรสุทธิ 68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 49 ล้านบาทในปีก่อน เหตุผลหลักที่เพิ่มขึ้น SVOA แจ้งว่า มาจากการยอดขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการ Work และ Learn from Home เช่นคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก และอื่น ๆ นอกจากนี้การกระจายธุรกิจไปมากกว่าแค่การขายสินค้าไอที เช่นการวางระบบ, บริการดิจิทัล และอื่น ๆ ยังช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตของบริษัทเช่นกัน ค้าส่งเป็นอีกตัวชี้วัดที่ดีในการทราบว่าตลาดนั้น ๆ มีการเติบโตหรือไม่ เพราะกลุ่มค้าปลีกต้องสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทเหล่านี้ แต่ใช่ว่ากลุ่มค้าส่งจะต้องยึดติอยู่กับแค่สินค้าจับต้องได้เพียงอย่างเดียว เพราะทั้ง Synnex, SIS และ SVOA ต่างปรับตัวไปให้บริการอื่น ๆ กันตั้งแต่ช่วงสินค้าไอทีซบเซาเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related Synex ทำสถิติกำไรสูงสุด หลัง WFH ดันความต้องการสินค้าไอทีพุ่ง มั่นใจครึ่งปีหลังโตได้อีก In "PR News" Synnex ตั้งเป้ายอดขายกลุ่ม Nintendo Swtich ในไทย แตะ 1,500 ล้านบาท ภายในปี 2023 In "Business" เปิดตำรา Game Marketing ของ Synnex กับการทุ่ม 10 ล้านบาทจัดแข่ง PUBG สร้าง Awareness In "News"
กลยุทธ์การเติบโตของ Synnex, SIS และ SVOA ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 สอดคล้องกับกลยุทธ์ค้าปลีกทั่วไปดังต่อไปนี้ 1. การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ทั้ง 3 บริษัท ต่างมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของลูกค้าสำหรับสินค้าไอทีที่เกิดจากกระแส Work from Home และ Learn from Home กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทั่วไปของค้าปลีกที่มุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้า 2. การกระจายสินค้า ทั้ง 3 บริษัท ต่างมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งร้านค้าปลีกออนไลน์และออฟไลน์ กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทั่วไปของค้าปลีกที่มุ่งเน้นไปที่การกระจายสินค้าให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย 3. การจัดการสินค้าคงคลัง ทั้ง 3 บริษัท ต่างมีระบบการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีสินค้าเพียงพอเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทั่วไปของค้าปลีกที่มุ่งเน้นไปที่การจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ 4. การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ทั้ง 3 บริษัท ต่างมุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ผ่านโปรแกรมสมาชิก บริการหลังการขาย และกิจกรรมส่งเสริมการขาย กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทั่วไปของค้าปลีกที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า 5. การใช้เทคโนโลยี ทั้ง 3 บริษัท ต่างใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบ ERP ระบบ CRM และระบบจัดการสินค้าคงคลัง กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทั่วไปของค้าปลีกที่มุ่งเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยี
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55705
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....การปรับตัว: การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่เป็นสิ่งที่สำคัญมากในโลกธุรกิจ
null
กำไรพุ่งท่ามกลางวิกฤต: กลยุทธ์ของ COM7 ในยุคโควิด ณ ใจกลางเมืองหลวง บนตึกสูงระฟ้า ชายหนุ่มนามว่า ชัย กำลังจ้องมองกราฟแสดงผลประกอบการของบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "ยอดขายออฟไลน์ร่วงลงอย่างฮวบฮาบ สาขาปิดเกือบครึ่ง บริษัทจะเอาตัวรอดอย่างไรในยุคโควิดนี้?" เขาครุ่นคิด ชัยเป็นนักวิเคราะห์การเงินที่เพิ่งเริ่มทำงานกับ COM7 ได้ไม่นาน เขารู้สึกท้าทายอย่างมากที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ปลายสายคือคุณณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายงานขาย และธุรกิจค้าปลีก "ชัย ใจเย็นๆ นะ เรามีกลยุทธ์รับมือกับสถานการณ์นี้อยู่" คุณณรงค์พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ "กลยุทธ์อะไรครับ?" ชัยถามอย่างร้อนรน "อย่างแรก เราจะหันไปพึ่งพาช่องทางออนไลน์มากขึ้น พัฒนาเว็บไซต์ BNN.in.th เพิ่มบริการผู้ช่วยช็อปผ่าน LINE@ และจัดส่งสินค้าฟรีไม่มีขั้นต่ำ" คุณณรงค์อธิบาย "แล้วสาขาที่ปิดไปล่ะครับ?" ชัยถามต่อ "เราจะเปิด Pop Up Store เพิ่มกว่า 57 สาขา กระจายสินค้าและบริการให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ" คุณณรงค์ตอบ ชัยรู้สึกโล่งใจขึ้น เขาเริ่มเห็นภาพอนาคตของ COM7 ที่ชัดเจนขึ้น ในช่วงหลายเดือนต่อมา COM7 ทุ่มเทให้กับการพัฒนากลยุทธ์ออนไลน์ ปรับปรุงเว็บไซต์ เพิ่มบริการใหม่ๆ และขยาย Pop Up Store ผลลัพธ์ที่ได้คือ ยอดขายออนไลน์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทดแทนยอดขายที่หายไปจากสาขาที่ปิด ชัยติดตามผลการดำเนินงานของ COM7 อย่างใกล้ชิด เขารู้สึกตื่นเต้นกับตัวเลขที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด ไตรมาส 2 ของปี 2564 ก็สิ้นสุดลง ผลประกอบการของ COM7 สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน บริษัทมีรายได้กว่า 11,562 ล้านบาท กำไรสุทธิพุ่งสูงถึง 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 113.9% ชัยยิ้มกว้าง เขารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม COM7 ที่สามารถฝ่าฟันวิกฤตและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_55710
Retail
ช่วยสรุปบทความ Index Living Mall ไตรมาส 2/64 โชว์กำไรเติบโต 6 เท่า ยอดขายออนไลน์ทุบสถิติรายไตรมาส
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินการไตรมาส 2/2564 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,048.5 ล้านบาท เติบโต 10.6% YoY และมีกำไรสุทธิ 101.0 ล้านบาท เติบโต 596.7% YoY ขณะที่ผลประกอบการรอบ 6 เดือน ปี 2564 รายได้รวม 4,195.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% YoY และกำไรสุทธิ 246.4 ล้านบาท เติบโต 85.7% YoY โดยผลการดำเนินงานฟื้นตัวโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ และการลดต้นทุนการดำเนินงานในทุกส่วนอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นอกเหนือจากการจำหน่ายผ่านสาขาทั่วประเทศแล้ว บริษัทฯ ยังมีช่องทางการจำหน่ายหลักอื่นๆ ที่ช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทฯ ได้แข็งแกร่ง ได้แก่ ช่องทางออนไลน์ ซึ่งสามารถเติบโตทะลุเป้าจนทำสถิติใหม่รายไตรมาสได้ และมีแนวโน้มจะทำสถิติใหม่ได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมถึงเฟอร์นิเจอร์สั่งตัด Younique Customized Furniture และช่องทาง OEM ต่างประเทศ ที่ยังคงเติบโตได้อย่างโดดเด่น ในขณะที่สภาพคล่องแข็งแกร่ง ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลรวม 75.8 ล้านบาท สำหรับงวดการดำเนินงาน 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2564 นางสาวกฤษชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าเรายังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกล่าสุดที่มีความรุนแรงมากที่สุดนับจากมีการแพร่ระบาดในประเทศไทยในปีที่แล้ว ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอีกครั้ง ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กรกฏาคม 2564 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การกระจายวัคซีนสามารถทำได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ได้เริ่มมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้แนวคิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” และ “สมุย พลัส โมเดล” ที่ผ่านมา และมีแผนที่จะเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในอีกหลายจังหวัดหลังจากนี้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล จะช่วยสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และจะช่วยหนุนกำลังซื้อและภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ในครึ่งหลังของปีนี้ นางสาวกฤษชนกกล่าว
ในไตรมาส 2/2564 บริษัท ILM รายได้รวม 2,048.5 ล้านบาท เติบโต 10.6% YoY และมีกำไรสุทธิ 101.0 ล้านบาท เติบโต 596.7% YoY ในรอบ 6 เดือน ปี2564 รายได้รวม 4,195.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% YoY และกำไรสุทธิ 246.4 ล้านบาท เติบโต 85.7% YoY ผลประกอบการดีได้จากการเติบโตของรายได้และการลดต้นทุนในทุกส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการจำหน่ายทางสาขา บริษัทยังให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์และเฟอร์นิเจอร์สั่งตัด Younique Customized Furniture และ OEM ต่างประเทศที่ยังเติบโตเป็นอย่างดี บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลรายกำไร 75.8 ล้านบาท (0.15 บาทต่อหุ้น) สำหรับไตรมาสที่ผ่านมา นางกฤษชนกกล่าวเพิ่มว่า มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกล่าสุด แม้มีมาตรการล็อกดาวน์ การกระจายวัคซีนและการเปิดรับนักท่องเที่ยวทำให้มีความมั่นใจและคาดว่ามีการฟื้นตัว นางกล่าวถึงแผน "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" และ "สมุย พลัส โมเดล" และมีแผนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย รวมถึงคาดว่ามีการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55743
Retail
การเข้าสู่ตลาดออนไลน์ของยาคูลท์ ประเทศไทย ครั้งนี้ จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
null
1. โอกาสใหม่สำหรับธุรกิจค้าปลีก -ยาคูลท์ ประเทศไทย อาจร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee, Lazada, JD Central เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย -ร้านค้าปลีกออนไลน์ เช่น Foodpanda, GrabMart, Lineman Mart อาจเพิ่ม ยาคูลท์ เป็นสินค้าในร้าน ร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven, Family Mart, Lawson 108 อาจจัดโปรโมชั่นร่วมกับ ยาคูลท์ 2. การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น -แบรนด์นมเปรี้ยวอื่นๆ อาจเริ่มทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง -ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น นำเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจ พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้า 3. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค -ผู้บริโภคอาจสะดวกซื้อ ยาคูลท์ ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น -ร้านค้าปลีกต้องปรับรูปแบบการให้บริการให้เหมาะกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง 4. ความท้าทายด้านการจัดส่งสินค้า -ยาคูลท์ เป็นสินค้าที่ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม -ธุรกิจค้าปลีกต้องมีระบบจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและปลอดภัย 5. โอกาสในการพัฒนาธุรกิจใหม่ -ธุรกิจค้าปลีกอาจพัฒนาบริการใหม่ เช่น บริการสมัครสมาชิกเพื่อรับ ยาคูลท์ เป็นประจำ -ธุรกิจค้าปลีกอาจพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับจำหน่ายสินค้าประเภทนมเปรี้ยว บทสรุป การเข้าสู่ตลาดออนไลน์ของยาคูลท์ ประเทศไทย ครั้งนี้ จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกทั้งด้านโอกาสและความท้าทาย ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55744
Retail
ช่วยสรุปบทความ ทุนนิยม 101: ทบทวนอดีต มองไปข้างหน้า ตรงไหนคืออนาคตทุนนิยมไทย กับ ดร. วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร
เราอยู่ในโลกทุนนิยม แล้วทุนนิยมเหมือนจะเป็นปัญหาเสียด้วย ทุนนิยม ถูกพูดถึงในเชิงวิพากษ์มากขึ้น พร้อมๆ กับการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยคนรุ่นใหม่ที่เข้มข้นขึ้น ผู้คนพยายามเชื่อมโยงหาต้นสายปลายเหตุของความล้มเหลวของการเมืองไทย จนสาวไปเจอหนึ่งใน (อีกหลายๆ) ปัญหาคือทุนนิยมผูกขาด ทุนนิยมผูกขาด เศรษฐกิจผูกขาด คือสิ่งที่เราสัมผัสได้ชัดเจนในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นจนนอนเราต้องซื้อสินค้าจากบริษัทใหญ่ไม่กี่เจ้า ไม่ใช่แค่สัมผัสได้ชัดเจน แต่นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครๆ ก็พูดถึง น่าเศร้าที่หลายคนที่ไม่เห็นแสงสว่างในการจัดการปัญหาผูกขาด จนถึงขั้นที่มองการผูกขาดราวกับเป็นสภาพปกติที่เข้าไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว กรณีที่ชัดเจนจริงๆ ในช่วงต้นปี 2021 คือการควบรวม ซีพี-โลตัส จนมีอำนาจเหนือตลาดอย่างสมบูรณ์ในกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก โดยซีพีจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 69.3% เป็น 83.97% ตามข้อมูลของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า นี่คือขนาดส่วนแบ่งตลาดที่มหาศาลมากๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เกิดการวิพากษ์ทุนนิยมอย่างเข้มข้นในปัจจุบัน แต่เมื่อพูดลงไปลึกๆ แล้ว เรากลับไม่มีนิยามที่ชัดเจนหรือไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าอะไรคือทุนนิยม เราพอมองภาพออกว่ามันคืออะไรแต่เหมือนนิยามยังคงคลุมเครือ และนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่หากจะแก้ไขอะไรโดยยังไม่รู้จักมันอย่างถ่องแท้ คงจะดีกว่า หากเราได้เข้าไปสำรวจคำอธิบายของระบบทุนนิยม ดูว่าภายในระบบนี้แต่ละหน่วยของสังคมถูกจัดวางกันอยู่อย่างไร สัมพันธ์กันอย่างไร เพื่อช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่าสังคมที่เราอยากแก้มีหน้าตาอย่างไร ปัญหาอยู่ตรงไหน และช่วยให้จินตนาการต่อไปได้ว่าต้องทำยังไงเราถึงจะไปสู่สังคมที่ดีไปกว่านี้ได้ Brand Inside ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร. วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองจาก National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ประเทศญี่ปุ่น มาเป็นผู้นำทางในการสำรวจตรวจดูนิยามของทุนนิยม หันกลับมามองทุนนิยมไทย แล้วร่วมกันคิดว่าปัญหาและทางออกของทุนนิยมไทยอยู่ตรงไหน ทุนนิยมคืออะไร? สำหรับคนไม่เข้าใจเศรษฐกิจการเมือง จะเข้าใจทุนนิยม ต้องเข้าใจอะไรบ้าง อ. วีระยุทธเสนอว่า สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจเศรษฐกิจการเมืองมาก่อน การจะทำความเข้าใจว่าระบบเศรษฐกิจเป็นแบบไหนให้ลองดูว่าในระบบเศรษฐกิจหนึ่งๆ นั้น กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเป็นของใคร ทำการผลิตไปเพื่ออะไร โดย แก่นของระบบทุนนิยม คือ การที่แต่ละคนมีกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และสามารถนำทรัพย์สินเข้าสู่การผลิตเพื่อทำกำไรต่อได้ หากมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่เห็นภาพชัดเจนนัก อาจารย์แนะว่าให้นำนิยามของทุนนิยมข้างต้นไปวางทาบกับระบบเศรษฐกิจแบบอื่น เช่น สังคมนิยม ที่ส่วนรวมหรือรัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกัน ปริมาณการผลิตเป็นไปตามที่รัฐส่วนกลางกำหนด ในขณะที่ ระบบเกษตรแบบยังชีพ จะผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนเท่านั้น
เรื่องทุนนิยมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ โดยเน้นที่ปัญหาทุนนิยมผูกขาดที่เป็นส่วนที่ชัดเจนในชีวิตประจำวันของผู้คน ความล้มเหลวของการเมืองไทยถูกมองต่อเป็นผลมาจากทุนนิยมที่ไม่เพียงพอ กรณีที่เด่นในช่วงต้นปี 2021 คือการควบรวมกิจการระหว่าง ซีพี และ โลตัส ทำให้ซีพีมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 83.97% ในกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ทำให้มีการควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์ และนำเสนอถึงปัญหาทุนนิยมผูกขาดที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเพียงพอ การวิพากษ์ทุนนิยมอย่างเข้มข้นในปัจจุบัน แต่ไม่มีนิยามที่ชัดเจนเกี่ยวกับทุนนิยม การสำรวจระบบทุนนิยมและการวิเคราะห์สังคมไทยเป็นเครื่องมือที่ดีในการเข้าใจปัญหาและแสดงทางออกที่เป็นไปได้ เป็นการสะท้อนจากการสำรวจที่ทำโดย Brand Inside ซึ่งได้รับคำแนะนำจาก รศ.ดร. วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร จาก GRIPS ประเทศญี่ปุ่น ในการนำทางการสำรวจเพื่อหาคำอธิบายของระบบทุนนิยมในสังคมไทย การเข้าใจระบบนี้จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาและเส้นทางที่เป็นไปได้ในการแก้ไขสถานการณ์ที่มีการวิพากษ์ทุนนิยมอย่างไม่ชัดเจนในปัจจุบัน
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55749
Retail
Flash Group จะกลายเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในประเทศไทยหรือไม่?
null
ยังไม่ชัดเจน ด้านบวก: Flash Group มีฐานลูกค้าจำนวนมากจากธุรกิจ Flash Express Flash Group ลงทุนในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง Flash Group มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง Flash Group มีศักยภาพในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ด้านลบ: Flash Group เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหญ่ Flash Group ยังไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์มากนัก Flash Group อาจประสบปัญหาในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ปัจจัยที่ต้องติดตาม: กลยุทธ์ของ Flash Group ในการขยายธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ผลตอบรับจากลูกค้าต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Flash Group ความสามารถของ Flash Group ในการแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ สรุป: Flash Group มีศักยภาพที่จะกลายเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในประเทศไทย However, ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องติดตาม คำถามเพิ่มเติม: Flash Group จะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่สามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์มที่มีอยู่ได้หรือไม่? Flash Group จะสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าได้อย่างไร? Flash Group จะสามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้สำเร็จหรือไม่? การวิเคราะห์: Flash Group มีจุดแข็งหลายอย่าง เช่น ฐานลูกค้าจำนวนมาก โครงสร้างพื้นฐานที่ดี และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง However, ยังมีอุปสรรคหลายอย่างที่ Flash Group ต้องเผชิญ เช่น การแข่งขันที่รุนแรง และประสบการณ์ที่จำกัด อนาคตของ Flash Group ในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์จะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่ใช้ ผลตอบรับจากลูกค้า และความสามารถในการแข่งขัน
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_55753
Retail
จงบอก 5 เหตุผลว่าทำไม ศรีนานาพร ต้องทำระบบการจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในชื่อว่า สิริ โปร
null
1.เพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม (Reach) ไม่แปลกที่ศรีนานาพรเข้าไปถือหุ้นในบริษัท สิริโปร ซึ่งจะเป็นหัวหอกสำคัญสำหรับการกระจายสินค้าในช่องทางเทรดิชันเทรดที่ปัจจุบันมีร่วมกว่า 3.4 แสนร้านค้า ขณะที่ความแข็งแกร่งของสิริโปร ที่มีศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ และยังมีหน่วยรถกระจายสินค้า 150 คัน สามารถจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางค้าปลีกได้ประมาณ 70,000 ร้านค้า และร้านค้าส่งประมาณ 3,600 ร้านค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความถี่ในการกระจายสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้าในพื้นที่ที่บริษัทยังไม่สามารถกระจายสินค้าได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น 2. Big Data เข้าใจถึงความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น การมีศูนย์กระจายสินค้าในแต่ละพื้นที่ ทำให้ศรีนานาพร มีฐานข้อมูลผู้บริโภคมากขึ้น และทำให้เข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี นอกจากนี้การบริหารจัดการสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมต่อความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ โดยสิริโปร มีศูนย์กระจายสินค้าครอบคลุมทั้งภาคเหนือใน จ.พิษณุโลก จ.เชียงใหม่ ภาคอีสาน ใน จ.อุดรธานี และภาคใต้ ในจ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้น ช่วยสร้างความได้เปรียบการนำสินค้าลงลึกในแต่ละพื้นที่ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 3.เครื่องมือการตลาด ณ จุดขาย ดิสทริบิวเตอร์ไม่ได้หน้าที่เพราะแค่กระจายสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นจิ๊กซอว์กลางน้ำที่สำคัญช่วยให้การทำตลาดมีความแข็งแกร่งมากยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น การจัดเรียงสินค้า การดิสเพลย์ร้านค้า การจัดทำสื่อส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขายของผู้บริโภค การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้า หรือกระทั่งการทำเทรดโปรโมชั่น หรือการผลักดันสินค้าให้กับทางร้านค้า ล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของดิสทริบิวเตอร์ทั้งสิ้น 4.ขานอำนาจกับโมเดิร์นเทรดสร้างความสมดุลย์ช่องทางอื่นๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ช่องทางโมเดิร์นเทรดหลายเป็นช่องทางหลักสินค้าไปเสียแล้ว และช่องทางเทรดดิชั่นที่หดหายไปจากตลาด แต่การที่ศรีนานาพร ให้ความสำคัญมุ่งสร้างรากฐานช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิมและร้านค้าส่งให้แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งมาจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นแมสโปรดักส์ จึงต้องขยายฐานสินค้าให้กว้างที่สุด และยังเป็นการลดความเสี่ยงการพึ่งพาช่องทางใดช่องทางหนึ่งจนมากเกินไป 5.รับจัดจำหน่ายสินค้านอกเครือสร้างรายได้เพิ่ม นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่ศรีนานาพรแล้ว สิริโปร ยังมีรายได้จากการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้สินค้าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งสิริโปร เป็นผู้ประกอบการที่โซลูชั่นโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถกระจายสินค้าให้กับลูกค้าตั้งแต่ช่องทางโมเดิร์นและช่องทางเทรดิชันนัลเทรดได้อย่างครอบคลุม และในอนาคต สิริ โปร มีโอกาสก้าวสู่ดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่และเป็นทางหนึ่งเลือกสำหรับสินค้า FMCG ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าลงลึกในช่องทางจำหน่ายเทรดิชันนัล ซึ่งปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากกว่าจะเดินทางไปโมเดิร์นเทรด
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55759
Retail
การเรียนรู้ใน Accenture คืออะไร
null
เป็นการเรียนรู้แบบ personalize ตามระดับงานและสายงานของพนักงาน ทางบริษัทได้ลงทุนในการสร้างระบบการเรียนออนไลน์นับร้อยล้านบาท เพื่อสร้างแพลทฟอร์มการเรียนรู้ให้กับพนักงานทุกคน ซึ่งทำให้การเรียนรู้ที่ Accenture เกิดขึ้นได้ anywhere, any time ผ่านแอพพลิเคชั่นการเรียนรู้ในสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ พนักงานยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนไปทำงานในต่างประเทศ ตลอดจนการลงทุนให้พนักงานเรียนรู้สิ่งใหม่หรือทักษะที่เป็น hot skill ซึ่งมีทั้งการอบรมภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นการเรียนรู้ผ่าน assignment และ on-the-job learning ที่จะช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถพัฒนาตนเองเพื่อการปรับตำแหน่งและก้าวหน้าตามสายงานที่ทาง People Lead ได้ร่วมวางแผนไว้ สวัสดิการที่แตกต่าง พนักงาน Accenture ทุกคนสามารถมีส่วนในการเป็นเจ้าของบริษัท Accenture ที่จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทจะให้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นแก่พนักงานโดยลดราคาให้ 15% ของราคาหุ้น และทางบริษัทยังมี Flexible Benefit หรือเงินจำนวนหนึ่งที่พนักงานจะนำไปใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัวเรื่องใดก็ได้ สำหรับพนักงานที่มีทักษะที่สำคัญต่อธุรกิจของบริษัท ทางบริษัทก็มีการให้ hot skill bonus เพื่อส่งเสริมให้พนักงานพยายามสร้างทักษะและต่อยอดทักษะที่ตนมีอยู่เพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเองมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ Accenture ติดใน 100 อันดับของบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดที่จัดอันดับโดย Fortune ถึง 12 ปีติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงองค์กรเพื่อตอบรับพนักงานรุ่นใหม่ที่มีความต้องการที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอด รู้จัก Accenture ให้มากขึ้น ปัจจุบัน Accenture มีพนักงานกว่า 5 แสนคนให้บริการลูกค้าใน 120 ประเทศ แบ่งองค์กรเป็น 4 ทีมคือ Strategy & Consulting หรือทีมให้คำปรึกษา และวางกลยุทธ์ให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ Technology หรือทีมที่สร้างและใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ เช่น AI Robotic และ Analytics Interactive หรือทีมที่ออกแบบและดูแลประสบการณ์ของลูกค้า Operations หรือทีมที่ทำเรื่อง outsourcing Strategy & Consulting หรือทีมให้คำปรึกษา และวางกลยุทธ์ให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ Technology หรือทีมที่สร้างและใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ เ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55761
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ความฝันสามารถเป็นจริงได้หากลงมือทำอย่างจริงจัง
null
มังกรซ่อนกายในปักกิ่ง บทที่ 1: บนเส้นทางสายไหม ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน หญิงสาวชื่อหลินลี่ กำลังเดินผ่านร้านค้าปลีกหรูหราบนถนนหวังฟูจิ่ง แววตาของเธอบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน หลินลี่ใฝ่ฝันอยากสร้างอาณาจักรรีเทลของตัวเอง และเธอก็รู้ดีว่าปักกิ่งคือเวทีที่สมบูรณ์แบบสำหรับความฝันนั้น หลินลี่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ยากจน เธอเรียนรู้การค้าขายตั้งแต่เด็ก โดยช่วยพ่อแม่ขายของในตลาดนัด ความขยันและไหวพริบของเธอทำให้เธอประสบความสำเร็จในธุรกิจขนาดย่อม หลินลี่เก็บหอมรอมริบเงินทุนเพื่อต่อยอดความฝันของเธอ บทที่ 2: โอกาสทอง วันหนึ่ง หลินลี่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับรายชื่อเมืองที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก ปักกิ่งขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง แซงหน้ามหานครนิวยอร์ก บทความนั้นยังระบุว่า จีนมีจำนวนเศรษฐีใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก หลินลี่รู้สึกตื่นเต้น เธอรู้ดีว่านี่คือโอกาสทองสำหรับเธอ หลินลี่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำและทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เธอเริ่มต้นด้วยการขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Taobao ด้วยความที่เธอเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างดี ธุรกิจของเธอจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว บทที่ 3: บททดสอบ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของหลินลี่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมาย กลยุทธ์การตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และปัญหาทางการเงิน หลินลี่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อเรียนรู้และพัฒนาทักษะของเธออยู่เสมอ เธอเข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ กลยุทธ์ทางการตลาด และการเงิน บทที่ 4: มังกร หลังจากผ่านอุปสรรคมากมาย หลินลี่ก็ประสบความสำเร็จ เธอขยายธุรกิจของเธอจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ โดยเปิดร้านค้าปลีกของตัวเองในย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง สินค้าของเธอได้รับความนิยมจากลูกค้าหลากหลายกลุ่ม หลินลี่กลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปักกิ่ง บทที่ 5: มังกรใจแกร่ง เรื่องราวของหลินลี่ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของเศรษฐกิจจีนและโอกาสในธุรกิจรีเทล เธอคือตัวอย่างของผู้หญิงที่ใฝ่ฝันและลงมือทำอย่างจริงจัง หลินลี่พิสูจน์ให้เห็นว่าความมุ่งมั่นและความอดทนสามารถนำพาความสำเร็จมาสู่ชีวิต
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_55775
Retail
SirPlus ซุปเปอร์มาร์เก็ตเยอรมัน มีกลยุทธ์การขาย "สินค้าเหลือใช้" แบบไหน? อธิบายรายละเอียดกลยุทธ์ แนวทางการดำเนินงาน ผลลัพธ์ และโอกาสทางธุรกิจในมิติ Retail
ซุปเปอร์มาร์เก็ตในเยอรมันแห่งหนึ่ง หันมาขายสินค้าที่คนอื่นไม่ขาย เช่น ผักผลไม้ใกล้เหี่ยว สินค้าแปะป้ายผิดและใกล้หมดอายุที่มาจากเหล่าเกษตรกร ห้างค้าส่งและห้างค้าปลีกหลายแห่ง ห้างร้านต่างๆ ส่วนมากมักจะเน้นขายผัก ผลไม้สด หรือชูจุดเด่นสินค้าสดจากไร่จากสวนเป็นจุดขาย แต่สำหรับ SirPlus ที่เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเยอรมันกลับไม่คิดเช่นนั้น แต่เน้นขายอาหารกระป๋องที่ใกล้หมดอายุ รวมทั้งหมดอายุไปแล้ว สินค้าที่แปะป้ายผิด และผลไม้ที่ใกล้เหี่ยว เฉา หรือไซส์ไม่ได้ถูกคัดสรรมาอย่างดี ด้วยสนนราคาที่ลดลง 80% การซื้อสินค้าจากร้าน SirPlus ทำได้ทั้งไปที่ร้านและสามารถสมัครเป็นสมาชิกของร้านได้ ร้านจะส่งสินค้ามาให้ที่บ้านหนึ่งกล่อง โดยเป็นสินค้าที่สุ่มเลือกมาให้ด้วย ร้าน SirPlus จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ และจะได้รับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ต้นสังกัดไม่ต้องการ ไม่ว่าจะมาจากฟาร์ม จากการขนส่ง จากค้าปลีกและค้าส่งต่างๆ ทางฝั่งซัพพลายเออร์เหล่านี้บ้างก็บริจาคให้กับทางร้านเองเนื่องจากตนเองก็มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการไม่ต้องเสียค่ากำจัดสินค้าที่ไม่ต้องการเหล่านี้ด้วย สินค้าที่ต้นสังกัดจากหลากหลายกลุ่มไม่ต้องการนี้มีทั้งการแปะป้ายสินค้าผิด รวมถึงผักผลไม้ที่มีรูปร่างผิดสัดส่วนและใกล้เหี่ยวเฉาด้วย ก่อนที่อาหารเหล่านี้จะถูกจัดขึ้นชั้นเพื่อวางโชว์ลูกค้าจะต้องถูกคัดสรร เลือกไซส์ให้มีขนาดสวยงาม น่าทาน นอกจากนี้ สินค้าที่หมดอายุแล้วแต่ยังสามารถบริโภคได้ก็ยังเอามาขายได้โดยที่ถูกกฎหมายด้วย แต่ผู้ค้าจะต้องแจ้งลูกค้าว่ามีสินค้าที่หมดอายุ นโยบายเหล่านี้ช่วยทำให้ห้างร้านสามารถป้องกันขยะที่มาจากอาหารได้มากถึง 2,000 ตันต่อปี (ภาพด้านบนคือ บรรยากาศในร้านบางส่วน) สินค้าเกษตรมักจะเสียหายก่อนจะมาถึงห้างสรรพสินค้ามากถึง 14% ซึ่งก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหีบห่อสินค้า การเก็บรักษาสินค้า ระบบขนส่งโลจิสติกส์เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความเสียหายได้ ทั้งนี้ ในปี 2011 องค์การสหประชาชาติเคยประเมินไว้ว่ามีขยะที่มาจากอาหารมากถึง 1.3 พันล้านตันต่อปี ขณะที่ผลิตได้เพียง 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น หมายความว่ากว่า 820 ล้านคนทั่วโลกกำลังประสบภาวะหิวโหย (คลิปด้านบนนี้ เป็นคลิปรีวิวสินค้าที่อยู่ในกล่องแบบสุ่มเลือกสินค้า) อย่างไรก็ดี เป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะลดจำนวนขยะที่มาจากอาหารลงครึ่งหนึ่งจากค้าปลีกและผู้บริโภคในปี 2030 ด้วยการลดการสูญเสียอาหารทั้งจากการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน ทุกคนมีส่วนในการทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงได้ นับตั้งแต่เกษตรกรจนถึงครัวเรือน ข้อริเริ่มเบอร์ลินนี้ทำให้เกิดความแตกต่างมากขึ้น ช่วยให้ทัศนคติของคนเปลี่ยนแปลงได้จากจำนวนอาหารที่ล้นเกิน ด้วยการลดจำนวนของเสียและเพิ่มความตระหนักรู้ในปัญหามากขึ้น ทำให้ห้างร้านและประเทศอื่นๆ สามารถปฏิบัติตามได้ เปิดนวัตกรรมแป้งมันสำปะหลังฝีมือคนไทยที่รักษ์โลก สู่ถุงพลาสติกสลายตัได้สำหรับขยะอาหาร ร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่น ออกแคมเปญลดราคาอาหารใกล้หมดอายุ หวังลดปริมาณขยะอาหาร เปิดนวัตกรรมแป้งมันสำปะหลังฝีมือคนไทยที่รักษ์โลก สู่ถุงพลาสติกสลายตัได้สำหรับขยะอาหาร ร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่น ออกแคมเปญลดราคาอาหารใกล้หมดอายุ หวังลดปริมาณขยะอาหาร ที่มา – WEF ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ธุรกิจคิดใหม่ เชนซุปเปอร์มาร์เก็ตในเดนมาร์ก ขายเฉพาะอาหารหมดอายุ และไม่ผ่าน QC In "News" MUJI ปรับตัว จะเปลี่ยนพื้นที่ 1 ใน 3 ไปขายอาหาร ราคาไม่เบาแต่เน้นเอาใจคนรักษ์โลก In "Article" ร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่น ออกแคมเปญลดราคาอาหารใกล้หมดอายุ หวังลดปริมาณขยะอาหาร In "Article"
กลยุทธ์การขาย "สินค้าเหลือใช้" ของ SirPlus มุ่งเน้นขายสินค้าที่ถูกคัดทิ้งจากห้างค้าส่งและห้างค้าปลีก: - สินค้าที่ใกล้หมดอายุ - สินค้าที่แปะป้ายผิด - ผักผลไม้ที่ใกล้เหี่ยว เฉา หรือไซส์ไม่ได้ถูกคัดสรรมาอย่างดี - สินค้าที่ถูกบริจาคจากฟาร์ม เสนอราคาสินค้าต่ำกว่าปกติ 80%: - ดึงดูดลูกค้าที่ต้องการประหยัด - ลดขยะอาหาร - กระตุ้นการซื้อ นำเสนอรูปแบบการซื้อสินค้าที่หลากหลาย: - ซื้อสินค้าที่ร้าน - สมัครสมาชิกและรับสินค้าสุ่มเลือกมาส่งที่บ้าน - เลือกซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ ทำงานใกล้ชิดกับหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร: - รับสินค้าที่ไม่ต้องการจากฟาร์ม ห้างค้าส่ง ห้างค้าปลีก - ขยายแหล่งสินค้า - สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหุ้นส่วน คัดสรรสินค้าอย่างพิถีพิถัน: - เลือกสินค้าที่มีคุณภาพ - ตรวจสอบสินค้าก่อนวางขาย - สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า - แนวทางการดำเนินงาน พัฒนาระบบการจัดการสินค้าคงคลัง: - ติดตามสินค้าใกล้หมดอายุ - จัดเก็บสินค้าอย่างถูกต้อง - หมุนเวียนสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างระบบขนส่งสินค้า: - จัดส่งสินค้าสุ่มเลือกถึงบ้านลูกค้า - รักษาอุณหภูมิสินค้า - จัดส่งรวดเร็ว พัฒนาระบบการชำระเงิน: - รองรับการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ - อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า - รักษาความปลอดภัย สร้างช่องทางการสื่อสาร: - เว็บไซต์ - โซเชียลมีเดีย - แอปพลิเคชั่น - สื่อสิ่งพิมพ์ - สร้างการรับรู้ - ดึงดูดลูกค้า - สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ผลลัพธ์ ลดปริมาณขยะอาหาร: - ช่วยลดการสูญเสียอาหาร - ช่วยสิ่งแวดล้อม - สร้างผลกระทบเชิงบวก สร้างรายได้: - ขายสินค้าได้ - ดึงดูดลูกค้าใหม่ - ขยายธุรกิจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: - เป็นที่รู้จัก - ได้รับการชื่นชม - สร้างฐานลูกค้าที่ภักดี - โอกาสทางธุรกิจในมิติ Retail ขยายตลาด: - เปิดสาขาเพิ่ม - ขายสินค้าออนไลน์ - ขยายไปต่างประเทศ พัฒนาสินค้าและบริการ: - นำเสนอสินค้าใหม่ ๆ - พัฒนาระบบการขนส่ง - เพิ่มช่องทางการชำระเงิน สร้างแบรนด์: - สื่อสารภาพลักษณ์ - สร้างการรับรู้ - สร้างความภักดีต่อแบรนด์ สร้างความยั่งยืน: - ลดการใช้พลาสติก - สนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น - ร่วมมือกับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55779
Retail
LINE MAN Kitchen @ PTT Station จะสามารถขยายสาขาครอบคลุม 50 สาขาภายใน 2 ปีข้างหน้าหรือไม่?
null
มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะ 1. เทรนด์การสั่งอาหารแบบ Delivery เทรนด์การสั่งอาหารแบบ Delivery เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายในการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่น 2. กลยุทธ์ Cloud Kitchen Cloud Kitchen ช่วยให้ร้านอาหารขยายฐานลูกค้าโดยไม่ต้องมีหน้าร้าน ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ 3. synergy ระหว่าง LINE MAN, Wongnai และ OR LINE MAN มีแพลตฟอร์มการสั่งอาหารที่แข็งแกร่ง Wongnai มีข้อมูลร้านอาหารที่ครอบคลุม และ OR มีสถานีบริการน้ำมันที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ 4. ความต้องการของผู้บริโภค ผู้บริโภคในย่านเกษตร-นวมินทร์มีความต้องการอาหารหลากหลาย สะดวก รวดเร็ว และราคาไม่แพง 5. โปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขาย LINE MAN Kitchen มีโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายดึงดูดลูกค้า อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบางประการที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จของ LINE MAN Kitchen @ PTT Station ดังนี้ -การแข่งขัน ธุรกิจ Cloud Kitchen มีการแข่งขันสูง มีหลายผู้เล่นในตลาด -พฤติกรรมผู้บริโภค ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจยังต้องการทานอาหารที่ร้าน -ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่นอาจเป็นภาระต่อผู้บริโภค -สถานที่ตั้ง สถานที่ตั้งของ Cloud Kitchen อาจไม่สะดวกสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม โดยสรุป LINE MAN Kitchen @ PTT Station มีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีก ปัจจัยสนับสนุนหลักคือ เทรนด์การสั่งอาหารแบบ Delivery กลยุทธ์ Cloud Kitchen synergy ระหว่าง LINE MAN, Wongnai และ OR ความต้องการของผู้บริโภค โปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขาย อย่างไรก็ตาม LINE MAN Kitchen @ PTT Station จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เน้นการสื่อสารจุดเด่นเรื่องความสะดวก รวดเร็ว หลากหลาย ราคาไม่แพง ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดใจผู้บริโภค หาก LINE MAN Kitchen @ PTT Station สามารถดำเนินกลยุทธ์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสที่จะขยายสาขาครอบคลุม 50 สาขาภายใน 2 ปีข้างหน้า ก็เป็นไปได้สูง
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_55782
Retail
Homepro จะสามารถพลิกฟื้นธุรกิจด้วยกลยุทธ์รุกตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบในปี 2564 หรือไม่?
null
ยังไม่ชัดเจน ด้านบวก: - Homepro มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง - Homepro มีสินค้าหลากหลาย - Homepro มีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีก - Homepro ลงทุนในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ - Homepro มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ด้านลบ: - Homepro เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหญ่ - Homepro ยังไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากนัก - Homepro อาจประสบปัญหาในการจัดส่งสินค้า - Homepro อาจประสบปัญหาในการให้บริการลูกค้า ปัจจัยที่ต้องติดตาม: - กลยุทธ์ของ Homepro ในการรุกตลาดออนไลน์ - ผลตอบรับจากลูกค้าต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Homepro - ความสามารถของ Homepro ในการแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ สรุป: Homepro มีศักยภาพที่จะพลิกฟื้นธุรกิจด้วยกลยุทธ์รุกตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ However, ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องติดตาม การวิเคราะห์: Homepro มีจุดแข็งหลายอย่าง เช่น ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง สินค้าหลากหลาย และประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีก However, Homepro ยังมีจุดอ่อนหลายอย่าง เช่น ประสบการณ์ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จำกัด และปัญหาในการจัดส่งสินค้า อนาคตของ Homepro ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่ใช้ ผลตอบรับจากลูกค้า และความสามารถในการแข่งขัน ประเด็นสำคัญ: - Homepro จำเป็นต้องพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ - Homepro จำเป็นต้องดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม - Homepro จำเป็นต้องจัดส่งสินค้าให้ตรงเวลาและมีประสิทธิภาพ - Homepro จำเป็นต้องให้บริการลูกค้าออนไลน์ที่มีคุณภาพ โอกาส: ผู้บริโภคไทยมีแนวโน้มซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีขนาดใหญ่และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก Homepro มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สามารถช่วย Homepro ขยายธุรกิจออนไลน์ อุปสรรค: - Homepro เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหญ่ - Homepro ยังไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากนัก - Homepro อาจประสบปัญหาในการจัดส่งสินค้า - Homepro อาจประสบปัญหาในการให้บริการลูกค้า คำแนะนำ: - Homepro ควรพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง - Homepro ควรดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม - Homepro ควรลงทุนในระบบจัดส่งสินค้า - Homepro ควรพัฒนาบริการลูกค้าออนไลน์
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_55790
Retail
ผลกระทบของการรัฐประหารในเมียนมาต่อธุรกิจค้าปลีกในไทยมีอะไรบ้าง?
null
การรัฐประหารในเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเมียนมาอย่างรุนแรง ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในไทยดังต่อไปนี้ 1. การค้าชายแดนหดตัว การส่งออกสินค้าไทยไปเมียนมาหดตัวลง 12.4% ในปี 2563 และคาดว่าจะหดตัวต่อเนื่องอีก 0.5% ในปี 2564 สาเหตุหลักมาจาก -เศรษฐกิจเมียนมาชะลอตัวลงอย่างมากจากผลพวงของการรัฐประหาร -การควบคุมเข้มงวดการค้าชายแดนจากทั้งไทยและเมียนมา -ผู้บริโภคชาวเมียนมามีกำลังซื้อลดลง -ธุรกิจค้าปลีกในไทยที่พึ่งพาการส่งออกไปเมียนมาได้รับผลกระทบโดยตรง ตัวอย่างสินค้าที่ส่งออกไปเมียนมา -อาหารและเครื่องดื่ม -ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค -วัสดุก่อสร้าง -เครื่องใช้ไฟฟ้า -ชิ้นส่วนยานยนต์ -ธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าเหล่านี้จำเป็นต้องหาตลาดใหม่ หรือปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรับมือกับสถานการณ์ 2. การนำเข้าแรงงานเมียนมาลดลง -แรงงานเมียนมาเป็นแรงงานสำคัญในธุรกิจค้าปลีกไทย โดยเฉพาะในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าปลีกขนาดเล็ก -การรัฐประหารทำให้แรงงานเมียนมาบางส่วนกลับประเทศ -ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกในไทยขาดแคลนแรงงาน -ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องปรับขึ้นค่าจ้าง หรือหาวิธีดึงดูดแรงงานจากประเทศอื่น -ต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นส่งผลต่อกำไรของธุรกิจค้าปลีก 3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย -สถานการณ์ทางการเมืองในเมียนมายังคงมีความไม่แน่นอน -มีความเสี่ยงเกิดเหตุจลาจล หรอความรุนแรง -ส่งผลต่อความปลอดภัยของนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปเมียนมา -ธุรกิจค้าปลีกที่ลงทุนในเมียนมาต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัย 4. ภาพลักษณ์ของประเทศไทย -การรัฐประหารในเมียนมาส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทางลบ -นักลงทุนต่างชาติอาจมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในภูมิภาค -ส่งผลต่อการดึงดูดการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสสำหรับธุรกิจค้าปลีกในไทย -รัฐบาลไทยสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อชดเชยการหดตัวของการค้าชายแดน -ธุรกิจค้าปลีกสามารถปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อมุ่งเน้นไปที่ตลาดในประเทศ -ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์มีโอกาสเติบโต -ธุรกิจค้าปลีกที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้รวดเร็ว จะสามารถประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ โดยสรุป ผลกระทบของการรัฐประหารในเมียนมาต่อธุรกิจค้าปลีกในไทยนั้นมีทั้งด้านลบและด้านบวก ธุรกิจค้าปลีกที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และหาโอกาสใหม่ๆ จะสามารถประสบความสำเร็จในระยะยาว
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55799
Retail
การฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นมีผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในญี่ปุ่นอย่างไร?
null
มี เหตุผล คือ: 1. ความสัมพันธ์ระหว่างการฆ่าตัวตายกับเศรษฐกิจ: - การฆ่าตัวตายมักเกิดขึ้นจากปัญหาเศรษฐกิจ - ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้คนตกงาน สูญเสียรายได้ - ผู้คนไม่มีเงินซื้อของ 2. ข้อมูลสนับสนุน: - อัตราการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 16% ในช่วงการระบาดของ COVID-19 - ญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ฆ่าตัวตายมากที่สุดใน G7 - เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลง 5.2% ในปี 2563 - อัตราการว่างงานในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.0% ในปี 2563 3. ผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก: - ผู้บริโภคมีกำลังซื้อน้อยลง - ยอดขายสินค้าลดลง - ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัว 4. ตัวอย่างผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก: - ห้างสรรพสินค้าลดจำนวนพนักงาน - ร้านค้าปิดตัวลง - ธุรกิจออนไลน์เติบโต 5. แนวโน้มในอนาคต: - ผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกอาจรุนแรงขึ้น - ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวอย่างมาก - ธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะประสบความสำเร็จ สรุป: การฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นมีผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในญี่ปุ่นอย่างมาก ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง หมายเหตุ: ข้อมูลในคำตอบนี้มาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น Japan Today, Numbeo, JHU คำตอบนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ depending on the actual situation. คำถามเพิ่มเติม: 1. ธุรกิจค้าปลีกสามารถปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้น? ตอบ: - ลดต้นทุน - มุ่งเน้นไปที่สินค้าจำเป็น - นำเสนอสินค้าและบริการที่คุ้มค่า - พัฒนาช่องทางขายออนไลน์ - เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง 2. อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกควรใช้เพื่อประสบความสำเร็จในภาวะเศรษฐกิจถดถอย? ตอบ: - เน้นการตลาดดิจิทัล - มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย - พัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า - เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน - รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า 3. รัฐบาลญี่ปุ่นควรมีบทบาทอย่างไรในการแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตาย? ตอบ: - พัฒนานโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ - เพิ่มสวัสดิการสำหรับผู้ตกงาน - ขยายบริการด้านสุขภาพจิต - รณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาการฆ่าตัวตาย
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_55805
Retail
มาตรการเยียวยาของรัฐบาลมีผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
นายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวถึงการออกมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยมาตรการดังกล่าว เช่น การลดค่าน้ำ ค่าไฟ เงินชดเชย ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าคนไทยได้รับวัคซีนทุกคน ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวหลังจากมีการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยได้กล่าวว่าเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติในมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มาตรการดังกล่าวที่นายกรัฐมนตรีได้พูดถึง เช่น ลดค่าไฟฟ้าเป็นเวลา 2 เดือน ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม สำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยให้ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก ลดค่าน้ำประปาลง 10% สำหรับบ้านพักอาศัยและกิจการขนาดเล็ก ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม อินเตอร์เน็ต จะเพิ่มความเร็วให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนการทำงานที่บ้าน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เปิดลงทะเบียนคนละครึ่งภายในสิ้นเดือนนี้อีก 1 ล้านสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงการคลังหาทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เช่น เกษตรกร ฯลฯ คนละ 3,500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือนก่อน กำลังหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการอยู่ และพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ จัดหาหน้ากากอนามัยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือมีรายได้น้อย การจัดหาวัคซีนนายกยืนยันว่าคนไทยจะได้ฉีดทุกคน และเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ เร่งรัดให้มีการสอบข้าราชการให้ได้โดยเร็ว ทดแทนราชการที่เกษียณอายุ และทำให้ประชาชนมีโอกาสได้งาน ประชาชนสามารถโทรแจ้งเรื่องบ่อนได้ที่ 1111 สายด่วนรัฐบาล ลดค่าไฟฟ้าเป็นเวลา 2 เดือน ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม สำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยให้ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก ลดค่าน้ำประปาลง 10% สำหรับบ้านพักอาศัยและกิจการขนาดเล็ก ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม อินเตอร์เน็ต จะเพิ่มความเร็วให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนการทำงานที่บ้าน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เปิดลงทะเบียนคนละครึ่งภายในสิ้นเดือนนี้อีก 1 ล้านสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงการคลังหาทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เช่น เกษตรกร ฯลฯ คนละ 3,500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือนก่อน กำลังหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการอยู่ และพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ จัดหาหน้ากากอนามัยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือมีรายได้น้อย การจัดหาวัคซีนนายกยืนยันว่าคนไทยจะได้ฉีดทุกคน และเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ เร่งรัดให้มีการสอบข้าราชการให้ได้โดยเร็ว ทดแทนราชการที่เกษียณอายุ และทำให้ประชาชนมีโอกาสได้งาน ประชาชนสามารถโทรแจ้งเรื่องบ่อนได้ที่ 1111 สายด่วนรัฐบาล สำหรับมุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มีมุมมองว่า มาตรการเยียวยา COVID-19 รอบใหม่จากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นทั้งการลดค่าน้ำ-ค่าไฟ 2 เดือน โครงการ “เราชนะ” รับเงินคนละ 3,500 บาท 2 เดือน ซึ่งจะเข้าในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า รวมถึงการช่วยเหลือค่าอินเตอร์เน็ต ลดภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและค่าธรรมเนียมการโอน โดยรวมแล้วนั้นเป็นบวกต่อกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม และกลุ่มค้าปลีก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related รัฐบาลคาดการณ์เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อาจยาวกว่า 3 เดือน In "News" ประยุทธ์แถลงฯ โควิดร้ายแรง เศรษฐกิจไทยเจอปัญหาน้อย ขอคนไทยรับผิดชอบสังคมมากขึ้น In "Article" นายกชี้ ปรีดี ดาวฉาย ลาออก รัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปได้ มีรองนายกด้านเศรษฐกิจดูแลอยู่ In "Article"
มาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่ประกาศออกมาล่าสุด มีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้: 1. กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย: มาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ทำให้มีเงินเหลือมากขึ้นสำหรับการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกโดยรวม โดยเฉพาะธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยา 2. ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย: มาตรการเงินเยียวยา 3,500 บาทต่อเดือน ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เสริม พอประทังชีวิตในช่วงที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาเปิดกิจการต่อ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม 3. สนับสนุนการทำงานจากบ้าน: มาตรการเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ต ช่วยให้ประชาชนสามารถทำงานจากบ้านได้สะดวกขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะผู้คนมีแนวโน้มที่จะสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น 4. กระตุ้นการท่องเที่ยว: มาตรการ "คนละครึ่ง" ช่วยกระตุ้นให้ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย ส่งผลดีต่อธุรกิจร้านอาหาร ร้านค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว 5. สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค: มาตรการแจกหน้ากากอนามัย แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีนโยบายดูแลประชาชน สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค ทำให้ผู้คนกล้าออกจากบ้านและจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป เช่น: - ประสิทธิภาพของมาตรการ: รัฐบาลจะต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิดว่ามาตรการเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมต่อไป - ระยะเวลาของมาตรการ: มาตรการบางอย่างมีระยะเวลาจำกัด ธุรกิจค้าปลีกต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์หลังจากมาตรการเหล่านี้สิ้นสุดลง - ผลกระทบระยะยาว: มาตรการเยียวยาของรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว รัฐบาลต้องมีแผนรองรับผลกระทบเหล่านี้ โดยสรุป มาตรการเยียวยาของรัฐบาลมีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในหลาย ๆ ด้าน แต่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55813
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....เทคโนโลยีไร้สัมผัสเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในวงการค้าปลีก เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ลูกค้าช้อปปิ้งได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และสะอาด ธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล ควรนำเทคโนโลยีไร้สัมผัสมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
null
เทคโนโลยีไร้สัมผัส: บทใหม่แห่งการช้อปปิ้ง ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง นวล หญิงสาววัย 25 ปี กำลังเดินเล่นช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า เธอรู้สึกเบื่อหน่ายกับการต้องต่อคิวยาวเหยียดเพื่อชำระเงินสินค้า เธอลังเลว่าจะซื้อของต่อหรือไม่ ทันใดนั้น สายตาของนวลก็เหลือบไปเห็นป้ายสีสันสดใสที่เขียนว่า "ช้อปปิ้งไร้สัมผัส สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย" นวลตัดสินใจเดินเข้าไปดู ป้ายดังกล่าวปรากฏอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง เธออ่านรายละเอียดบนป้ายอย่างตั้งใจ "เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 'ShopTouchless' เลือกสินค้าที่ต้องการ สแกน QR Code บนป้ายราคา และชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถช้อปปิ้งได้โดยไม่ต้องสัมผัสสินค้าหรือพนักงาน!" นวลรู้สึกตื่นเต้นกับเทคโนโลยีใหม่นี้ เธอโหลดแอปพลิเคชัน 'ShopTouchless' ทันที ภายในแอปพลิเคชัน นวลเลือกเสื้อยืดสีฟ้าตัวโปรด เธอสแกน QR Code บนป้ายราคา แอปพลิเคชันแสดงรายละเอียดสินค้า ราคา และจำนวนสินค้าที่เหลือในสต็อก นวลกดปุ่ม "ชำระเงิน" เลือกวิธีการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต แอปพลิเคชันแจ้งเตือนการชำระเงินสำเร็จ นวลรู้สึกทึ่งกับความสะดวกและรวดเร็วของเทคโนโลยีนี้ เธอไม่ต้องต่อคิวยาวเหยียด ไม่ต้องสัมผัสสินค้าหรือพนักงาน และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย นวลเดินช้อปปิ้งต่อด้วยความเบิกบาน เธอสแกน QR Code บนป้ายราคาสินค้าหลายชิ้น ชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน 'ShopTouchless' ภายในเวลาไม่กี่นาที นวลช้อปปิ้งสินค้าเสร็จสิ้น เธอรู้สึกพึงพอใจกับประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่นี้ นวลคิดทบทวนถึงข้อดีของเทคโนโลยีไร้สัมผัส สะดวกและรวดเร็ว: ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลา ไม่ต้องต่อคิวยาวเหยียด ปลอดภัย: ช่วยลดการสัมผัสระหว่างลูกค้าและพนักงาน ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค สะอาด: ช่วยลดการสัมผัสสินค้า ช่วยให้สินค้าสะอาดอยู่เสมอ ทันสมัย: สร้างภาพลักษณ์ทันสมัยให้กับธุรกิจ นวลรู้สึกว่าเทคโนโลยีไร้สัมผัสนี้จะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในวงการค้าปลีก เธอคิดว่าห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่าง ๆ ควรนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_55815
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ผู้บริโภคยุคใหม่ ใส่ใจสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และมองหาตัวเลือกใหม่ ๆ
null
มังสวิรัติ... ทางเลือกใหม่ ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ยามเช้าตรู่ เต็มไปด้วยสีสันสดใส แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านกระจกบานใหญ่ ตกกระทบใบหน้าของ "นลิน" หญิงสาววัย 28 ปี ผู้กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้า สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ ร้านอาหาร มองดูผู้คนมากมายที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารเช้า นลินเป็นผู้บริโภคยุคใหม่ ใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เธอหันมาทานอาหารมังสวิรัติมาสักระยะแล้ว อาหารมังสวิรัติไม่ได้จำกัดแค่ผักต้ม เต้าหู้จืด แต่มีตัวเลือกมากมาย เช้านี้เธอเลือกทาน "ลาบทอด" เมนูใหม่จากแบรนด์ More Meat แบรนด์ไทยที่ผลิต Plant-based Meat หรือโปรตีนจากพืช รสชาติของลาบทอดนั้นอร่อยไม่แพ้ลาบหมู เนื้อสัมผัสคล้ายเนื้อสัตว์ ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ นลินนึกย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นเธอเริ่มสนใจทานอาหารมังสวิรัติ แต่ด้วยความที่ตัวเลือกยังมีน้อย เธอจึงต้องลองผิดลองถูก บางครั้งก็ทานอาหารไม่ถูกปาก บางครั้งก็หาซื้อวัตถุดิบยาก แต่ปัจจุบัน ตลาด Plant-based Food เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ เข้ามาทำตลาด ตัวเลือกสินค้ามีมากมาย หาซื้อได้ง่าย สะดวก นลินรู้สึกดีใจที่ได้เห็นการเติบโตของตลาดนี้ เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_55824
Retail
ขอใจความสำคัญของบทความเรื่อง "มุมมองการวิเคราะห์หุ้นไทย: การฟื้นตัวและความมั่นคงในปีหน้า" ให้หน่อยได้ไหมคะ?
บทวิเคราะห์หุ้นไทยจากสถาบันการเงินต่างประเทศ “เครดิต สวิส” มองว่าหุ้นไทยปีหน้าฟื้นตัวโดดเด่นในเอเชียในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ และหุ้นไทยยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ หลังจากหุ้นไทยทำผลตอบแทนแย่ในปีนี้จากโครงสร้างเศรษฐกิจที่มีปัญหา Credit Suisse ได้ออกบทวิเคราะห์ถึงหุ้นไทยปี 2021 ว่าหุ้นไทยจะมีการฟื้นตัวโดดเด่นสุดในเอเชียหลังจากนี้ 2-3 ปี และมองว่าหุ้นไทยเองมีมูลค่าที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมองว่าผลตอบแทนหุ้นไทยเป็นค่าเงินบาทมีมากถึง 17% และเป็นดอลลาร์สหรัฐถึง 20% หลังจากที่ในปีนี้หุ้นไทยได้ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในเอเชีย จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลต่อการท่องเที่ยว-ส่งออก นอกจากนี้ในบทวิเคราะห์ยังมองว่านักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินต่างๆ น่าจะหยุดปรับลดคาดการณ์กำไรหุ้นไทยลงในเร็วๆ นี้ ซึ่งการปรับลดคาดการณ์นั้นส่งผลกระทบต่อดัชนีหุ้นไทยอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แถมซ้ำร้ายยังทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติเองเทขายหุ้นไทยออกมาชุดใหญ่ ทำให้อัตราการถือครองหุ้นไทยในมือนักลงทุนชาวต่างชาติเป็นสถิติต่ำสุด ด้านของการเมืองไทยเองนั้น Credit Suisse มองว่ามีผลกระทบปานกลาง แต่มองว่าเรื่องการเมืองจะกดดันหุ้นไทยไม่ได้มากจากปัจจัยที่แข็งแกร่ง และมองว่าการประท้วงจะมีต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปีต่อจากนี้ อย่างไรก็ดีสถาบันการเงินจากสวิตเซอร์แลนด์รายนี้มองว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย จากปัจจัยพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังคงแข็งแกร่งรวมถึงแรงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา Credit Suisse ยังเชื่อว่าปัญหาการเมืองไทยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจพอสมควร และที่สำคัญคือเรื่องของความไม่แน่นอนว่าใครจะได้กลายเป็นรัฐบาลหลังจากการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จสมบูรณ์ ความไม่แน่นอนเหล่านี้ก็อาจทำให้ธุรกิจไม่สามารถตัดสินใจลงทุนในไทยได้ ขณะที่การเพิ่มน้ำหนักในหุ้นไทยในช่วงนี้ในบทวิเคราะห์ของ Credit Suisse ชี้ว่าไม่ใช่จากเรื่องของโครงสร้างของไทย แต่ไทยเองยังมีปัญหาเรื่องสังคมผู้สูงอายุ การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ภาคเศรษฐกิจใหม่ที่มีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของไทยที่ยังขาดแคลน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น Credit Suisse มองว่าจะเข้ามาในไทยได้ช่วงครึ่งหลังของปี 2021 โดยให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนจากประเทศต่างๆ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ ขณะที่ชาวไทยเองนั้นคาดว่าจะได้รับวัคซีนได้ช่วงปลายปี 2021 และคาดว่าไทยอาจต้องซื้อวัคซีนจากบริษัทยาเพิ่มเติมด้วย Credit Suisse มองเป้า SET Index ปลายปี 2021 ที่ 1,660 จุด แนะนำเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มเหล่านี้ ธนาคาร ปิโตรเคมี ท่องเที่ยว โรงพยาบาล ค้าปลีก ธนาคาร ปิโตรเคมี ท่องเที่ยว โรงพยาบาล ค้าปลีก ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related มองหุ้นไทยปี 2021 ยังคงน่าสนใจจากการฟื้นตัว แต่ระยะยาวเศรษฐกิจจะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ In "Article" Goldman Sachs มองหุ้นธนาคารไทยปี 2021 ฟื้นตัวเด่นครึ่งปีหลัง แต่กังวลกลุ่มธุรกิจ SME ฟื้นตัวช้า In "Article" มุมมองหุ้นไทยปี 2019 จาก Credit Suisse “หุ้นไทยแพงแถมโตนิดเดียว” แนะเลือกรายหุ้น In "Analysis" ​
บทวิเคราะห์หุ้นไทยจากสถาบันการเงินต่างประเทศ "เครดิต สวิส" ระบุว่าหุ้นไทยจะฟื้นตัวและโดดเด่นในภูมิภาคเอเชียในช่วง 2-3 ปีถัดไป โดยมีเหตุผลจากมูลค่าหุ้นไทยที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา และผลตอบแทนที่สูงถึง 17-20% เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในปีนี้ หุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้มีผลตอบแทนที่แย่ที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปรับลดคาดการณ์กำไรหุ้นไทยจะลดลงและสถาบันการเงินต่าง ๆ จะหยุดปรับลดคาดการณ์ในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาด้านการเมืองไทย สถาบันเชื่อว่ามีผลกระทบปานกลางและการเมืองไม่น่าจะกดดันหุ้นไทยมาก แม้มีความไม่แน่นอนในว่าใครจะเป็นรัฐบาลหลังจากการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการลงทุนในไทย นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านสังคมผู้สูงอายุ แรงงานที่ขาดแคลนทักษะ และการขาดแคลนในภาคเศรษฐกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี สำหรับด้านการท่องเที่ยว สถาบันนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาในไทยในครึ่งหลังของปี 2021 โดยที่นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนจากต่างประเทศสามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้ ในขณะที่ประชาชนไทยคาดว่าจะได้รับวัคซีนในปลายปี 2021 สุดท้าย สถาบันการเงินนี้มองเป้า SET Index ปลายปี 2021 ที่ 1,660 จุด และแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักในกลุ่มธนาคาร, ปิโตรเคมี, ท่องเที่ยว, โรงพยาบาล, และค้าปลีก โดยเชื่อว่าเหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่มีการฟื้นตัวและโตเต็มที่ในช่วงนี้
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55825
Retail
ช่วยสรุปบทความ ปตท. ขยายธุรกิจกาแฟ ทุ่มเงิน 171.99 ล้านบาท ถือหุ้น 65% ในบริษัทแม่เจ้าของร้านกาแฟชื่อดัง Pacamara
บมจ. ปตท. ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ. ปตท. นำ้มันและการค้าปลีก ได้เข้าลงทุนในบริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม กาแฟอย่างครบวงจรในประเทศไทย สัดส่วน 65% เป็นเม็ดเงินทั้งสิ้น 171.99 ล้านบาท สำหรับ พีเบอร์รี่ ไทย นั้นเป็นทั้งผู้จัดหา ผลิต และจัดจำหน่ายเมล็ดกาแฟ และอุปกรณ์สำหรับการเปิดร้านกาแฟ รวมถึงให้บริการดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งประกอบธุรกิจร้านกาแฟประเภท Specialty Coffee ภายใต้แบรนด์ Pacamara การลงทุนครั้งนี้ของ บมจ. ปตท. นำ้มันและการค้าปลีก จะทำให้บริษัทสามารถขยายขอบเขตธุรกิจกาแฟอย่างครบวงจร และเปิดโอกาสในการเข้าสู่ตลาดกาแฟกลุ่ม Specialty Coffee เพิ่มศักยภาพการจัดหาวัตถุดิบและ อุปกรณ์ รวมถึงบริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายของร้านคาเฟ่อเมซอน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจเพื่อให้ร้านคาเฟ่อเมซอนเป็นร้านกาแฟระดับโลก ร้านกาแฟ Pacamara นั้นก่อตั้งโดย ชาตรี ตรีเลิศกุล และสาขาแรกของ Pacamara นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะขยายสาขาเข้ามาในกรุงเทพมหานครในภายหลัง โดยข้อมูลล่าสุดจาก Wongnai ร้านกาแฟ Pacamara มีสาขาในไทยทั้งสิ้น 10 สาขา ในปี 2019 มูลค่าตลาดของ Specialty Coffee นั้นอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท หรือ 10% ของตลาดกาแฟคั่วบด โดย Specialty Coffee คือการคัดเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้ามาคัดสรรเพื่อได้เมล็ดที่มีคุณภาพก่อนนำไปผ่านกระบวนการแปรรูป และคั่วอย่างมีหลักการ ทำให้มีรสชาติเฉพาะตัว มีความพิเศษจากกาแฟทั่วๆ ไป
บมจ. ปตท. แจ้งลงทุนในบริษัทมอดูลัส เวนเจอร์ (ลูกของบมจ. ปตท.) ซึ่งลงทุนในบริษัท Pacamara เพื่อขยายธุรกิจกาแฟ โดย Pacamara เป็นผู้จัดหา ผลิต และจำหน่ายกาแฟ Specialty Coffee ในตลาดไทย บมจ. ปตท. มุ่งสู่ตลาด Green Coffee และร้าน Specialty Coffee สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจ การลงทุนนี้เสริมโอกาสในการเพิ่มศักยภาพจัดหาวัตถุดิบและบริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ Pacamara มีร้านทั้งหมด 10 สาขาในไทย โดยยังร่วมกับธุรกิจร้านคาเฟ่อเมซอน สาขาแรกของ Pacamara ตั้งอยู่ในเชียงใหม่และขยายสาขาเข้ากรุงเทพฯ. Specialty Coffee มีมูลค่าตลาดประมาณ 2,000 ล้านบาทในปี 2019 หรือ 10% ของตลาดกาแฟคั่วบด
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55837
Retail
จงบอกข้อดีที่ทำให้ธุรกิจด้าน High Spending ในไทยที่ได้มีการพัฒนา Loyalty Program เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้า
null
ในตลาดประเทศไทย พบว่าหลายแบรนด์จากหลายอุตสาหกรรมเริ่มพัฒนา Loyalty Program ของตัวเองให้ตอบโจทย์อินไซต์ของลูกค้าของตัวเองให้มากที่สุด โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม High Spending ที่เป็น Potential Customers ในทุกแบรนด์ ซึ่งหากสามารถสร้าง Loyalty ต่อแบรนด์ให้เกิดขึ้นได้แล้ว ย่อมสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ต่อไปในระยะยาว และเป็นการยากที่คู่แข่งจะแย่งความเป็น Top of mind นี้ไปได้ ยกตัวอย่างเช่น วงการ Telecommunication อย่าง AIS Serenade ที่มีระดับตั้งแต่ Emerald, Gold จนถึง Platinum แบรนด์ Dtac ที่มี Silver, Gold และ Blue Member วงการบัตรเครดิต อาทิ บัตรเครดิต Citi ที่มีหลากหลายบัตรและเกณฑ์ในการรับเชิญขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้สมัคร และวงการที่เรียกว่าเริ่มทำ Loyalty Program กันมาอย่างยาวนาน อย่างวงการรีเทล ที่ทั้งสามค่ายดัง ทั้งค่าย The Mall ที่มีพรีเมียมเทียร์ชื่อ SCARLET M Card/PLATINUM M Card ที่ต้องได้รับการเรียนเชิญเท่านั้น ค่าย Siam Piwat ที่มีพรีเมียมเทียร์ชื่อ VIZ Card – Black ที่ต้องได้รับการเรียนเชิญเท่านั้น และ VIZ Card – Titanium ที่ต้องช้อป 1,000,000 บาทต่อปี ถึงจะได้รับการอัพเกรด และค่าย Central 1. เพิ่มการดูแลสมาชิกกลุ่ม High Potential กับ Premium Loyalty Program แรกของ The 1 Central นับเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่คนไทยคุ้นเคยกันดีกับลอยัลตี้โปรแกรมจากกลุ่มในชื่อ The 1 ที่ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 17 ล้านราย มีการใช้งานกว่า 6 แสนครั้ง/วัน Customer Touchpoints กว่า 30,000 แห่งทั่วโลก รวมถึงมีพาร์ทเนอร์ใน Business Ecosystem ครอบคลุมถึง 8 หมวดอุตสาหกรรม ทั้งธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจอุปกรณ์และพื้นที่ทำงาน ธุรกิจเพื่อสุขภาพ ธุรกิจการท่องเที่ยว การเดินทาง และการขนส่ง ธุรกิจเพื่อการอยู่อาศัย ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจการเงิน นอกจากนี้ The 1 ยังได้พัฒนา The 1 Platform และเปิดตัว “New The 1” Digital Lifestyle Platform เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่พร้อมให้สมาชิกเข้าถึงประสบการณ์ต่างๆ แบบ Seamless Experience ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และอีกหนึ่งมูฟเม้นต์สำคัญในปีนี้ ที่ทาง The 1 ตั้งใจพัฒนาเพื่อให้สามารถดูแลสมาชิกได้ดียิ่งขึ้น กับเทียร์โปรแกรมน้องใหม่ The 1 Exclusive พรีเมียมเทียร์ครั้งแรกของ The 1 หลังจากที่ดำเนินการมากกว่า 14 ปี 2. ผนึกจุดเด่น ตอบโจทย์ความต้องการสมาชิกพรีเมียม ด้วยสิทธิประโยชน์ในแบบ The 1 Exclusive ด้วยความเป็นน้องใหม่ในตลาด The 1 Exclusive ก็ได้พัฒนาให้แตกต่างจากพรีเมียมเทียร์โปรแกรมอื่นๆ โดยดึงเอาจุดเด่นขององค์กรมาตอบโจทย์ลูกต้าในยุคนี้มากที่สุด ทั้งการใช้พลังจาก Business Ecosystem ที่มีทั้งจากใน Central Group และพาร์ทเนอร์อื่นๆ ซึ่งมีจุดบริการที่ครอบคลุมหลากหลายสถานที่และมีแบรนด์หลากหลาย ทำให้ The 1 Exclusive สามารถมอบสิทธิประโยชน์ได้ครอบคลุม ไม่ได้จำกัดเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือในแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดพิเศษ ณ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า รวมถึงแบรนด์ต่างๆ ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โรบินสัน พาวเวอร์บาย ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท แบรนด์ในกลุ่ม CMG ไทวัสดุ บ้านแอนด์บียอนด์ หรือแม้แต่ห้างในยุโรปของเครืออย่างห้างสรรพสินค้า KaDeWe, Rinascente และ ILLUM ก็ร่วมด้วย 3. เป็นเทียร์ที่เข้าถึงได้ไม่ยาก เพราะสามารถสะสมยอดใช้จ่ายจากทุกไลฟ์สไตล์ หากจะกล่าวถึงการเป็นสมาชิกโปรแกรมสิทธิประโยชน์ระดับพรีเมียมที่มีอยู่ในตลาดรีเทลตอนนี้ จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นการเรียนเชิญเกือบทั้งหมด หรือไม่ก็มียอดใช้จ่ายที่สูง แต่การที่จะได้รับสถานะ The 1 Exclusive ไม่ได้เกินเอื้อม เพียงมียอดใช้จ่ายสะสมในกลุ่มเซ็นทรัลครบ 250,000 บาท ภายใน 1 ปี หรือเฉลี่ยเดือนละ 20,833.33 บาทเท่านั้น โดยนับรวมทุกยอดใช้จ่ายของธุรกิจภายใต้เซ็นทรัลรีเทล ยกตัวอย่างเช่น ซื้อสินค้าที่ท็อปส์ สินค้าแต่งบ้านที่บ้านแอนด์บียอนด์ สินค้าแฟชั่นและบิวตี้ที่ห้างเซ็นทรัล เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พาวเวอร์บาย เครื่องกีฬาที่ซูเปอร์สปอร์ต หรือแม้กระทั่งสินค้าจากร้านสะดวกซื้ออย่างแฟมิลี่มาร์ท บริการพิเศษต่างๆ ก็ผนึกกำลังกันทั้งเครือ เช่น ที่จอดรถโซนพิเศษที่ได้เกือบทุกตึกของเซ็นทรัล สิทธิการเข้าเล้าจน์ ฯลฯ บริการผู้ช่วยส่วนบุคคล (Personal Assistant) ที่สามารถช่วยจองสินค้า ร้านอาหาร สปา หรือบริการอื่นๆ ที่ไม่ต้องสำรองเงินก่อน ได้ในทุกห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้สมาชิกไม่ต้องนั่งจำว่าร้านไหนต้องโทรหาใคร 4. สะดวกครบจบในแอปพลิเคชั่นเดียว อีกหนึ่งความโดดเด่นของ The 1 Exclusive ก็การพัฒนา Customer Experience ผ่าน The 1 Platform ให้มีหน้าตาที่แตกต่างจากสมาชิก The 1 ทั่วไป ซึ่งการรวบรวมรายละเอียดสิทธิประโยชน์ของสมาชิกทั้งหมดมารวมไว้ในที่เดียว และยังสามารถรับสิทธิพิเศษ บริการพิเศษ ของรางวัลและข้อเสนอพิเศษต่างๆ ได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องบัตรสมาชิก เรียกว่าแอปเดียวเอาอยู่
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55841
Retail
กลยุทธ์การขาย 11.11 ของ Alibaba ในปี 2024 มีอะไรบ้าง และส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
ก้าวเข้าสู่วันที่ 11 เพียงครึ่งชั่วโมงแรกงาน ยอดขายรวมในวันช้อปปิ้งโลก 11.11 ของ Alibaba ก็ทำสถิติใหม่เป็นที่เรียบร้อย ในปีนี้ Alibaba ไม่ได้จัดงาน 11.11 เพื่อให้ช้อปปิ้งภายใน 24 ชั่วโมงเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่จัดงานต่อเนื่องถึง 11 วัน ล่าสุด ในวันงานจริง ผ่านไปเพียง 30 นาที ยอดขายรวมทุกหมวดหมู่ (GMV) ของงานทั้ง 11 วัน ได้ทะลุ 3.723 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.71 ล้านล้านบาท) ทำลายสถิติของปีก่อนหน้าที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 2.684 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.16 ล้านล้านบาท ตัวเลขยอดขายรวม 1.71 ล้านล้านบาทของ Alibaba ถือว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท (ใช้การคาดการณ์โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 25-30% แบบปีต่อปี) แต่ที่สำคัญคือ ตัวเลขยอดขายรวมในงาน 11.11 ยังคงเดินหน้าต่อไป คงต้องรอดูจนจบงานว่ายอดขายรวมในปีนี้จะไปปิดที่เท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม งาน 11.11 ในปีนี้เกิดขึ้นภายใต้สภาพเศรษฐกิจและธุรกิจค้าปลีกของจีนที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ขายและกระตุ้นการบริโภคให้เพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นเสมือนการปลดปล่อยพลังแห่งการบริโภคที่อัดอั้นมานานจากสถานการณ์โควิดที่ทำให้เดินทางไปท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยไม่สะดวก Alibaba ระบุว่า ในปีนี้ได้ช่วยให้แบรนด์และร้านค้า 250,000 ราย กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากผลกระทบของโควิด-19 ในประเทศจีน ซึ่งสำหรับ Alibaba งาน 11.11 ถือเป็นงานสำคัญที่จะช่วยยกระดับและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของบริษัท รวมทั้งเป็นสนามจริงในการนำความสามารถใหม่ๆ มาทดลองใช้ ในแต่ละปีทั้งแบรนด์ ร้านค้า ผู้บริโภค และพันธมิตรในระบบนิเวศของเศรษฐกิจดิจิทัลของ Alibaba ส่วนสถิติที่น่าสนใจในปีนี้คือ คำสั่งซื้อสูงสุดต่อวินาที อยู่ที่ 583,000 รายการต่อ 1 วินาที สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ Alibaba ในการรองรับปริมาณคำสั่งซื้อมหาศาลได้เป็นอย่างดี ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related Alibaba โค่นยอดขายวัน 11.11 ของปีก่อนได้ภายใน 17 ชม. ด้วยมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านบาท In "Article" สรุปยอดขาย 11.11 ของ Alibaba ทะลุ 1.1 ล้านล้านบาทภายใน 1 วัน In "Article" Alibaba ทำสถิติใหม่ในวัน 11.11 ยอดขายทะลุ 1 แสนล้านหยวน ในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง In "Article"
Alibaba ประสบความสำเร็จอย่างมากกับงาน 11.11 ในปี 2024 โดยมียอดขายรวม 1.71 ล้านล้านบาท ภายใน 30 นาทีแรก กลยุทธ์หลักของงาน 11.11 ในปีนี้มีดังนี้: 1. ขยายระยะเวลาการช้อปปิ้ง: แทนที่จะจัดงาน 11.11 เพียง 24 ชั่วโมง Alibaba ขยายระยะเวลาการช้อปปิ้งเป็น 11 วัน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ผู้บริโภคมีเวลาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น และกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น 2. มุ่งเน้นไปที่การฟื้นตัวหลังโควิด: Alibaba มุ่งเน้นไปที่การช่วยให้แบรนด์และร้านค้าฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 กลยุทธ์นี้ดึงดูดผู้บริโภคที่ต้องการช้อปปิ้งเพื่อปลดปล่อยพลังแห่งการบริโภคที่อัดอั้นมานาน 3. นำเสนอสินค้าหลากหลาย: Alibaba นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภทจากแบรนด์และร้านค้ากว่า 250,000 ราย กลยุทธ์นี้ดึงดูดผู้บริโภคที่มีความสนใจหลากหลาย 4. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที: Alibaba พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเพื่อรองรับปริมาณคำสั่งซื้อที่มหาศาล กลยุทธ์นี้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถช้อปปิ้งได้อย่างราบรื่น ผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก: กลยุทธ์ของ Alibaba ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกดังนี้: 1. เพิ่มยอดขาย: ธุรกิจค้าปลีกที่เข้าร่วมงาน 11.11 มีโอกาสเพิ่มยอดขาย significantly 2. ขยายฐานลูกค้า: ธุรกิจค้าปลีกที่เข้าร่วมงาน 11.11 มีโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่ 3. เพิ่มการเข้าถึงตลาด: ธุรกิจค้าปลีกที่เข้าร่วมงาน 11.11 มีโอกาสเข้าถึงตลาดใหม่ 4. พัฒนาเทคโนโลยี: ธุรกิจค้าปลีกที่เข้าร่วมงาน 11.11 มีโอกาสพัฒนาเทคโนโลยีและระบบการขาย อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของ Alibaba อาจส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ดังนี้: ต้นทุน: ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กอาจต้องลงทุนเพิ่มเพื่อเข้าร่วมงาน 11.11 การแข่งขัน: ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กอาจเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยสรุป กลยุทธ์ของ Alibaba ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกโดยรวม แต่ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กควรเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55853
Retail
ช่วยสรุปบทความ เศรษฐกิจจีน GDP ไตรมาส 3 โตถึง 4.9% ภาคการผลิตและส่งออกยังเติบโตได้แข็งแกร่ง
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยตัวเลข GDP เติบโต 4.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ว่าจะเติบโตในช่วง 5.2-5.5% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของ COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ทำให้ 9 เดือนแรกของปี 2020 นี้เศรษฐกิจจีนเติบโตอยู่ที่ 0.7% ตัวเลขเศรษฐกิจเด่นๆ ในไตรมาส 3 นี้คือ ภาคการผลิตของจีนเติบโตในเดือนกันยายนมากถึง 6.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น เครื่องจักร โรงงาน ฯลฯ เติบโต 7.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ภาคการส่งออกเติบโตในเดือนกันยายนถึง 13.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากติดลบในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัวเลขค้าปลีกเติบโต ในเดือนสิงหาคมเติบโต 0.5% เดือนกันยายนโต 3.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตราการว่างงานที่สำรวจล่าสุดในเดือนกันยายนอยู่ที่ 5.4% ลดลงจากเดือนสิงหาคมซึ่งอยู่ที่ 5.6% อย่างไรก็ดี ING สถาบันการเงินจากเนเธอร์แลนด์กังวลถึงการเติบโตของการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ที่แม้เติบโตถึง 5.6% โดยให้ความเห็นว่าการเติบโตดังกล่าวถึอว่าเป็นปัจจัยสำคัญในตัวเลขของ GDP ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ตัวเลขดังกล่าวกลับเติบโตนำหน้าตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ขณะที่นักวิเคราะห์ก็คาดว่าในปีนี้ตัวเลข GDP จีนจะกลับมาเติบโตในแดนบวกได้ โดย ING คาดว่าปีนี้ GDP จีนจะเติบโตที่ 1.7% และปี 2021 จะเติบโตถึง 7% ด้านของ Goldman Sachs คาดว่าปีนี้ GDP จีนจะเติบโตที่ 2% สอดคล้องกับผู้ว่าธนาคารกลางจีนได้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าตัวเลขของเศรษฐกิจจีนจะเติบโตราวๆ 2%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 2020 โต 4.9% ต่ำกว่าที่คาดไว้ (5.2-5.5%) ภาคการผลิต, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และการส่งออกเติบโต แต่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์. อัตราว่างงานลดลงเป็น 5.4%. นักวิเคราะห์คาดว่าปีนี้ GDP จีนจะเติบโต 1.7%, ส่วน Goldman Sachs คาดว่าเติบโต 2%, ตรงกับที่ธนาคารกลางจีนกล่าวถึง การเติบโตราวๆ 2%
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55871
Retail
ช่วยสรุปบทความ หลังสหรัฐฯ แบน: H&M ประกาศ ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตจีนที่บังคับใช้แรงงานในซินเจียง
ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ สร้างปัญหาให้กันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด H&M ที่ถือเป็นแบรนด์แฟชั่นค้าปลีกขนาดใหญ่ก็ออกมาเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่ายุติความสัมพันธ์กับผู้ผลิตใยสังเคราะห์จากจีน เนื่องจากมีข้อมูลเผยแพร่ออกมาว่า มีการบังคับใช้แรงงานจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียงซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่ ทั้งนี้ รายงานจากสถาบัน think tank อย่าง ASPI (Australian Strategic Policy Institute) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า H&M คือหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานผ่านผู้ผลิตเส้นด้าย dyed yarn (เส้นด้ายที่ผ่านกระบวนการย้อมสีก่อนนำไปทอผ้าต่อ มีราคาสูงเพราะบวกราคาย้อมสีไปแล้ว) ทั้งนี้ H&M ระบุว่าไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับโรงงาน Huafu ใน Anhui ที่อยู่ในซินเจียง ตามลิสต์ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่ามีการบังคับใช้แรงงาน แต่ H&M ก็ยอมรับว่าเกี่ยวข้องทางอ้อมกับ Shangyu ใน Zhejiang ซึ่งก็เป็นของ Huafu Fashion แต่ H&M ก็ยืนยันว่า Shangyu ไม่ได้มีการบังคับใช้แรงงาน ทั้งนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศข้อจำกัดในการนำเข้าเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม และสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ ที่มาจากบริษัทจีน โดยเฉพาะสินค้าที่บังคับใช้แรงงานในมณฑลซินเจียงด้วย นี่อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ H&M ต้องออกมาประกาศชัดเจนว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัทที่เข้าข่ายบังคับใช้แรงงานในจีน ทั้งนี้ก็เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนจากการพยายามแบนสินค้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็พยามสร้างความมั่นใจกับผู้บริโภคว่าแบรนด์ไม่ได้ผลิตจากแรงงานที่ถูกบังคับและทรมานในซินเจียง
H&M ประกาศยุติความสัมพันธ์กับผู้ผลิตใยสังเคราะห์จากจีน เนื่องจากข้อกล่าวหาการบังคับใช้แรงงานในซินเจียง ASPI ระบุว่า H&M เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน ผ่านผู้ผลิตเส้นด้าย dyed yarn (เส้นด้ายที่ผ่านกระบวนการย้อมสีก่อนนำไปทอผ้าต่อ มีราคาสูงเพราะบวกราคาย้อมสีไปแล้ว) H&M ยืนยันไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรงงานใน Anhui ที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับเกี่ยวข้องทางอ้อมกับ Shangyu ใน Zhejiang ที่ไม่ได้มีการบังคับใช้แรงงาน รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการนำเข้าเสื้อผ้า, ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม, และเทคโนโลยีจีน ทำให้ H&M ต้องประกาศไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ใช้แรงงานบังคับในซินเจียง เพื่อลดผลกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ และสร้างความเชื่อมั่นในผู้บริโภคว่าสินค้าไม่ผลิตด้วยแรงงานที่ถูกบังคับใช้ในซินเจียง
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55872
Retail
ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ E-Commerce ในประเทศไทย ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมควรปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้
null
กลยุทธ์สำหรับธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม 1. พัฒนาช่องทางการขายออนไลน์: - เปิดร้านค้าออนไลน์ - ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce - เสนอบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน 2. มอบประสบการณ์ที่แตกต่างและพิเศษแก่ลูกค้า: - เน้นการบริการลูกค้า - เสนอสินค้าและบริการที่ไม่สามารถหาซื้อได้บนช่องทางออนไลน์ - จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ดึงดูดลูกค้า 3. พัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า: - เก็บข้อมูลลูกค้า - วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า - เสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า 4. ลดต้นทุนการดำเนินงาน: - ปรับขนาดธุรกิจให้เหมาะสม - เจรจาต่อรองกับคู่ค้า - นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ ตัวอย่างการนำไปใช้: - ร้านขายเสื้อผ้าสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์และเสนอบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน - ร้านอาหารสามารถเปิดให้บริการสั่งอาหารออนไลน์ - ห้างสรรพสินค้าสามารถจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าที่มาช้อปปิ้งที่ห้าง ผลลัพธ์: - รักษาฐานลูกค้าเก่า - ดึงดูดลูกค้าใหม่ - เพิ่มยอดขาย - ลดต้นทุนการดำเนินงาน ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม: - ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ E-Commerce - พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยี - ร่วมมือกับธุรกิจอื่น ๆ ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน การปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล และการมอบประสบการณ์ที่พิเศษแก่ลูกค้า ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถอยู่รอดและเติบโตได้แม้จะเผชิญกับการแข่งขันจาก E-Commerce นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์อื่น ๆ ที่ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถนำไปใช้ได้ เช่น: การนำเสนอสินค้าเฉพาะ: ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถนำเสนอสินค้าเฉพาะที่ไม่สามารถหาซื้อได้บนช่องทางออนไลน์ สิ่งนี้จะช่วยดึงดูดลูกค้าที่มาช้อปปิ้งที่ร้าน การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ: ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าผ่านกิจกรรมพิเศษ การบริการลูกค้า และบรรยากาศภายในร้าน การใช้ประโยชน์จากชุมชน: ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถใช้ประโยชน์จากชุมชนโดยการจัดกิจกรรม สนับสนุนองค์กรท้องถิ่น และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในท้องถิ่น ด้วยการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสม ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถอยู่รอดและเติบโตในยุค E-Commerce
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55874
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ในยุคดิจิทัลนี้ ธุรกิจขนาดเล็กอย่างร้านปั่นปั่นก็สามารถใช้ประโยชน์จากโฆษณาดิจิทัลเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มยอดขายได้
null
ร้านนมปั่นปั่นยอดขายด้วยโฆษณาดิจิทัล กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีร้านนมปั่นชื่อดังในย่านหนึ่งชื่อว่า "ปั่นปั่น" ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องนมปั่นที่เข้มข้น หอมหวาน อร่อยจนใครๆ ก็ติดใจ แต่ทว่า ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในซอยลึก ทำให้ลูกค้าเริ่มบางตาลง ยอดขายตกลงอย่างน่าใจหาย วันหนึ่ง น้องปุ๋ย เจ้าของร้านปั่นปั่น เกิดไอเดียขึ้นมา เธอตัดสินใจลองใช้โฆษณาดิจิทัลเพื่อโปรโมทร้านของเธอ เธอเริ่มต้นด้วยการสร้างเพจ Facebook และ Instagram ของร้าน โพสต์รูปภาพและวิดีโอที่น่าสนใจเกี่ยวกับเมนูต่างๆ ของร้าน ในช่วงแรก ยอดติดตามเพจของร้านยังมีน้อย แต่ปุ๋ยไม่ท้อถอย เธอหมั่นสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น สูตรนมปั่นแปลกใหม่ รีวิวจากลูกค้า โปรโมชั่นพิเศษ ฯลฯ นอกจากนี้ ปุ๋ยยังลองใช้ Facebook Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น เธอกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าของร้าน เน้นไปที่วัยรุ่นและวัยทำงาน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเกินคาด ยอดติดตามเพจของร้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาที่ร้านมากขึ้น ยอดขายของร้านก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง ปุ๋ยรู้สึกดีใจมากที่ตัดสินใจลองใช้โฆษณาดิจิทัล เธอเรียนรู้ว่าโฆษณาดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มยอดขาย
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_55885
Retail
KBank และ Shopee ตอบสนองการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซให้ตอบโจทย์ทั้งร้านค้าและลูกค้าอย่างไร ?
เมื่อแบรนด์เลือกเดินเกมส์ผนึกกำลังกันเพื่อใช้ ‘ของ’ ที่มีตอบโจทย์ลูกค้า บัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ จึงถูกพัฒนาขึ้นให้ผู้ถือบัตรได้ “เชื่อมทุกมิติการช้อป” การที่ KBank และ Shopee สองแบรนด์นี้มาจับมือกัน และเปิดตัว บัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะทั้งสองแบรนด์มีความแข็งแกร่งชัดเจน ฟากหนึ่งเก่งเรื่องการเงิน อีกทั้งมีแบรนด์บัตรเครดิตที่แข็งแรงมายาวนาน ในขณะที่อีกฟากหนึ่งเก่งเรื่องตลาดอี-คอมเมิร์ซอย่างไม่ต้องสงสัย มาดูที่มาของการรวมสองแบรนด์ลงไปในบัตรเครดิต และสิ่งที่คอนซูเมอร์จะได้จากบัตรใบนี้กัน KBank กับกลยุทธ์สร้าง Ecosystem กับ Partner KBank แม้เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศแต่ด้วยแนวโน้มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ และการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มีแต่ธนาคารด้วยกัน แต่กลับมีคู่แข่งที่ไม่ใช่ธนาคารที่มีความคล่องตัว คิดเร็ว ทำเร็ว อย่างกลุ่มฟินเทคหรือสตาร์ทอัพต่างๆทำให้ KBank ปรับกลยุทธ์ด้วยการนำ ‘ของ’ ของตัวเองที่มีอยู่ คือ ศักยภาพทางด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และความเชี่ยวชาญในการให้บริการโซลูชันทางการเงินอย่างครบวงจร ไปรวมกับ ‘ของ’ ของ พันธมิตรและฟินเทคต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนหลากหลายกลุ่ม ในรูปแบบ “Better Together” เพื่อสร้าง Ecosystem ร่วมกับพันธมิตร ให้การบริการของ KBank ไปอยู่ในทุกที่ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการ เกิดโซลูชั่นหรือแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบันให้ได้มากที่สุด สร้าง Ecosystem ร่วมกับ Shopee เพื่อตอบโจทย์ทั้งร้านค้าและขาช้อป บนแอปพลิเคชัน Shopee ปีที่ผ่านมา KBank และ Shopee ได้ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน ร่วมพัฒนาโซลูชั่นการเงินเพื่อตอบสนองการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซที่ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึง Ecosystem ของ Shopee ที่มีทั้งร้านค้า และ ลูกค้า ด้านร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee ด้านร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee ประเดิมความร่วมมือด้วยการปล่อย “เงินกู้ธุรกิจออนไลน์” ให้ผู้ขายบน Shopee สานฝันพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยมีวิทยากรจากธนาคารกสิกรไทย ร่วมให้ความรู้กับร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee ในลักษณะบู้ทแคมป์และล่าสุดได้ร่วมมือกันช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้และผู้ผลิตผลไม้แปรรูป ให้มีช่องทางขายสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภค ผ่านแอปฯ Shopee ภายใต้โครงการ “รวมใจช้อปของไทย” ด้านลูกค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee KBank และ Shopee ได้ร่วมกันทำโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิตกสิกรไทยบนแอปพลิเคชัน Shopee โดยโครงการ “รวมใจช้อปของไทย” มีโปรโมชันพิเศษ แจก Shopee Coins ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าในโครงการ และล่าสุด KBank และ Shopee ได้ร่วมกันผลักดันและเติมเต็มให้กับ Ecosystem ของ Shopee ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัวบัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ ที่มาเพิ่มความคุ้มค่า สะดวก ปลอดภัย ให้กับทุกการใช้จ่ายออนไลน์ รวมถึงการช้อป บนแพลตฟอร์ม Shopee ขานรับการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ชีวิต New Normal ตัวเร่ง Ecosystem ของ Shopee ขยายตัวรวดเร็ว วิถีชีวิต New Normal หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 เป็นตัวเร่งให้คนปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ สุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ช้อปปี้ ประเทศไทย เผยว่า “รูปแบบธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คาดการณ์ว่าในปี 2564 ตลาดอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นอีก 35% และมีมูลค่าตลาดมากถึง 220,000 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาช้อปบน Shopee ขยายเพิ่มมากขึ้น อายุของคนที่เข้ามาซื้อสินค้าขยับสูงขึ้น มีความหลากหลายของสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์สำหรับออกกำลังกาย เห็นเทรนด์การเปิดรับการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น และพฤติกรรมการจ่ายเงินเปลี่ยนมาสู่รูปแบบ Cashless มากขึ้น” ด้าน พรพิมล ปฐมศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ครึ่งปีแรกของปี 2563 การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยที่เป็นการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ มีการเติบโตขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันเทียบกับปี 2562 ถึง 64% นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันการใช้จ่ายบน Shopee ด้วยบัตรเครดิตกสิกรไทย มีมูลค่าการใช้จ่ายเติบโตขึ้นถึง 120% และมียอดใช้จ่ายต่อครั้งสูงกว่าการชำระเงินด้วยช่องทางอื่นๆ” การใช้จ่ายรูปแบบนี้ได้ขยายวงไปถึงผู้สูงวัยที่ไม่เคยสั่งสินค้าผ่านช่องทาง นี้มาก่อน ก็เริ่มสั่งสินค้ากันมากขึ้น เกิดปรากฎการณ์ใหม่ที่คนต่างจังหวัดซื้อสินค้าบนช่องทางออนไลน์เพิ่มมา กขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน การทำโปรโมชันร่วมกัน กับพันธมิตร ยิ่งช่วยเร่งให้การค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ มีการเติบโตขึ้นสูงมากอย่างมีนัยยะสำคัญ จนเปิดโอกาสให้ฐานคนเข้ามาช้อปออนไลน์มากยิ่งขึ้น” บัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ บัตรที่มาถูกที่ถูกเวลากับการเติบโตของการ ช้อปออนไลน์ บัตรที่สร้างมาให้มีภาพจำว่านี่คือ “บัตรของขาช้อปออนไลน์” จากการทำโครงการต่างๆ ร่วมกันระหว่าง KBank และ Shopee ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความแข็งแรงขึ้นใน Ecosystem ของ Shopee ประกอบกับการขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้งบนตลาดอี-คอมเมิร์ซ “บัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้” จึงถูกพัฒนาขึ้น ด้วยแนวคิด “เชื่อมทุกมิติการช้อป” ให้เป็นบัตรใบเดียวที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายออนไลน์อย่างไร้ขีดจำกัด ให้สิทธิประโยชน์เน้นๆ ทุกการใช้จ่ายออนไลน์ทั้งบนช้อปปี้ และร้านค้าออนไลน์อื่นๆ โดยมีสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรทั้งสอง ที่นักช้อปทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ชื่นชอบมาประกบกัน ไม่ว่าจะเป็นการให้คะแนน KBank Reward Point จากธนาคารกสิกรไทย และ Shopee Coins จาก Shopee ไม่ว่าจะช้อปที่ไหน ก็มีสิทธิประโยชน์ให้ ช่วงเปิดตัวแค่เปิดบัตรก็รับ Shopee Coins แน่นๆ ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยมีบัตรเครดิตกสิกรไทยมาก่อน สมัคร และใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ จะได้รับเงินคืนสูงสุดถึง 999 Shopee Coins ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยมีบัตรเครดิตกสิกรไทยมาก่อน สมัคร และใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ จะได้รับเงินคืนสูงสุดถึง 999 Shopee Coins เมื่อใช้บัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ซื้อบนแอปพลิเคชัน Shopee รับ Shopee Coins คืน 1% (สูงสุด 50 Shopee Coins ต่อบัตร ต่อเดือน) รับ KBank Reward Point สูงสุด 10 เท่า เมื่อซื้อสินค้าบนแอปพลิเคชัน Shopee ทุก 1,000 KBank Reward Point รับโค้ดส่วนลดส่วนลด 150 บาท เพื่อใช้ที่แอปพลิเคชัน Shopee รับ Shopee Coins คืน 1% (สูงสุด 50 Shopee Coins ต่อบัตร ต่อเดือน) รับ KBank Reward Point สูงสุด 10 เท่า เมื่อซื้อสินค้าบนแอปพลิเคชัน Shopee ทุก 1,000 KBank Reward Point รับโค้ดส่วนลดส่วนลด 150 บาท เพื่อใช้ที่แอปพลิเคชัน Shopee เมื่อใช้บัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ซื้อในราคาออนไลน์อื่นๆ รับ KBank Reward Point 2 เท่า ที่ร้านค้าออนไลน์อื่นๆ ทุกการช้อป 25 บาท บนยอดช้อปผ่านบัตรฯ ไม่จำกัดคะแนน นอกจากนี้ สำหรับการใช้จ่ายทั่วไป ทุกการช้อป 25 บาท ผ่านบัตรฯ จะได้รับ KBank Reward Point 1 คะแนน ไม่จำกัดยอดใช้จ่าย และสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทาง (วงเงินสูงสุดถึง 8 ล้านบาท) ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เพียงแค่มียอดใช้จ่าย 12 ครั้งต่อปี ประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทาง (วงเงินสูงสุดถึง 8 ล้านบาท) ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เพียงแค่มียอดใช้จ่าย 12 ครั้งต่อปี สามารถตรวจสอบข้อมูลการสมัคร และสิทธิประโยชน์ได้ที่ โดยสามารถสมัครได้ผ่านช่องทางสาขาหรือผ่านแอปพลิเคชัน Shopee ได้ทันที ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related KBank – Shopee เปิดตัวบัตรเครดิต กสิกรไทย-ช้อปปี้ จัดหนักพ้อยท์สูงสุด X10 และช้อปปี้คอยน์คืน 1% In "News" มาตรการจำกัดวงเงินบัตรเครดิตของแบงก์ชาติได้ผล! KBank ชี้หนี้เสียลูกค้าลดลง In "News" เดินชิลที่ “สยามพารากอน” ใช้บัตรเครดิตใบไหน กับ ส่วนไหนดี ? In "Article"
ด้านร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee ประเดิมความร่วมมือด้วยการปล่อย “เงินกู้ธุรกิจออนไลน์” ให้ผู้ขายบน Shopee สานฝันพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยมีวิทยากรจากธนาคารกสิกรไทย ร่วมให้ความรู้กับร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee ในลักษณะบู้ทแคมป์และล่าสุดได้ร่วมมือกันช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้และผู้ผลิตผลไม้แปรรูป ให้มีช่องทางขายสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภค ผ่านแอปฯ Shopee ภายใต้โครงการ “รวมใจช้อปของไทย” ด้านลูกค้าบนแพลตฟอร์ม Shopee KBank และ Shopee ได้ร่วมกันทำโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิตกสิกรไทยบนแอปพลิเคชัน Shopee โดยโครงการ “รวมใจช้อปของไทย” มีโปรโมชันพิเศษ แจก Shopee Coins ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าในโครงการ และล่าสุด KBank และ Shopee ได้ร่วมกันผลักดันและเติมเต็มให้กับ Ecosystem ของ Shopee ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัวบัตรเครดิตกสิกรไทย – ช้อปปี้ ที่มาเพิ่มความคุ้มค่า สะดวก ปลอดภัย ให้กับทุกการใช้จ่ายออนไลน์ รวมถึงการช้อป บนแพลตฟอร์ม Shopee ขานรับการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55888
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถพลิกฟื้นธุรกิจจากขาดทุนกลับมามีกำไรได้อย่างรวดเร็ว?
null
จากบทความ กลยุทธ์หลักที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถพลิกฟื้นธุรกิจจากขาดทุนกลับมามีกำไรได้อย่างรวดเร็ว ประกอบไปด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้ 1. กลยุทธ์ด้านการปรับตัว: - เซ็นทรัล รีเทล ปรับวิธีการทำงานเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า เช่น การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในยุค New Normal - พัฒนาระบบออนไลน์และ Omnichannel เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการช้อปปิ้งออนไลน์ ปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ - เสริมสภาพคล่องทางการเงิน 2. กลยุทธ์ด้านการขยายธุรกิจ: - เซ็นทรัล รีเทล มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การเข้าซื้อกิจการ - ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ - ขยายสาขาไปยังต่างประเทศ 3. กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน: - เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม - สนับสนุนชุมชน เกษตรกร และ SMEs - ยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัย ตัวอย่างผลลัพธ์จากการใช้กลยุทธ์: - เซ็นทรัล รีเทล สามารถกลับมามีกำไรในเดือนมิถุนายน 2563 - ยอดขายในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี กลับมามียอดขายเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 - ผลกำไรโดยรวม (EBITDA) ของบริษัทฯ กลับมาเป็นบวก บทวิเคราะห์: - กลยุทธ์ของเซ็นทรัล รีเทล นั้น มีความครอบคลุมทั้งด้านการปรับตัว การขยายธุรกิจ และความยั่งยืน - กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถพลิกฟื้นธุรกิจจากขาดทุนกลับมามีกำไรได้อย่างรวดเร็ว ประเด็นสำคัญ: - กลยุทธ์ด้านการปรับตัว มีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจค้าปลีกในยุค New Normal - กลยุทธ์ด้านการขยายธุรกิจ ช่วยให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง - กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทฯ และสร้างความมั่นใจให้กับ stakeholders สรุป: เซ็นทรัล รีเทล เป็นตัวอย่างที่ดีของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถพลิกฟื้นจากวิกฤตได้ กลยุทธ์ของเซ็นทรัล รีเทล นั้น สามารถนำไปเป็นบทเรียนสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องการประสบความสำเร็จในยุค New Normal
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55898
Retail
Jeff Bezos ได้บอกว่าอะไรในการสัมภาษณ์เรื่องของ amazon.com เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1999 ?
บริษัท amazon.com บริษัทที่ใครๆ ก็รู้จักทำธุรกิจค้าปลีกอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และโลกมีมูลค่าตลาดหรือ Market Cap ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองก็แค่เพียงบริษัท Apple และ Microsoft เท่านั้น ล่าสุด มูลค่าตลาดของบริษัทสูงถึง 1.48 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดอย่าง Jeff Bezos กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 176,000 ล้านเหรียญ ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง Bernard Arnault เจ้าของบริษัท LVMH และ Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft อยู่มากพอสมควร สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะสื่อสารกับท่านผู้อ่านไม่ใช่รายละเอียดความร่ำรวยของเจ้าของบริษัท แต่เป็นสิ่งที่นำพาให้บริษัทมาถึงจุดนี้ต่างหากคือสิ่งที่อยากจะสื่อสารให้ทราบกัน ผู้เขียนได้มีโอกาสย้อนดูคำสัมภาษณ์ที่สื่อเคยไปสัมภาษณ์คุณ Jeff Bezos ไว้เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1999 หรือเมื่อ 21 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาหุ้นบริษัทดอทคอมกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นกันอย่างร้อนแรง และเป็นตอนที่บริษัทเพิ่งจะมีมูลค่าบริษัทผ่าน 30,000 ล้านเหรียญไปได้ไม่นานนักในช่วงเดือนเมษายนของปี 1999 หลังจากที่บริษัทก่อตั้งมาเป็นเวลา 5 ปี สินค้าที่บริษัทขายหลักๆ ยังเป็นหนังสือแต่ก็เริ่มที่จะขายแผ่น CD เพลงและของเล่นบ้างแล้ว ถ้านับจากตอนนั้นถึงตอนนี้ มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นสูงถึงเกือบ 50 เท่าในระยะเวลา 21 ปี ถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยทบต้นก็จะอยู่ที่ 20.40% ต่อปี จัดว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงมาก เรามาดูกันว่าคำสัมภาษณ์ในวันนั้นมีใจความสำคัญอย่างไร และทำไม amazon.com ถึงมาได้ไกลขนาดนี้ ในช่วงแรกของการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้เกริ่นว่า บริษัทเทคโนโลยีที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ “อินเตอร์เน็ต” ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีมากและผันผวน ตัวคุณมองว่าอนาคตใน “ระยะยาว” จะเป็นอย่างไร Jeff Bezos ได้บอกว่า ตัวเขาเชื่อว่าบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตซึ่งมีมากมาย หลายๆ บริษัทจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และบริษัทเหล่านั้นจะมีมูลค่าตลาดที่สูงกว่าตอนนี้อีกมากเพราะในช่วงนี้ยังถือเป็นช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรมโดยมีอินเตอร์เน็ตเป็นตัวขับเคลื่อน ด้านบริษัท amazon เองก็หวังว่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเราไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จ เราก็คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง และผมก็คงจะผิดหวังมากๆ มันเป็นเรื่องที่ยากอยู่เหมือนกันที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในระยะยาว ย้อนกลับไปในปี 1980 ซึ่งเป็นปีที่มีการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ณ ตอนนั้นก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด 5 อันดับแรกอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้ แต่ตัวผมเองนั้น “เชื่ออย่างแรงกล้า” ถ้าบริษัทไหนที่มุ่งเน้นในเรื่อง ประสบการณ์ของลูกค้า การคัดสรรสินค้า ความง่ายในการใช้งาน ราคาถูก และมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่มากพอที่จะทำให้เกิดคำสั่งซื้อได้ ถ้าบริษัทไหนสามารถให้ลูกค้าทั้งหมดนี้ได้ รวมถึงคุณภาพด้านบริการระดับดีเยี่ยม อย่างการขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และของเล่น ที่เรายอมให้ลูกค้าคืนได้ภายใน 30 วัน ผมเชื่อว่าบริษัทเหล่านั้นน่าจะมีโอกาสที่ดีที่จะเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ จะเห็นได้ว่าเขาไม่ได้พูดถึงตัวเองเลย แต่สิ่งที่เน้นคือ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในราคาที่ต่ำที่สุด ต่อมา นักข่าวได้ถามต่อว่า บริษัทของคุณไม่ใช่บริษัทเทคแบบเพียวๆ แต่เป็นบริษัทเทคที่ต้องใช้พื้นที่ในการดำเนินธุรกิจเพราะธุรกิจหลักของบริษัทคือค้าปลีกที่นำเทคโนโลยีมาใช้ ในตอนนั้น บริษัทมีพื้นที่รวมสำหรับศูนย์กระจายสินค้าทั้งหมดราว 4 ล้านตารางฟุต และมีพนักงานมากกว่า 3,000 คนซึ่งเป็นสิ่งที่ Jeff ภูมิใจมาก เนื่องจากการที่มีศูนย์กระจายสินค้า 6 แห่งทั่วสหรัฐฯ ในตอนนั้น จะทำให้ศูนย์กระจายสินค้าต่างๆ ใกล้ลูกค้ามากขึ้นและส่งของถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้น เป็นการยกระดับคุณภาพของบริการของเรา และสิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้บริษัทของผมก่อตั้งขึ้นมา ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น นอกจากลูกค้า นักข่าวก็ได้ถามลึกลงไปต่ออีกว่า ทำแบบนี้แล้วผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนจะชอบใจเหรอ คุณ Jeff รีบสวนขึ้นมาอย่างทันทีเลยว่า การที่เรามุ่งเน้นไปที่ลูกค้า ในระยะยาวแล้วมันจะเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์ต่อลูกค้าและผู้ถือหุ้นของบริษัท สายตาของเขามีความมุ่งมั่นและมั่นใจมากในตอนตอบคำถาม ไม่ได้มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย ผู้สื่อข่าวได้ย้อนกลับมาถามในเรื่องที่ทางบริษัทขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก และคิดว่ามันจะทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วยเช่นกัน แต่ทาง Jeff ตอบว่ามันไม่แพงหรอกถ้าหากเทียบกับการที่เราต้องไปเปิดสาขาค้าปลีกจริง บริษัทจ่ายแค่ 0.30 ดอลลาร์ต่อตารางเมตรสำหรับการเช่าพื้นที่กระจายสินค้า แทนที่จะต้องจ่ายสูงถึง 7 ดอลลาร์ต่อตารางเมตรสำหรับร้านค้าปลีกที่อยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น และบริษัทจะต้องมีร้านค้ามากขนาดไหนถึงจะเทียบเท่ากับศูนย์กระจายสินค้า 6 แห่งทั่วประเทศได้ ณ ตอนนั้น ยังไม่มีหลักฐานจะมาพิสูจน์ความคิดของเขาว่าถูกต้องหรือไม่ แต่ตอนนี้ก็คงจะพอตอบได้ว่ามันเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ถูกต้อง นักข่าวได้ถามต่อว่า บริษัทของคุณเติบโตสูงมาก คุณก็ขยายธุรกิจไปมากเช่นกัน มีการทำศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มและจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แต่ในขณะเดียวกันคุณขายของในราคาที่แทบจะไม่เห็นกำไร และต้องขายในปริมาณที่สูง คุณคิดว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ด้าน Jeff ได้ตอบว่า เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว amazon จะสำเร็จหรือไม่ เรามีความเสี่ยงในการดำเนินงานหลายอย่างที่ต้องเผชิญ แต่มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อที่จะขยายธุรกิจ เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจนี้ โดยเขามองว่าการขยายธุรกิจโดยเน้นไปที่การบริการลูกค้าในระดับสูงขณะที่กำไรต่อชิ้นต่ำมากเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากมาก เป้าหมายแรกของเราคือให้บริการในระดับเดียวกับที่ลูกค้าเคยได้และเราจะทำให้ดียิ่งกว่านั้นในช่วงเวลาต่อจากนี้ ในเดือนธันวาคมปี 1999 Jeff Bezos ได้ขึ้นปกนิตยสาร Time Magazine ในตำแหน่งบุคคลแห่งปี มาถึงวันนี้ วันที่บริษัทมีมูลค่าเกือบ 1.5 ล้านล้านเหรียญ และตัวเขากลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก จากวันนั้นถึงวันนี้ สิ่งที่เขามุ่งเน้นมากที่สุดยังคงเหมือนเดิมนั่นคือ “ลูกค้า” การมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยากมากเหมือนกับที่ Jeff Bezos ได้กล่าวไว้ แต่ถ้าทำได้ ไม่ว่าธุรกิจไหนก็ตาม จะสามารถประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวอย่างที่เกิดขึ้นกับบริษัท amazon.com ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related Tesla มีมูลค่ากิจการแซง Facebook ติดอันดับ 1 ใน 5 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดโลก In "Article" เปิดรายชื่อ 5 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเพิ่มขึ้นมากที่สุดแห่งปี 2020 In "Article" Gautam Adani เศรษฐีอินเดียโค่น Jeff Bezos สำเร็จ ขึ้นเป็นคนรวยที่สุดอันดับ 2 ของโลก In "Article"
Jeff Bezos ได้บอกว่า ตัวเขาเชื่อว่าบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตซึ่งมีมากมาย หลายๆ บริษัทจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และบริษัทเหล่านั้นจะมีมูลค่าตลาดที่สูงกว่าตอนนี้อีกมาก เพราะในช่วงนี้ยังถือเป็นช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรมโดยมีอินเตอร์เน็ตเป็นตัวขับเคลื่อน ด้านบริษัท Amazon เองก็หวังว่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเราไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จ เราก็คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง และผมก็คงจะผิดหวังมากๆ มันเป็นเรื่องที่ยากอยู่เหมือนกันที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในระยะยาว ย้อนกลับไปในปี 1980 ซึ่งเป็นปีที่มีการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ณ ตอนนั้นก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด 5 อันดับแรกอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้ แต่ตัวผมเองนั้น “เชื่ออย่างแรงกล้า” ถ้าบริษัทไหนที่มุ่งเน้นในเรื่องประสบการณ์ของลูกค้า การคัดสรรสินค้า ความง่ายในการใช้งาน ราคาถูก และมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่มากพอที่จะทำให้เกิดคำสั่งซื้อได้ ถ้าบริษัทไหนสามารถให้ลูกค้าทั้งหมดนี้ได้ รวมถึงคุณภาพด้านบริการระดับดีเยี่ยม อย่างการขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และของเล่น ที่เรายอมให้ลูกค้าคืนได้ภายใน 30 วัน ผมเชื่อว่าบริษัทเหล่านั้นน่าจะมีโอกาสที่ดีที่จะเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55901
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....แบรนด์ต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
null
กลับมาคึกคัก! บทเพลงแห่งการช้อปปิ้งในยุคหลังโควิด ณ ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ห้างสรรพสินค้าหรูหราแห่งหนึ่งคึกคักไปด้วยผู้คน เหล่าพนักงานขายในชุดสูทเนี้ยบยืนประจำเคาน์เตอร์ ต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มสดใส เสียงพูดคุยเจรจาภาษาจีนดังระงม บรรยากาศเต็มไปด้วยพลังแห่งการซื้อขาย หนึ่งในนั้นคือ "ลู่หลิง" สาววัย 20 ปลายๆ กำลังลองเสื้อผ้าแบรนด์เนมสุดหรูอยู่หน้ากระจกเงา ใบหน้าของเธอเปล่งประกายด้วยความสุข เมื่อได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ใฝ่ฝันมานาน ลู่หลิงเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่จีนที่เติบโตมากับเทคโนโลยี ชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนม และพร้อมทุ่มเงินเพื่อซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการ "หลังจากโควิดคลี่คลาย รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาช้อปปิ้งในห้างแบบนี้!" ลู่หลิงพูดคุยกับ "เสี่ยวหมิง" เพื่อนสนิทของเธอ "ฉันอัดอั้นมานาน อยากซื้อของใหม่ๆ เยอะแยะไปหมด" เสี่ยวหมิงพยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็เหมือนกัน ช่วงโควิดเราต้องอยู่บ้าน ห้ามออกไปไหน รู้สึกเบื่อหน่ายมาก ตอนนี้ห้างกลับมาเปิดแล้ว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย!" ทั้งสองสาวเดินชมสินค้าในห้างอย่างเพลิดเพลิน พวกเธอแวะซื้อเครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ มากมาย โดยไม่ลังเลที่จะควักเงินจ่าย ไม่เพียงแค่ลู่หลิงและเสี่ยวหมิงเท่านั้น ผู้คนมากมายในห้างก็มีพฤติกรรมคล้ายกัน ทุกคนดูตื่นเต้นและมีความสุขที่ได้กลับมาช้อปปิ้งอีกครั้ง บรรยากาศคึกคักนี้สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังโควิด จากบทความ "จับตาพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีน หลังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด" ชี้ให้เห็นถึงเทรนด์การช้อปปิ้งที่น่าสนใจของผู้บริโภคชาวจีน ดังนี้ 1. กลับมาใช้จ่ายอย่างคึกคัก: ผู้คนมีความต้องการที่จะซื้อสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนม สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 2. ช้อปออนไลน์มากขึ้น: ช่องทางออนไลน์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการช้อปปิ้ง ผู้บริโภคคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สตรีม แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดีย 3. ชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่เป็นกำลังขับเคลื่อน: กลุ่มคนเหล่านี้มีกำลังซื้อสูง มั่นใจในอนาคต และพร้อมทุ่มเงินเพื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการ 4. แบรนด์ต้องปรับตัว: แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องใช้นวัตกรรม ดิจิทัล และประสบการณ์แบบ omnichannel เพื่อดึงดูดลูกค้า เรื่องสั้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการช้อปปิ้ง ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความสุขให้กับผู้คน ในยุคหลังโควิด ผู้บริโภคชาวจีนมีพฤติกรรมการช้อปปิ้งที่เปลี่ยนแปลงไป แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ห้างสรรพสินค้าจึงเปรียบเสมือนบทเพลงแห่งการช้อปปิ้งที่กลับมาบรรเลงอีกครั้ง สร้างความคึกคักและสีสันให้กับเศรษฐกิจจีน
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_55913
Retail
กลยุทธ์การตลาด "Mickey Mouse Collection" ของน้ำดื่มสิงห์ มีอะไรบ้าง และผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer – Brand บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า น้ำดื่มสิงห์ได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังครั้งใหญ่ สร้างสีสันให้กับวงการน้ำดื่ม จับมือร่วมกับ “เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย)” นำคาแรคเตอร์ Mickey Mouse กว่า 60 แบบไม่ซ้ำกัน เปิดตัวขวดตัวอักษร “Mickey Mouse Collection” Chief Marketing Officer – Brand “ ( )” Mickey Mouse 60 “Mickey Mouse Collection” สำหรับน้ำดื่มสิงห์ Mickey Mouse Collection ถูกสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “CREATE YOUR OWN HAPPINESS ส่งต่อความสุขในแบบของคุณ” โดยดีไซน์ฉลากด้วยตัวอักษร ตั้งแต่ A-Z จำนวน 26 ตัว และเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่นำคาแรคเตอร์มิคกี้ เมาส์ ที่มากที่สุดกว่า 60 ลายไม่ซ้ำกัน มาสร้างความสนุกให้กับผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ตัวอักษรสื่อสารทั้งการให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจ เติมเต็มความสุขให้กับคนไทยผ่านตัวอักษรง่ายๆ เช่น HAPPY, LUCKY, WELL, ENJOY เป็นต้น Mickey Mouse Collection “CREATE YOUR OWN HAPPINESS ” A-Z 26 60 HAPPY, LUCKY, WELL, ENJOY น้ำดื่มสิงห์ Mickey Mouse Collection มีด้วยกัน 2 ขนาด สำหรับขนาด 330 มล. ออกแบบมาถึง 4 สีสันสดใส ทั้งสีเหลือง แดง น้ำเงิน และฟ้า และมีตัวอักษร ตั้งแต่ A-Z พร้อมกับคาแรคเตอร์ มิคกี้ เมาส์ และพิเศษสุดเมื่อซื้อน้ำดื่มสิงห์ ผ่านทางเทสโก้ โลตัส สามารถสะสมคอลเลกชั่นพิเศษ Mickey Mouse & Friends ผองเพื่อนในการ์ตูนดิสนี่ย์ ได้แก่ มินนี่ เมาส์, โดนัลด์ ดั๊ก, เดซี่ ดั๊ก, กุฟฟี่ และพลูโต Mickey Mouse Collection 2 330 . 4 A-Z Mickey Mouse & Friends , , , สำหรับน้ำดื่มสิงห์ ขนาด 750 มล. มีตัวอักษร A-Z ถูกสร้างสรรค์ให้เป็นตัวอักษรสีดำ ตามสีคาแรคเตอร์ของมิคกี้ เมาส์ เพื่อสะท้อนถึงความทันสมัย และปรับภาพลักษณ์ให้ดูวัยรุ่น พร้อมออก Video Online แสดงให้เห็นสีสันความสนุกของน้ำดื่มสิงห์ใน Mickey Mouse Collection โดยวางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ, ร้านค้าปลีก, ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2563 นี้ 750 . A-Z Video Online Mickey Mouse Collection , , – 2563 และพิเศษ! สำหรับสาวกมิคกี้ เมาส์ ไม่ควรพลาด กับการสะสมพอยท์ Singha Rewards ใต้ฝาน้ำดื่มสิงห์ Mickey Mouse Collection แลกรับของรางวัลลิขสิทธิ์แท้จากมิคกี้ เมาส์ สุดน่ารักมากมาย ให้สะสม ทั้งเสื้อยืด กระเป๋าผ้า สมุดจดบันทึก ฯลฯ นอกจากนี้ น้ำดื่มสิงห์ Mickey Mouse Collection จัดแคมเปญการตลาด Mickey Goes Lucky ตามล่าหาขวดสะสมครบก่อนใคร ร่วมทายคำใบ้ต่างๆ สามารถลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจากน้ำดื่มสิงห์ โดยผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมติดตามได้ที่ FB : Singha Drinking Water ทุกสัปดาห์ ! Singha Rewards Mickey Mouse Collection Mickey Mouse Collection Mickey Goes Lucky FB : Singha Drinking Water สำหรับภาพรวมตลาดน้ำดื่มมูลค่า 32,517 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 2.9% โดยเป็นตัวเลขจากเอซี นีลเส็น (AC Neilsen) เดือนมิ.ย. 2562 – พ.ค.2563 โดยปีนี้น้ำดื่มสิงห์คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 25% 32,517 2.9% (AC Neilsen) . . 2562 – . .2563 10% 25% ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related น้ำดื่มสิงห์ ออกฉลากดีไซน์ใหม่ “โดราเอมอน” เติมความสดชื่นเป็นพิเศษกับมิตรภาพแสนวิเศษ In "PR News" น้ำดื่มสิงห์ มั่นใจใช้ Influencer สร้างแบรนด์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาด 25% In "News" น้ำดื่มสิงห์ โชว์ระบบการผลิตแบบปิดที่ให้ความสะอาดปลอดภัย และเทคโนโลยี Smart Micro Filter In "PR News"
กลยุทธ์การตลาด "Mickey Mouse Collection" ของน้ำดื่มสิงห์ น้ำดื่มสิงห์ได้เปิดตัวแคมเปญการตลาด "Mickey Mouse Collection" ภายใต้แนวคิด "CREATE YOUR OWN HAPPINESS ส่งต่อความสุขในแบบของคุณ" ร่วมมือกับ "เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย)" นำเสนอขวดน้ำดีไซน์พิเศษที่มีคาแรคเตอร์ Mickey Mouse กว่า 60 แบบ ไม่ซ้ำกัน เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ เด็กและครอบครัว กลยุทธ์หลักๆ ของแคมเปญนี้ ดังนี้ 1. ดีไซน์ขวดน้ำ -ออกแบบขวดน้ำขนาด 330 มล. 4 สีสันสดใส (เหลือง แดง น้ำเงิน ฟ้า) -พิมพ์ตัวอักษร A-Z บนฉลาก -แต่ละขวดมีคาแรคเตอร์ Mickey Mouse ลายไม่ซ้ำกัน -ออกแบบขวดน้ำขนาด 750 มล. พิมพ์ตัวอักษร A-Z สีดำ -ดีไซน์ทันสมัย เหมาะกับวัยรุ่น 2. กิจกรรมส่งเสริมการขาย -สะสมคอลเลกชั่นพิเศษ Mickey Mouse & Friends -สะสมพอยท์ Singha Rewards แลกรับของรางวัล -ร่วมเล่นเกม "Mickey Goes Lucky" ลุ้นรับรางวัล -ติดตามกิจกรรมบน Facebook: Singha Drinking Water 3. วางจำหน่าย -วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ -วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2563 ผลลัพธ์ แคมเปญ "Mickey Mouse Collection" ประสบความสำเร็จ ดังนี้ -ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายหลัก เด็กและครอบครัว -กระตุ้นยอดขายน้ำดื่มสิงห์ -สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ -เสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์น้ำดื่มสิงห์ให้ทันสมัย สนุกสนาน ปัจจัยแห่งความสำเร็จ -คาแรคเตอร์ Mickey Mouse: Mickey Mouse เป็นคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก -ดีไซน์ขวดน้ำที่น่าสนใจ: ดีไซน์ขวดน้ำสีสันสดใส พิมพ์ตัวอักษร A-Z -กิจกรรมส่งเสริมการขายที่หลากหลาย: ดึงดูดความสนใจ -ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้าง บทสรุป กลยุทธ์การตลาด "Mickey Mouse Collection" ของน้ำดื่มสิงห์ เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้คาแรคเตอร์ยอดนิยม ดีไซน์สินค้าที่น่าสนใจ และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่หลากหลาย เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายหลัก กลยุทธ์นี้ช่วยให้แบรนด์น้ำดื่มสิงห์ประสบความสำเร็จ และสร้างการจดจำในหมู่ผู้บริโภค
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_55915
Retail
ช่วยสรุปเรื่อง World Bank คาด คนไทยจะตกงานเพิ่มขึ้น ได้ไหม
โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรง โดยเฉพาะการค้าและการท่องเที่ยว World Bank คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะหดตัว 5% เป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจหดตัวมากที่สุดในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก อุปสงค์โลกที่อ่อนตัวลงนำไปสู่การหดตัวของการค้าโลก ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและกระทบกับห่วงโซ่มูลค่าโลก อาทิ รถยนต์ที่ไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่โดดเด่นของโลก ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วน 15% ของ GDP ได้รับผลกระทบรุนแรง จากการห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยตั้งแต่มีนาคม 2020 มาตรการควบคุมโรคระบาดและการพยายามให้การติดเชื้อลดลงเป็นเรื่องสำคัญแต่ก็ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคเอกชนลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาคการค้าปลีกและภาคบริการเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ยอดขายสินค้าคงทนลดลงเกือบ 12% ในช่วงไตรมาสแรก อุปสงค์อ่อนแอและราคาพลังงานลดลงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็ว การระบาดของโรคจะทำให้เกิดการว่างงานโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากมาตรการควบคุมการติดเชื้อ การเว้นระยะห่างจากสังคม ผลกระทบต่อสวัสดิการของครัวเรือนก็รุนแรง ครัวเรือนที่ขาดความมั่นคง เช่น คนที่มีรายได้ต่อวันต่ำกว่า 5.5 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 169 บาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 4.7 ล้านคนในไตรมาส 1 ปี 2020 เป็น 9.7 ล้านคนในไตรมาส 2 ปี 2020 ก่อนจะลดจำนวนลงจากการฟื้นตัวอย่างช้าๆ เป็น 7.8 ล้านคนในไตรมาส 3 ปี 2020 แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังใช้เวลาอีกนาน ไม่แน่นอน การบริโภคภายในประเทศอาจเพิ่มขึ้นหลังผ่อนปรนข้อบังคับการเดินทางเคลื่อนย้ายคน แต่ยังจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ การค้าและการหยุดชะงักด้านห่วงโซ่อุปทานยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง เศรษฐกิจไทย คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 2021 ราว 4.1% และปี 2022 ราว 3.6% กว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ระดับเดียวกับก่อนโควิด-19 ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี ในส่วนของการสนับสนุนครัวเรือนและผู้ประกอบการที่เปราะบาง ไทยมีหลายมาตรการรองรับผลกระทบจากโควิด-19 รวมแล้ว 12.9% ของ GDP โดยเน้นมาตรการผ่อนคลายผลกระทบที่มีต่อครัวเรือนที่เปราะบางและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ องค์ประกอบสำคัญของโครงการเหล่านี้ ได้แก่ การให้เงินช่วยเหลือครัวเรือนและโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเศรษฐกิจชุมชน 5.9% ของ GDP รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งมาตรการกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้เพื่อรักษาสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน 2.4% ของ GDP และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 2.9% ของ GDP รวมถึงมาตรการลดภาษีและการปรับโครงสร้างหนี้แก่ผู้ประกอบการและครัวเรือน การช่วยเหลือผู้ประกอบการในอนาคตข้างหน้าต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับแต่ละภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 ในขณะที่ต้องแน่ใจว่าครอบคลุมถึงผู้ประกอบการที่มีความเปราะบาง นอกจากนี้ ไทยควรลงทุนเรื่องนโยบายและโครงการตลาดแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป โครงการอบรมและบริการจ้างงานต้องมีการปฏิรูปเพื่อสะท้อนความต้องการของตลาดแรงงาน ด้วยการเพิ่มทักษะการพัฒนาอารมณ์ทางสังคม รวมถึงทักษะปัญญาชั้นสูงและทักษะด้านเทคนิค ในระยะยาว นโยบายจะต้องให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความยืดหยุ่น ในขณะที่พื้นที่การคลังลดลง การฟื้นฟูกันชนทางการคลังขึ้นใหม่ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากรายรับของภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ไทยสามารถรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตรวมถึงสามารถดำเนินแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานตามที่วางแผนไว้ เบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทยกล่า พลังของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จะขึ้นอยู่กับนโยบายในการรับมือวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสนับสนุนครัวเรือนและผู้ประกอบการที่เปราะบาง ในช่วงเริ่มต้นการฟื้นตัว ความท้าทายที่สำคัญ คือ ทำอย่างไรที่จะช่วยให้ผู้ที่ตกงานสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อีกครั้ง ทั้งนำมาตรการที่เสริมความคล่องตัวของตลาดแรงงานมาพิจารณา เช่น การให้เงินอุดหนุนค่าจ้างที่มุ่งเป้าไปสู่บุคคลที่อยู่ในภาคการผลิตที่เปราะบางที่สุด การฝึกปฏิบัติงานไปพร้อมกับการทำงานจริงเพื่อสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานอีกครั้ง ประมาณกว่า 8.3 ล้านคนจะตกงานหรือสูญเสียรายได้จากวิกฤติโควิด-19 ทำให้งานมากมายโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการมีความเสี่ยง
เนื่องจากผลกระทบ โควิด-19 เศรษฐกิจไทยหดตัว 5% หดมากที่สุด ในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วน 15% ของ GDP ได้รับผลกระทบรุนแรง จากการห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ยอดขายสินค้าคงทนลดลงเกือบ 12% คนที่มีรายได้ต่อวันต่ำ ประมาณ 169 บาท เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 4.7 ล้านคน เป็น 9.7 ล้านคน เศรษฐกิจไทย คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 2021 ไทยควรลงทุนเรื่องนโยบายและโครงการตลาดแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป เบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จะขึ้นอยู่กับนโยบายในการรับมือวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ การสนับสนุนครัวเรือนและผู้ประกอบการที่เปราะบางและ ช่วยให้ผู้ที่ตกงานสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55919
Retail
ร้านค้าปลีกในประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ของ AIS ในการฟื้นฟูกิจการหลัง COVID-19 ได้อย่างไรบ้าง?
null
ร้านค้าปลีกในประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ของ AIS ในการฟื้นฟูกิจการหลัง COVID-19 ได้ดังนี้: 1. การนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่: นำเทคโนโลยี AR/VR มาสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งเสมือนจริง พัฒนาแอปพลิเคชั่น 5G ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถลองสินค้าเสมือนจริง นำเสนอบริการ Virtual Shopping Assistant ผ่านระบบ 5G 2. การยกระดับระบบการชำระเงิน: พัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์ที่รวดเร็วและปลอดภัย รองรับการชำระเงินผ่าน Mobile Wallet นำเสนอระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส 3. การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง: ใช้ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะเพื่อติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ นำเทคโนโลยี Big Data มาวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าคงคลัง ปรับระบบการจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ 4. การพัฒนาบริการออนดีมานด์: นำเสนอบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน บริการรับสินค้าหน้าร้าน บริการอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 5. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า: วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า พัฒนาระบบ CRM เพื่อจัดการข้อมูลลูกค้า นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า 6. การทำการตลาดแบบอัตโนมัติ: ส่งข้อความแจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าใหม่ โปรโมชั่น และส่วนลด แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าเคยซื้อ ทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย 7. การลดต้นทุนการดำเนินงาน: นำเทคโนโลยี 5G มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพิ่มผลกำไร 8. การขยายช่องทางการขาย: เปิดร้านค้าออนไลน์ ขายสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เข้าร่วมแพลตฟอร์ม e-Commerce 9. การพัฒนาทักษะของพนักงาน: ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G ฝึกอบรมพนักงานให้สามารถใช้เครื่องมือต่างๆ บนแพลตฟอร์ม 5G ฝึกอบรมพนักงานให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 10. การสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตร: ร่วมมือกับร้านค้าอื่นๆ บนแพลตฟอร์ม 5G พัฒนาโปรโมชั่นร่วมกัน แบ่งปันข้อมูลลูกค้า สรุป: เทคโนโลยี 5G ของ AIS สามารถช่วยให้ร้านค้าปลีกในประเทศไทยฟื้นฟูกิจการหลัง COVID-19 ได้ โดยการนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ ยกระดับระบบการชำระเงิน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง พัฒนาบริการออนดีมานด์ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำการตลาดแบบอัตโนมัติ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ขยายช่องทางการขาย พัฒนาทักษะของพนักงาน และสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตร
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55921
Retail
เทศกาลช็อปปิ้ง 6.18 ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมหรือไม่?
null
ไม่ เทศกาล 6.18 กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อของออนไลน์มากขึ้น: ยอดขายรวมของ Alibaba และ JD.com ในเทศกาล 6.18 ปี 2023 สูงถึง 4.23 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการช็อปออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นของชาวจีน -ผู้บริโภคมีตัวเลือกสินค้าออนไลน์ที่หลากหลาย: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาและค้นหาสินค้าที่ตรงกับความต้องการได้ง่าย -โปรโมชั่นและส่วนลดดึงดูดใจ: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมักจัดโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษมากมายในเทศกาล 6.18 ดึงดูดให้ผู้บริโภคซื้อของออนไลน์มากขึ้น -ความสะดวกสบาย: ผู้บริโภคสามารถซื้อของออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องเดินทางไปยังร้านค้า -การช็อปออนไลน์ปลอดภัย: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวจะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เทศกาล 6.18 ยังมีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมบางประการ ดังนี้: -การดึงดูดลูกค้า: เทศกาล 6.18 กระตุ้นให้ผู้บริโภคออกไปช็อปปิ้งมากขึ้น -การสร้างโอกาสในการขาย: ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถใช้โอกาสนี้ในการจัดโปรโมชั่นและส่วนลด ดึงดูดลูกค้า -การเสริมสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้ง: ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ โดยสรุป เทศกาล 6.18 ส่งผลดีต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากกว่าธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล นำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร และใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์เพื่อดึงดูดลูกค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_55923
Retail
Amazon จะใช้อะไรเป็นกลยุทธ์หลักในการ Disrupt ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม?
null
จากบทความ Amazon มีแนวโน้มที่จะใช้กลยุทธ์หลัก 4 ประการในการ Disrupt ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม 1. การเข้าถึงลูกค้า -Amazon Prime: โปรแกรมสมาชิกที่ให้สิทธิประโยชน์มากมาย เช่น การจัดส่งฟรี เร็ว และความบันเทิงต่างๆ -Amazon Marketplace: แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้ขายรายย่อยสามารถเข้าถึงลูกค้าบน Amazon -Amazon Go: ร้านค้าปลีกแบบไร้แคชเชียร์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถช็อปปิ้งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว 2. เทคโนโลยี -Amazon Web Services: แพลตฟอร์มคลาวด์ที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีแก่ธุรกิจต่างๆ -Alexa: ผู้ช่วยเสมือนอัจฉริยะที่สามารถสั่งซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้ -ปัญญาประดิษฐ์: Amazon นำ AI มาใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พัฒนาสินค้าและบริการ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน 3. ราคา -Amazon มักเสนอราคาสินค้าที่ต่ำกว่าคู่แข่ง -กลยุทธ์การกำหนดราคาแบบไดนามิก: ปรับราคาสินค้าตามอุปสงค์และอุปทาน -โปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ: ดึงดูดลูกค้า 4. ประสบการณ์ลูกค้า -Amazon มุ่งเน้นไปที่การมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว และไร้รอยต่อ -บริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ: ตอบคำถามและแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว -ความหลากหลายของสินค้า: Amazon นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากกลยุทธ์หลัก 4 ประการข้างต้นแล้ว Amazon ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ เพิ่มเติม เช่น -การขยายธุรกิจไปยังบริการใหม่ๆ: เช่น บริการด้านสุขภาพ บริการด้านการเงิน -การลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ: ค้นหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ -การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ: ขยายเครือข่ายและเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ สรุป Amazon มีกลยุทธ์ที่หลากหลายในการ Disrupt ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ Amazon เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า ในราคาที่ competitive คำถามเพิ่มเติม -ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับการ Disrupt ของ Amazon? -กลยุทธ์ของ Amazon มีผลต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างไร? -อนาคตของธุรกิจค้าปลีกจะเป็นอย่างไร?
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55926
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ความอดทน พยายาม และเรียนรู้สิ่งใหม่ อยู่เสมอ เป็นสิ่งที่สำคัญในการประสบความสำเร็จ
null
ร้านขายของชำในยุค New Normal ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ร้านขายของชำ "คุณลุงจวน" กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ โควิด-19 ระบาด ผู้คนต่างหวาดกลัว ไม่กล้าออกจากบ้าน ยอดขายของร้านตกลงอย่างน่าใจหาย คุณลุงจวน愁ใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป วันหนึ่ง หลานสาวคนโตของลุงจวน นามว่า "มานะ" เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน มานะเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ เธอเห็นสภาพร้านของลุงแล้วรู้สึกเป็นห่วง จึงอาสาช่วยลุงปรับปรุงร้านให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ มานะเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการค้าขายออนไลน์ เธอเปิดเพจเฟซบุ๊กสำหรับร้าน โพสต์รูปสินค้า พร้อมรายละเอียดและราคา เธอสร้างกลุ่มไลน์สำหรับลูกค้าประจำ เพื่ออัพเดทสินค้าใหม่และโปรโมชั่นต่าง ๆ นอกจากนี้ มานะยังสมัครแอปพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ชื่อดัง เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และได้รับสินค้าถึงหน้าบ้าน โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ในช่วงแรก ยอดขายออนไลน์ยังไม่ค่อยดี แต่ด้วยความอดทนและพยายาม มานะพัฒนารูปแบบการขาย เรียนรู้เทคนิคการโฆษณา โปรโมทร้านอย่างสม่ำเสมอ ค่อย ๆ ยอดขายเริ่มเพิ่มขึ้น ลูกค้าเริ่มคุ้นเคยกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น ร้านของคุณลุงจวนเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผลลัพธ์: ยอดขายของร้านคุณลุงจวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลูกค้ามีตัวเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น สะดวกรวดเร็ว คุณลุงจวนและมานะมีความรู้ด้านการค้าขายออนไลน์มากขึ้น ร้านคุณลุงจวนสามารถปรับตัวเข้ากับยุคสมัยใหม่ และอยู่รอดท่ามกลางวิกฤต
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_55928
Retail
จงบอกถึงเหตุผลที่ว่าคนจีนยุคสมัยใหม่หันมาสร้างตัวตนมากกว่าที่จะเดินออกไปซื้อของด้านนอกในช่วงโควิด-19
null
1. วิกฤตโควิดส่งผลต่อเศรษฐกิจจีน กำลังซื้อลดลง ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า รัฐบาลจีนได้คาดการณ์ถึงสถานการณ์หลังโควิด (Post-covid) ไว้ว่า ประชาชนจะกลับมาจับจ่ายใช้สอยกันเหมือนเดิม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจในรอบหลายสิบปีและเป็นหนึ่งในกำลังหลักของการเติบโตในภาคการบริโภคของประเทศ แต่ในความเป็นจริง กลับกลายเป็นว่าในช่วงยุคหลังจากที่โควิดระบาดน้อยลงและกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง กลุ่มคน Gen Y และกลุ่มคน Millennials (เกิดช่วงปี 1980 – 1997) ในจีนมีพฤติกรรมในการใช้จ่ายลดลงอย่างมาก กรณีนี้สอดคล้องกับการที่ห้างในจีนซึ่งแม้จะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง แต่ผู้คนก็ยังกังวลใจที่จะต้องเดินทางออกมาซื้อสินค้า สิ่งนี้ทำให้รัฐบาลกังวล เนื่องจากข้อมูลในปี 2019 ระบุว่า GDP ส่วนใหญ่ของประเทศจีนมาจากการบริโภคของประชาชน แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด 19 ขึ้น ยอดค้าปลีกลดลงมากถึง 19 % ซึ่งนับเพียงในไตรมาสแรกของปี 2020 เท่านั้น หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศจีนในระยะยาว 2. ผลวิจัยยืนยัน คนจีนรุ่นใหม่ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในจีนซึ่งเกิดหลังปี ค.ศ.1990 (กลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี) ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องความมั่นคงทางการเงินมากนัก เพราะเติบโตมาในยุคที่เศรษฐกิจรุ่งเรือง ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญเรื่องการแสดงความเป็นตัวตนและเชื่อว่าต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่ พูดง่ายๆคือเกิดมาในยุคที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน วิกฤตโควิดรอบนี้จึงเป็นเหมือน New Normal และเป็นเสมือนการ disrupt วิถีชีวิตครั้งใหญ่ เพราะวิกฤตรอบนี้ทำให้พวกเขาต้องหันมาจัดลำดับความสำคัญของชีวิตใหม่ - ผลการวิจัยเมื่อเดือนเมษายนของ The Paper and the Shanghai University of Finance and Economics ระบุว่า ผู้ที่มีอายุระหว่าง 21-30 ปีในจีนกว่า 45 % ถูกลดเงินเดือนมากที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มคนในช่วงอายุอื่นๆ - ผลการวิจัยของ Zhongyan Research Institute ระบุว่าในช่วงโควิด ผู้บริโภคในจีนกว่า 57 % ที่เกิดหลังปี 1990 และ 63 % ของผู้ที่เกิดหลังปี 1995 มีความตั้งใจที่จะวางแผนการใช้เงินอย่างระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต แม้ว่าผลการสำรวจและวิจัยในช่วงยุคหลังโควิดในจีนจะสะท้อนภาพของการหดหายของกำลังซื้อในหมู่คนรุ่นใหม่ แต่ถึงที่สุดแล้ว อย่าลืมว่าคนจีน Gen Y เกิดมาในยุคที่ได้เชื่อมต่อกับคนอื่นๆ อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นความต้องการในการเสพความบันเทิง ช้อปปิ้ง หรือทำกิจกรรมที่เปิดโลกกว้างยังคงอยู่ ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์กันว่า หลังจากนี้นับไปอีก 3-6 เดือน การบริโภคของกลุ่มคนรุ่นใหม่จีนอาจจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ทั้งนี้ แม้ว่าการบริโภคอาจกลับมา แต่หมวดสินค้าราคาแพงหรือสินค้าหรูหราอาจจะต้องใช้เวลานานกว่านั้น เนื่องจากคนรุ่นใหม่ในจีนตระหนักถึงเรื่องการใช้จ่ายเงินมากขึ้น ไม่เหมือนยุคก่อนหน้าวิกฤตโควิดแต่อย่างใด
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55959
Retail
คำถาม: รัฐบาลสิงคโปร์มีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีกอย่างไรบ้างในช่วงวิกฤตโควิด-19?
null
รัฐบาลสิงคโปร์มีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีกหลายประการในช่วงวิกฤตโควิด-19 ดังนี้ 1. เงินอุดหนุน: รัฐบาลให้เงินอุดหนุนแก่ธุรกิจค้าปลีก 70% ของค่าจ้างพนักงาน สูงสุด 750 SGD ต่อพนักงานต่อเดือน เป็นเวลา 9 เดือน ธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบหนัก สามารถรับเงินอุดหนุนเพิ่มเติม 10% ของค่าจ้างพนักงาน สูงสุด 100 SGD ต่อพนักงานต่อเดือน รัฐบาลยังมีเงินอุดหนุนอื่นๆ เพิ่มเติมสำหรับธุรกิจที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ เช่น เงินอุดหนุนสำหรับการพัฒนาระบบออนไลน์ เงินอุดหนุนสำหรับการฝึกอบรมพนักงาน ฯลฯ 2. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ: รัฐบาลมีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับธุรกิจค้าปลีก เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีสภาพคล่องเพียงพอ ธุรกิจสามารถกู้ยืมเงินได้สูงสุด 1 ล้าน SGD อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี โครงการนี้เปิดให้บริการจนถึงสิ้นปี 2564 3. การลดค่าเช่า: รัฐบาลขอความร่วมมือจากเจ้าของที่ดิน ให้ลดค่าเช่าแก่ธุรกิจค้าปลีกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รัฐบาลมีเงินอุดหนุน 50% ของค่าเช่าที่ลดลง สูงสุด 10,000 SGD ต่อเดือน โครงการนี้เปิดให้บริการจนถึงสิ้นปี 2564 4. มาตรการอื่นๆ: รัฐบาลยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 1 ปี สำหรับธุรกิจที่มีรายได้ไม่เกิน 1 ล้าน SGD รัฐบาลลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2% สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 40,000 SGD รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม เช่น โครงการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก โครงการช่วยเหลือธุรกิจที่ส่งออก ฯลฯ ผลลัพธ์: มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลสิงคโปร์ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถอยู่รอดและฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ได้ โดยในปี 2563 ยอดขายปลีกของสิงคโปร์หดตัวลง 10.7% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และในปี 2564 ยอดขายปลีกคาดว่าจะเติบโต 4.0% ถึง 6.0% ข้อเสนอแนะ: รัฐบาลควรขยายเวลาโครงการช่วยเหลือต่างๆ ออกไป เพื่อช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกมีเวลาฟื้นตัวเต็มที่ รัฐบาลควรพัฒนามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ตรงจุดกับความต้องการของธุรกิจค้าปลีก รัฐบาลควรส่งเสริมให้ธุรกิจค้าปลีกปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัล เช่น การพัฒนาระบบออนไลน์ การให้บริการแบบ omnichannel ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาล: ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของออนไลน์
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55962
Retail
สรุปบทความเรื่อง โรงภาพยนตร์ ไม่มีรายได้ และอาจล้มละลาย ให้หน่อย
การขอร้องให้ประชากรเก็บตัวอยู่กับบ้านให้มากที่สุดในช่วงวิกฤตโรค COVID-19 ระบาด ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบพอสมควร หนึ่งในนั้นคือธุรกิจโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้ไม่มีรายได้ และอาจล้มละลาย ภาพรวมตลาดโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้มีมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.95 แสนล้านบาท) มาจากการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ 11,000 ล้านดอลลาร์ และที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ แต่ด้วยปัจจุบัน และหลังจากนี้อีก 3-4 เดือนเป็นอย่างน้อย รายได้จากการจำหน่ายตั๋วแทบจะทำไม่ได้ เพราะไม่มีใครออกมาจากบ้านตัวเอง John Fithian ประธานสมาคมเจ้าของโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกา เล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่มีใครออกมารับชมภาพยนตร์ที่โรง ทำให้โรงภาพยนตร์ไม่มีรายได้ และอาจล้มละลาย หรือร้ายที่สุดคือธุรกิจนี้จะหายไปจากตลาด ยิ่งถ้ารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เข้ามาช่วยเหลือ เรื่องเหล่านี้มันก็ยิ่งเกิดเร็วขึ้น เมื่อไม่มีโรงภาพยนตร์ให้นำภาพยนตร์ไปฉาย บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ทางฝั่งนั้นมีท่ามากมายในการเอาตัวรอด เช่นการไปฉายภาพยนตร์ใหม่บนช่องทางออนไลน์ต่างๆ หรือไม่ก็ยอมสูญเสียรายได้ตรงนี้ และเลื่อนฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนดไปเลย
การให้ประชากรเก็บตัวอยู่บ้านในช่วง COVID-19 ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ไม่มีรายได้ และอาจล้มละลาย หรือร้ายที่สุดคือธุรกิจนี้จะหายไปจากตลาด เพราะแทบจะทำไม่ได้รายได้จากการจำหน่ายตั๋ว เพราะไม่มีใครออกมาจากบ้าน บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ จึงต้องหาทางรอดโดยการไปฉายภาพยนตร์ใหม่บนช่องทางออนไลน์ต่างๆ แทน
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55968
Retail
ช่วยสรุปเรื่อง ดร.โกร่ง มองเศรษฐกิจไทยอีก 5 ปีถึงจะฟื้นตัว ได้ไหม
วีรพงษ์ รามางกูร หรือ ดร. โกร่ง ได้กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจไทยในยุคปัจจุบันอาจต้องรอ 5 ปีถึงจะได้เห็นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และสัญญาณการฟื้นตัวจะมาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังต้องให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพื่อที่จะทำให้การส่งออกดีขึ้น วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทย 2020” ซึ่งจัดโดยสถาบันสร้างไทย โดยประเด็นสำคัญนั้น วีรพงษ์ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า ดร. โกร่ง มองว่าประเทศไทยในขณะนี้ได้เข้าสู่สภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าไทยอาจใช้เวลาถึง 5 ปีในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยการฟื้นตัวครั้งต่อไปนั้น ดร. โกร่งมองว่าได้ปัจจัยจากต่างชาติ Citi ปรับลด GDP ไทยลงมาเหลือ 0.2% คาดนักท่องเที่ยวหาย 15% จาก COVID-19 Goldman Sachs ปรับ GDP ไทยปีนี้เหลือแค่ 1% เท่านั้น หลังเศรษฐกิจไทยอ่วมจาก COVID-19 แบงก์ไทยหลายแห่งพร้อมใจปรับลด GDP ไทยปีนี้ลงอีก หลังเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าคาด Citi ปรับลด GDP ไทยลงมาเหลือ 0.2% คาดนักท่องเที่ยวหาย 15% จาก COVID-19 Goldman Sachs ปรับ GDP ไทยปีนี้เหลือแค่ 1% เท่านั้น หลังเศรษฐกิจไทยอ่วมจาก COVID-19 แบงก์ไทยหลายแห่งพร้อมใจปรับลด GDP ไทยปีนี้ลงอีก หลังเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าคาด ดร. โกร่ง ได้เล่าถึงพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยว่าไทยนั้นต้องพึ่งพิงการส่งออกและบริการด้วยสัดส่วนถึง 70% ฉะนั้นใครที่บอกว่าการส่งออกไม่สำคัญกับประเทศไทยจริงๆ รายได้ประชาชาติของไทยจะเหลือเพียงแค่ 30% และจะเกิดวิกฤติการณ์แน่นอน ในยามที่เศรษฐกิจโลกดีเศรษฐกิจไทยก็ดี ยามที่ราคาสินค้าเกษตรสูง ราคาสินค้าอุตสาหกรรมสูง จากนอกประเทศ เป็นไปตามราคาตลาดโลกถ้าหากราคาสินค้าเป็นดอลลาร์สหรัฐ การที่จีนกลายเป็นโรงงานของโลกทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากไทยเราส่งสินค้าไปให้จีนและญี่ปุ่น แต่ตอนหลังกลายเป็นประเทศจีน และจากอดีตไทยส่งออกสินค้าเช่น ข้าว ยางพารา น้ำตาล จนมาถึงปัจจุบันไทยได้ส่งออกสินค้ากึ่งอุตสาหกรรมมากขึ้น ปัจจุบันรายได้ประชาชาติของไทย มาจากภาคเกษตรแค่ 10% อีก 40% มาจากภาคอุตสาหกรรม ที่เหลืออีก 50% มาจากภาคบริการ เช่น ภาคการเงิน ธุรกิจส่งออกนำเข้า ภาคการค้าปลีก ทำให้ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับกำลังพัฒนา และน่าจะตามมาเลเซียไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ขณะเดียวกัน ดร. โกร่ง ได้กล่าวว่าแต่ประเทศไทยโชคร้ายเพราะเกิดการรัฐประหารขึ้นมา จึงทำให้ความก้าวหน้าที่จะถีบตัวของประเทศไทยไปเป็นประเทศพัฒนานั้นชะงักลง ในสายตาประชาคมโลกไทยนั้นมีระบอบการปกครองที่ล้าหลัง และผู้นำของเราไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ การที่ไทยมีรัฐประหารที่ผ่านมาได้ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยไม่ให้เดินหน้าไปไหน ผู้นำทหารของไทยมองว่าการปกครองของไทยไม่สำคัญนั้นไม่จริง ดร. โกร่ง ได้กล่าวต่อเนื่องว่า การที่ผู้นำของเราไม่สามารถเดินทางไปเจรจาการค้าแบบทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ไปได้เฉพาะการเจรจาแบบพหุภาคี (หลายๆ ประเทศรวมกัน) เป็นเหตุทำให้สภาวะเศรษฐกิจของเราถดถอยลง การส่งออกประสบปัญหา นอกจากนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องบทบาทของอัตราแลกเปลี่ยน และความผิดพลาดของรัฐบาลนี้คือการไม่ดูแลผู้ส่งออกผ่านอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้การส่งออกถดถอยและล้าหลังสุดในอาเซียน ขณะที่การท่องเที่ยวที่หวังว่าจะออกมาช่วยเรื่องการส่งออก แต่เราก็ทำตัวเอง เช่น กรณีเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต เราก็พูดกระทบจิตใจกับชาวจีน ขณะที่เกิดโรคระบาดเกิดขึ้น เราก็ทำอะไรบางอย่างที่กระทบจีน ทั้งๆ ที่เราต้องพึ่งพาประเทศจีน ดร. โกร่ง ได้เล่าถึงเมื่อมีคนมาถามว่าเมื่อไหร่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นนั้น ดร. โกร่งได้เล่าว่าเมื่อไหร่เศรษฐกิจโลกจะฟื้น นั้นยังมองไม่เห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ แม้ว่าเราจะไม่สามารถตั้งราคาตามตลาดโลกได้ แต่ความเข้าใจเศรษฐกิจของโลกและเศรษฐกิจของไทยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากรัฐบาลมีทัศนะคติแปลกๆ จะสามารถแก้ไขเศรษฐกิจได้อย่างไร แต่เศรษฐกิจไทยซบเซาเนื่องจากการส่งออก แต่การนำเข้าหดตัวมากกว่าการส่งออกด้วยซ้ำ ทำให้ดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัดยังดี ส่งผลทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้เกิดการไหลเข้าเก็งกำไร แต่ครั้งนี้ไม่ได้เข้าตลาดหุ้นแต่ไปอยู่ในตราสารหนี้ทำให้พันธบัตรรัฐบาลของไทยมีราคาสูงขึ้นแต่ผลตอบแทนลดลง นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวกลับเท่ากัน มีอัตราใกล้เคียงกันทำให้คาดว่าเศรษฐกิจจะซบเซาไปอีกนาน ดร. โกร่ง ยังมองว่าถ้าหากจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว ค่าเงินบาทของไทยต้องอ่อนค่ามากกว่านี้ ตามสถิติถ้าอยากให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4% ค่าเงินบาทต้องอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ถ้าให้ขยายตัว 5% เงินบาทต้องอยู่ในระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ และถ้าหากค่าเงินบาทยังวนเวียนอยู่ที่ประมาณ 30 บาทจะทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ไปไหน และเมื่อโคโรนาไวรัสเข้ามาทำให้โมเดลที่รัฐบาลคาดไว้ผิดหมด การส่งออกที่ขยายตัวบ้างกลับกลายเป็นหดตัว ทุกอย่างผิดพลาดหมด ปีนี้จะกลายเป็นว่าปีนี้เผาจริง ปลายปีนี้เก็บกระดูกไปลอยอังคาร ขอให้เตรียมการไว้ ดร. โกร่ง ได้กล่าวว่าไม่ได้เกลียดรัฐบาล แต่ดูจากตัวเลขทางเศรษฐกิจ และได้เล่าถึงรัฐบาลของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ในระยะเวลา 8 ปีนั้นซบเซา และมาฟื้นสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ วัฏจักรเศรษฐกิจนั้นมีประมาณ 10 ปีที่ขึ้นและลง และไทยได้เข้าสู่ขาลงมาแล้ว 5 ปี และไทยน่าจะเหลือ 5 ปีเป็นอย่างน้อยที่เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว และสัญญาณจากการฟื้นต้องมาจากต่างประเทศ ดร. โกร่งได้กล่าวทิ้งท้าย
วีรพงษ์ รามางกูร มองว่า เศรษฐกิจไทยในยุคปัจจุบันอาจต้องรอ 5 ปีถึงจะฟื้นตัว ต้องให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพื่อที่จะทำให้การส่งออกดีขึ้น โดยการฟื้นตัวครั้งต่อไปนั้น มองว่าได้ปัจจัยจากต่างชาติ การที่จีนกลายเป็นโรงงานของโลกทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากไทยเราส่งสินค้าให้จีน รายได้ประชาชาติจาก เกษตรแค่ 10% 40% มาจากภาคอุตสาหกรรม ที่เหลืออีก 50% มาจากภาคบริการ ธุรกิจส่งออกนำเข้า การที่ไทยมีรัฐประหารที่ผ่านมาได้ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยไม่ให้เดินหน้าไปไหน การที่ผู้นำของเราไม่สามารถเดินทางไปเจรจาการค้าแบบทวิภาคีกับประเทศต่างๆ เป็นเหตุทำให้สภาวะเศรษฐกิจของเราถดถอยลง
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_55977
Retail
จากการวิเคราะห์ของ Goldman Sachs เศรษฐกิจไทยปี 2563 เติบโตเพียง 2.4% และคาดว่าจะเติบโตเพียง 1.5-2.5% ในปี 2564 อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ควรใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวนี้
null
กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกควรใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว: 1. ปรับตัวเข้าหานักช้อปยุคใหม่: - เน้นการ ขายสินค้าออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, มาร์เก็ตเพลส - พัฒนาระบบ Omnichannel ที่เชื่อมต่อประสบการณ์การช้อปทั้งออนไลน์และออฟไลน์ - นำเสนอบริการ Personalization แนะนำสินค้าตรงใจลูกค้าแต่ละคน 2. มุ่งเน้นสินค้าจำเป็นในราคาประหยัด: - เสนอ สินค้าราคาประหยัด หรือ สินค้าแบรนด์ตัวเอง - จัด โปรโมชั่น ลดราคาสินค้า - เน้นสินค้า กลุ่ม FMCG ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต 3. ขยายฐานลูกค้า: - เจาะตลาด ต่างจังหวัด ที่มีศักยภาพ - มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้า Gen Z ที่มีกำลังซื้อ - นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับ ไลฟ์สไตล์ ของลูกค้า 4. ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ: - นำเทคโนโลยีมาช่วย บริหารจัดการคลังสินค้า - ปรับ กลยุทธ์ด้านราคา - พัฒนาระบบ การจัดส่งสินค้า 5. มองหาโอกาสใหม่ๆ: - ขยายธุรกิจไปยัง ช่องทางใหม่ - นำเสนอ สินค้าและบริการใหม่ - มองหา พันธมิตรทางธุรกิจ ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ไปใช้: - ห้างสรรพสินค้า CentralWorld ปรับพื้นที่ให้เช่าเพื่อรองรับ ธุรกิจใหม่ เช่น ร้านอาหาร, คลินิกความงาม, โรงเรียนสอนพิเศษ - ร้านค้าปลีก 7-Eleven นำเสนอ บริการใหม่ เช่น บริการรับชำระค่าบริการต่างๆ, บริการสั่งอาหารออนไลน์ - เทสโก้ โลตัส เสนอ สินค้าแบรนด์ตัวเอง ในราคาประหยัด สรุป: ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้, เข้าใจพฤติกรรมของนักช้อปยุคใหม่, เสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้า, ควบคุมต้นทุน, มองหาโอกาสใหม่ๆ
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_55997
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ Cafe Amazon ใช้ในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
null
Cafe Amazon ใช้กลยุทธ์หลักๆ ดังต่อไปนี้ในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ: 1. ร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น: - Cafe Amazon เลือกจับมือกับ CRG ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในธุรกิจร้านอาหารในเวียดนาม กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Cafe Amazon เข้าถึงฐานลูกค้าท้องถิ่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น - CRG มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดเวียดนามเป็นอย่างดี - CRG มีเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวาง 2. เลือกทำเลที่มีศักยภาพ: - Cafe Amazon เลือกเปิดสาขาแรกในปั๊มน้ำมันของ Sinopec ในเมืองหนานหนิง ประเทศจีน - เมืองหนานหนิง เป็นเมืองหลวงของมณฑลกวางซี - เมืองหนานหนิง มีประชากรหนาแน่น - เมืองหนานหนิง เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ของจีน - Cafe Amazon เลือกเปิดสาขาในปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน 3. นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของท้องถิ่น: - Cafe Amazon ปรับสูตรกาแฟให้เหมาะกับรสนิยมของคนเวียดนาม - Cafe Amazon นำเสนอเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย - Cafe Amazon เน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น - Cafe Amazon นำเสนอบริการที่สะดวกรวดเร็ว 4. เน้นการใช้เทคโนโลยี: - Cafe Amazon พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับสั่งซื้อกาแฟและเครื่องดื่มล่วงหน้า - Cafe Amazon นำเสนอบริการ Wi-Fi ฟรี - Cafe Amazon ใช้ระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล 5. สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก: - Cafe Amazon ทำการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย - Cafe Amazon จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย - Cafe Amazon สนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่น ผลลัพธ์: กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ Cafe Amazon ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ปัจจุบัน Cafe Amazon มีสาขามากกว่า 3,500 สาขาใน 10 ประเทศทั่วโลก อนาคต: Cafe Amazon วางแผนที่จะขยายสาขาไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา บทสรุป: Cafe Amazon เป็นตัวอย่างที่ดีของธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ กลยุทธ์ที่ Cafe Amazon ใช้ในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศนั้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ได้
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56000
Retail
กลยุทธ์การเปิดร้านป๊อปอัพสโตร์ "Worn Wear" ของ Patagonia ประสบความสำเร็จในแง่มุมของธุรกิจค้าปลีกอย่างไร
null
1. ตอบสนองต่อกระแสรักษ์โลก -ผู้บริโภคในปัจจุบันตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พวกเขาเริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลยุทธ์การเปิดร้าน "Worn Wear" สอดคล้องกับกระแสรักษ์โลก ช่วยให้ Patagonia เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่กว้างขึ้น -ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Worn Wear เน้นย้ำถึงการลดขยะเสื้อผ้า โดยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ รวมไปถึงวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้าให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น 2. สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร -ร้านป๊อปอัพสโตร์ "Worn Wear" ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จำหน่ายสินค้ามือสองเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับลูกค้าได้สัมผัสกับปรัชญาของ Patagonia และเรียนรู้เกี่ยวกับความยั่งยืน ร้านค้าได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ Patagonia และมีพนักงานที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้า -ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Worn Wear จัดกิจกรรมต่างๆ ภายในร้าน เช่น เวิร์คช็อปการซ่อมแซมเสื้อผ้า และการพูดคุยเกี่ยวกับเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน 3. ขยายช่องทางการขาย -ร้านป๊อปอัพสโตร์ "Worn Wear" ช่วยให้ Patagonia ขยายช่องทางการขาย เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่อาจไม่คุ้นเคยกับเว็บไซต์ Worn Wear ร้านค้าตั้งอยู่ในย่านที่มีผู้คนพลุกพล่าน ดึงดูดลูกค้าที่เดินผ่านไปมา -ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Worn Wear เลือกเปิดร้านป๊อปอัพสโตร์ในเมืองใหญ่ๆ เช่น เดนเวอร์ ซานฟรานซิสโก และนิวยอร์ก 4. เสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ -กลยุทธ์การเปิดร้าน "Worn Wear" ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของ Patagonia ในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดึงดูดลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Patagonia รักษาฐานลูกค้าเก่า และดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา -ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Worn Wear ได้รับการยกย่องจากสื่อต่างๆ ในฐานะตัวอย่างของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการนำเสนอสินค้ามือสอง กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Patagonia มีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของผู้บริโภค โดยสรุป -กลยุทธ์การเปิดร้านป๊อปอัพสโตร์ "Worn Wear" ของ Patagonia ประสบความสำเร็จในแง่มุมของธุรกิจค้าปลีก -กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Patagonia ตอบสนองต่อกระแสรักษ์โลก สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ขยายช่องทางการขาย และเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ -กลยุทธ์นี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับแบรนด์อื่นๆ ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดสินค้ามือสอง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56002
Retail
คุณภาพของเครื่องประดับเพชรในทุกๆ ชิ้นของ Jubilee Diamond เริ่มต้นจากอะไร
1. สรีระของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม 2. เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญขั้นสูง 3. วัตถุดิบเพชรที่ส่งตรงจากเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม 4. นวัตกรรม
ข้อที่ถูกต้องได้แก่ 3. เพราะว่า คุณภาพของเครื่องประดับเพชรในทุกๆ ชิ้นของ Jubilee Diamond เริ่มต้นจากวัตถุดิบเพชรที่ส่งตรงจากเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเจียระไนเพชรที่ดีที่สุดในโลก เพชรทุกเม็ดคัดสรรอย่างพิถีพิถันจากช่างผู้มีประสบการณ์ขั้นสูง ทุกเหลี่ยมทุกมุมของเพชรทุกเม็ดต้องได้องศาที่ดีที่สุด เพื่อให้เพชรส่องประกายได้ดีเยี่ยมที่สุด ส่วนขั้นตอนการออกแบบ มีทีมที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ศึกษาเรื่องสรีระของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ออกแบบเครื่องประดับเพชรที่หลังจากลูกค้าสวมใส่แล้วรู้สึกสบาย นอกจากนั้นยังได้ร่วมมือกับโรงงานจากประเทศญี่ปุ่นที่มีทั้งเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญขั้นสูงในการผลิตเครื่องประดับเพชร รวมถึงอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ยูบิลลี่เติบโตมาโดยตลอดคือนวัตกรรม เพราะเชื่อว่านวัตกรรมเป็นหนึ่งในรากฐานที่วางอยู่ในทุกจุดขององค์กร Jubilee Diamond เป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องประดับเพชรที่เน้นเรื่องนวัตกรรมเป็นอย่างยิ่ง จนได้รับรางวัลจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) อย่างในเรื่องผลิตภัณฑ์ ได้รังสรรค์เครื่องประดับเพชรที่หนึ่งชิ้นสามารถใส่ได้ถึง 5 รูปแบบ ทำให้ลูกค้ามีเครื่องประดับเพียง 1 ชิ้น สามารถปรับเปลี่ยนการสวมใส่ได้หลากหลายโอกาส สำหรับในปี 2019 ยูบิลลี่ ไดมอนด์ มีการปรับเป้าการเติบโตของยอดขายขึ้นมาแล้วถึง 2 รอบ - รอบแรก: ช่วงต้นปี คาดการณ์การเติบโตไว้ที่ 5-8% - รอบที่สอง: ช่วงกลางปี ปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตเป็น 10%
null
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Retail_56004
Retail
การที่คิงเพาเวอร์เป็นผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวในการประมูลพื้นที่ Duty Free ของสนามบินดอนเมือง เป็นการผูกขาดในตลาด Retail หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: การมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงรายเดียว: -การมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงรายเดียว แสดงถึงการขาดการแข่งขันในตลาด ซึ่งส่งผลให้คิงเพาเวอร์มีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าและบริการได้โดยไม่ต้องกังวลกับคู่แข่ง ส่วนแบ่งตลาดที่สูง: -คิงเพาเวอร์มีส่วนแบ่งตลาด Duty Free ในประเทศไทยสูงมาก คิดเป็น 90% ของตลาดทั้งหมด การที่ไม่มีคู่แข่งในสนามบินดอนเมือง จะยิ่งทำให้ส่วนแบ่งตลาดของคิงเพาเวอร์สูงขึ้นไปอีก อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด: -ธุรกิจ Duty Free นั้นมีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสูง requiring significant capital investment, regulatory approvals, and specialized expertise. ผลกระทบต่อผู้บริโภค: การผูกขาดในตลาด Retail มักส่งผลเสียต่อผู้บริโภค ราคาสินค้า: -ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้า Duty Free ตัวเลือกสินค้า: -ผู้บริโภคมีตัวเลือกสินค้าที่จำกัด การพัฒนานวัตกรรม: -แรงจูงใจในการพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ แนวทางการแก้ไข: การเปิดเสรีตลาด: -รัฐบาลควรเปิดเสรีตลาด Duty Free การกำกับดูแล: -หน่วยงานกำกับดูแลควรตรวจสอบอย่างใกล้ชิด การสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่: -รัฐบาลควรสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ สรุป การที่คิงเพาเวอร์เป็นผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวในการประมูลพื้นที่ Duty Free ของสนามบินดอนเมือง ส่งผลให้เกิดการผูกขาดในตลาด Retail ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้บริโภค
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_56013
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ธุรกิจค้าปลีกในยุคดิจิทัล จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
null
เสียวหมี่: การบุกเบิกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวละคร 1. สตีเว่น ฉือ: ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเสียวหมี่ 2. ลี: ผู้จัดการร้าน Mi Store ในกรุงเทพฯ 3. มิน: ลูกค้าชาวไทย ฉาก ร้าน Mi Store ในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพฯ เนื้อเรื่อง:\ แสงไฟสว่างไสวส่องประกายภายในร้าน Mi Store ดีไซน์ทันสมัย เต็มไปด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ลี ผู้จัดการร้าน กำลังยิ้มแย้มต้อนรับมิน ลูกค้าสาวที่เดินเข้ามาในร้าน มิน: สวัสดีค่ะ กำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อยู่พอดีค่ะ ลี: ยินดีต้อนรับครับ เชิญลองชมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของเราได้เลย เรามีให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา ตรงกับความต้องการของคุณแน่นอนครับ มิน เดินดูสมาร์ทโฟนบนชั้นวางอย่างสนใจ พนักงานขายหลายคนคอยให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ บรรยากาศภายในร้านคึกคักไปด้วยลูกค้าที่มาเลือกซื้อสินค้า ลี: (เดินเข้าหา) สนใจรุ่นไหนเป็นพิเศษไหมครับ? มิน: จริงๆแล้ว กำลังลังเลระหว่างรุ่น Redmi Note 11 Pro กับ Poco X4 Pro อยู่ค่ะ ลี: ทั้งสองรุ่นเป็นรุ่นยอดนิยมเลยครับ Redmi Note 11 Pro เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ใช้งานทั่วไป ถ่ายรูปสวย เล่นเกมได้ลื่นไหล ส่วน Poco X4 Pro เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่เน้นประสิทธิภาพ เล่นเกมหนักๆ ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง มิน: ฟังดูน่าสนใจทั้งคู่เลยค่ะ ลี: เชิญลองเล่นเครื่องจริงได้เลยครับ มิน หยิบสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาลองเล่น เปรียบเทียบสเปคและฟีเจอร์ต่างๆ พนักงานขายคอยให้คำแนะนำอย่างละเอียด มิน: ตัดสินใจได้แล้วค่ะ จะเอา Poco X4 Pro ค่ะ ลี: ยินดีครับ เชิญเช็คเอาท์ได้เลยครับ มิน ชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต พนักงานขายทำการแพ็คสินค้าอย่างเรียบร้อย มิน: ขอบคุณสำหรับบริการนะคะ ประทับใจมากค่ะ ลี: ยินดีที่ได้บริการครับ เชิญกลับมาใช้บริการอีกครั้งนะครับ มิน เดินออกจากร้าน Mi Store ด้วยรอยยิ้ม satisfied กับสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ เสียงบรรยาย -เสียวหมี่ ประสบความสำเร็จในการบุกเบิกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่: -สินค้า: นำเสนอสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้ -การเข้าถึง: ขยายเครือข่ายร้าน Mi Store ไปยังพื้นที่ต่างๆ -บริการ: มอบประสบการณ์การบริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้า -กลยุทธ์การตลาด: เข้าใจความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_56019
Retail
กลยุทธ์การลงทุนในปี 2020 ควรมีการลงทุนอย่างไร ?
Brand Inside นำมุมมองจาก SCB Wealth Holistic Experts เกี่ยวกับการลงทุนในปี 2020 ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งมุมมองหุ้นไทยมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอาจได้ลุ้นเม็ดเงินจากต่างชาติ ขณะที่หุ้นต่างประเทศแนะจับตามองที่ฮ่องกง ศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุนและที่ปรึกษาการลงทุน (SCB Chief Investment Office) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกพร้อมกลยุทธ์การลงทุนปี 2020 ในยุค New Normal ว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วง Late Cycle โดยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-คู่ค้าหลักๆ ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอลง โดยการที่เศรษฐกิจโลกเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตนานมากขึ้น ดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง “กระจายความเสี่ยง” มุมมองการลงทุนปี 2020 จาก 3 บลจ. ดัง เน้นในปีหน้า บล.ไทยพาณิชย์ ชี้เป้า 5 หุ้นเด่นไตรมาส 4 เน้นหุ้นใหญ่ สภาพคล่องสูง และปลอดภัย “กระจายความเสี่ยง” มุมมองการลงทุนปี 2020 จาก 3 บลจ. ดัง เน้นในปีหน้า บล.ไทยพาณิชย์ ชี้เป้า 5 หุ้นเด่นไตรมาส 4 เน้นหุ้นใหญ่ สภาพคล่องสูง และปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ศรชัย มองว่าโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกมีน้อยลงเช่นกัน เพราะมีข้อจำกัดในการส่งผ่านนโยบายการเงิน เห็นได้จากหนี้ครัวเรือนที่อยู่สูงโดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว ภาคการเงินก็ระมัดระวังการให้สินเชื่อ และธนาคารกลางหลายแห่งยังต้องการเก็บกระสุนที่มีจำกัดไว้ เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต นอกจากนี้ประเทศต่างๆ มีแนวโน้มใช้นโยบายการคลังควบคู่กับนโยบายการเงิน ซึ่งนโยบายการคลังก็มีข้อจำกัดจากการมีหนี้สาธารณะซึ่งอยู่ในระดับสูง ผลจากการใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เริ่มผ่อนคลายลง โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ น่าจะมีท่าทีที่อ่อนลงในประเด็นสงครามการค้าในช่วงปีหน้า ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับตลาดการเงิน และประธานาธิบดีทรัมป์เองก็ไม่อยากให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยสมัยของเขาเอง นอกจากนี้ ศรชัย มองว่าโอกาสที่เศรษฐกิจถดถอยถือว่ายังน้อยอยู่มาก แม้เศรษฐกิจภาพใหญ่ยังดูไม่สดใส แต่สินทรัพย์เสี่ยงได้ตอบรับปัจจัยนี้เข้าไปแล้ว ดังนั้นถ้าหากเริ่มจับสัญญาณการกลับตัวที่จะบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่สำคัญๆ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เริ่มปรับเพิ่มขึ้น ปริมาณสินค้าคงคลังลดลง กำไรของบริษัทจดทะเบียนเริ่มมีเสถียรภาพหรือไม่ปรับลดลง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เริ่มปรับเพิ่มขึ้น ปริมาณสินค้าคงคลังลดลง กำไรของบริษัทจดทะเบียนเริ่มมีเสถียรภาพหรือไม่ปรับลดลง ศรชัย มองว่านี่ถือเป็นสัญญาณ Bottom Out ที่ควรจะเริ่มเข้าลงทุนได้ โดยกลยุทธ์การลงทุนในปี 2020 คือ หาจังหวะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเลือกลงทุนในตลาดหุ้น หรือในอุตสาหกรรมที่ราคาปรับลดลงมามาก จนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรือ Laggard โดยตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุน ได้แก่ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แนะนำ กลุ่มธุรกิจสุขภาพ ซึ่ง Valuation อยู่ในระดับต่ำ ระดับกำไรมีแนวโน้มที่ดี โดยควรรอเข้าลงทุน หลังมีความชัดเจนของนโยบายด้านสุขภาพ ตลาดหุ้นในทวีปเอเชีย จากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดหุ้นจีน ซึ่งได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นฮ่องกง ในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานบางตัว เช่น รถไฟใต้ดิน เป็นต้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แนะนำ กลุ่มธุรกิจสุขภาพ ซึ่ง Valuation อยู่ในระดับต่ำ ระดับกำไรมีแนวโน้มที่ดี โดยควรรอเข้าลงทุน หลังมีความชัดเจนของนโยบายด้านสุขภาพ ตลาดหุ้นในทวีปเอเชีย จากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดหุ้นจีน ซึ่งได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นฮ่องกง ในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานบางตัว เช่น รถไฟใต้ดิน เป็นต้น ตลาดหุ้นจีน ซึ่งได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นฮ่องกง ในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานบางตัว เช่น รถไฟใต้ดิน เป็นต้น ตลาดหุ้นจีน ซึ่งได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นฮ่องกง ในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานบางตัว เช่น รถไฟใต้ดิน เป็นต้น สำหรับสินทรัพย์ทางเลือก แนะนำให้เข้าลงทุนใน REITs ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอัตราการปันผลของ REITs ในไทยและต่างประเทศเริ่มปรับสูงขึ้น จากการที่ถูกเทขาย ศรชัยแนะนำให้รอและทยอยเข้าลงทุน เมื่ออัตราการปันผลเพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 5.4-6.0% อย่างไรก็ดี ศรชัย แนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุนในตราสารหนี้เอกชน High Yield แต่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนในระดับเครดิตที่ดีมีเสถียรภาพ ด้านสินค้าโภคภัณฑ์แนะนำลงทุนในน้ำมัน และหลีกเลี่ยงลงทุนในทองคำ นอกจากนี้ในระยะยาวแล้ว ศรชัย แนะนำ 5 ธีมการลงทุนในอนาคต ซึ่งนักลงทุนสามารถลงทุนได้ผ่านตลาดหุ้นหรือผ่าน Private Equity ได้แก่ เทคโนโลยี 5G ผู้สูงวัย ซึ่งอนาคตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง Dematerialization ศรชัยได้ยกตัวอย่างถึง Music Streaming ที่ไม่ต้องใช้ CD แต่อย่างใด หรือ Video Streaming ที่ไม่ต้องใช้ DVD หรือ Blu-ray สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสำหรับในปีหน้ามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น อย่างไรก็ดียังคงมีความเสี่ยงด้านมหภาค เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่คาดว่าเศรฐกิจโลกยังคงเติบโตได้แม้อัตราการเติบโตต่ำ แต่ไม่ถึงขั้นเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงประเทศเกิดใหม่ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินผ่านรูปแบบต่างๆ เช่น QE ไว้รองรับความเสี่ยงแล้วตั้งแต่ปลายปี 2562 สำหรับเศรษฐกิจไทย คาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. 2 ครั้ง การออกมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจของรัฐบาลทั้งด้านการบริโภค การท่องเที่ยว รวมถึงงบประมาณปี 2563 ที่คาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายได้ต้นปี 2563 จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2563 ให้เติบโตได้ แม้จะยังคงเผชิญความเสี่ยงด้านการส่งออก ทั้งนี้ คาดว่า การลงทุนของรัฐบาลและเอกชน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2563 สุกิจ ยังเสริมว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามในกลุ่ม Emerging Markets ซึ่งยังคงตามหลังตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และ ยุโรป ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่แล้วหลายตลาดฯ ทำให้ผลตอบแทนเริ่มจำกัด ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ มีความน่าสนใจมากขึ้นในปี 2563 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสหรัฐฯ กับจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้ในเบื้องต้น ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงหุ้นไทยเริ่มจำกัดเนื่องจากคาดว่าการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2562 สิ้นสุดแล้ว ในขณะที่กำไรสุทธิมีโอกาสฟื้นตัวในปี 2563 ประมาณ 8-10% YoY และหุ้นไทยเองยังได้ลุ้นกับเม็ดเงินจากต่างชาติที่มีโอกาสจะไหลเข้ามาได้ด้วย คาดว่าในปี 2020 นั้น SET Index จะอยู่ในช่วง 1,600 ถึง 1,800 จุด กลยุทธ์การลงทุนในปีหน้า แนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ เน้นหุ้นที่มีเงินปันผล ราคาไม่แพงและกำไรสุทธิยังคงเติบโตได้แม้ไม่สูงก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น กลุ่มค้าปลีก การแพทย์ นิคมอุตสาหกรรม กลุ่มค้าปลีก การแพทย์ นิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ สุกิจ ยังได้เสริมว่าถ้าหากนักลงทุนรับความเสี่ยงมากขึ้น ก็แนะนำหุ้นกลุ่มวัฏจักร เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี เนื่องจากมูลค่าหุ้นลดลงมาสะท้อนความเสี่ยงไปพอสมควรแล้ว โดยคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัว และ สงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related อัพเดตเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 และจัดพอร์ตการลงทุน ผ่านมุมมองของ SCB Julius Baer In "Article" “กระจายความเสี่ยง” มุมมองการลงทุนปี 2020 จาก 3 บลจ. ดัง เน้นในปีหน้า In "News" SCB CIO มอง “เราอาจพบเศรษฐกิจถดถอยในรูปแบบใหม่ ถ้าเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัว” In "News"
โดยกลยุทธ์การลงทุนในปี 2020 คือ หาจังหวะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเลือกลงทุนในตลาดหุ้น หรือในอุตสาหกรรมที่ราคาปรับลดลงมามาก จนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรือ Laggard โดยตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุน ได้แก่ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แนะนำ กลุ่มธุรกิจสุขภาพ ซึ่ง Valuation อยู่ในระดับต่ำ ระดับกำไรมีแนวโน้มที่ดี โดยควรรอเข้าลงทุน หลังมีความชัดเจนของนโยบายด้านสุขภาพ ตลาดหุ้นในทวีปเอเชีย จากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดหุ้นจีน ซึ่งได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นฮ่องกง ในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานบางตัว เช่น รถไฟใต้ดิน เป็นต้น สำหรับสินทรัพย์ทางเลือก แนะนำให้เข้าลงทุนใน REITs ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอัตราการปันผลของ REITs ในไทยและต่างประเทศเริ่มปรับสูงขึ้น จากการที่ถูกเทขาย ให้รอและทยอยเข้าลงทุน เมื่ออัตราการปันผลเพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 5.4-6.0% อย่างไรก็ดี ให้หลีกเลี่ยงลงทุนในตราสารหนี้เอกชน High Yield แต่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนในระดับเครดิตที่ดีมีเสถียรภาพ ด้านสินค้าโภคภัณฑ์แนะนำลงทุนในน้ำมัน และหลีกเลี่ยงลงทุนในทองคำ นอกจากนี้ในระยะยาวแล้ว 5 ธีมการลงทุนในอนาคต ซึ่งนักลงทุนสามารถลงทุนได้ผ่านตลาดหุ้นหรือผ่าน Private Equity ได้แก่ 1.เทคโนโลยี 5G 2.ผู้สูงวัย ซึ่งอนาคตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 3.รถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 4.Dematerialization ศรชัยได้ยกตัวอย่างถึง Music Streaming ที่ไม่ต้องใช้ CD แต่อย่างใด หรือ Video Streaming ที่ไม่ต้องใช้ DVD หรือ Blu-ray
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56021
Retail
อะไรคือกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกในปี 2020
null
จากบทความข้างต้น กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกในปี 2020 มีดังต่อไปนี้ 1. เน้นหุ้นกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ -การค้าปลีกออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น -เลือกหุ้นที่มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีฐานลูกค้ากว้างขวาง และมีระบบการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ 2. เลือกหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่มีสินค้าจำเป็น -หุ้นกลุ่มนี้มักมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ -ตัวอย่างหุ้นกลุ่มนี้ เช่น หุ้นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา 3. เลือกหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่มีกลยุทธ์ Omnichannel -กลยุทธ์ Omnichannel คือ การผสมผสานระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ -หุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตสูง เพราะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง 4. เลือกหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่มีมูลค่าถูก -หุ้นกลุ่มนี้มักมีราคา laggard ตลาด -มีโอกาสฟื้นตัวได้ดี เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว 5. ติดตามข่าวสารและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด -กลยุทธ์การลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ ตัวอย่างหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่น่าสนใจ -JWD: ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร มีธุรกิจ e-commerce ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว -CPALL: ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56033
Retail
ช่วยสรุปบทความ “ลาซาด้า 11.11” นิยามประสบการณ์ช้อปปิ้งใหม่ให้นักช้อปไทย “วันเดียวได้ทุกดีล”
11.11 แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำของลาซาด้าในอีคอมเมิร์ซประเทศไทย ลาซาด้า 11.11 มหกรรมช้อปปิ้งครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี เดินหน้าสร้างนิยามประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ให้ตลาดค้าปลีกอีคอมเมิร์ซและนักช้อปไทย ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ภายใต้กลยุทธ์ช้อปเปอร์เทนเม้นท์ “Lazada 11.11 Biggest One Day Sale วันเดียวได้ทุกดีล” ชวนนักช้อปสนุกไปกับกิจกรรม และคูปองส่วนลดมากถึง 111 ล้านคูปอง ช้อปกันไม่ยั้งกับสินค้าและแบรนด์มากมายที่มาพร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดของปี นายแจ็ค จาง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ลาซาด้าเป็นผู้นำคอนเซ็ปต์มหกรรมช้อปปิ้งมาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกในปี 2555 เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เห็นมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ซึ่งได้รับความนิยมทั่วโลก ได้รับการตอบรับจากนักช้อปชาวไทยและมีส่วนในการขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยให้เติบโตขึ้น ลาซาด้าถือเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค ด้วยจำนวนผู้ใช้งานแอคทีฟมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี และมีการเติบโตของจำนวนคำสั่งซื้อมากกว่า 100% เมื่อเทียบสถิติแบบปีต่อปีติดต่อกันในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา ปีที่ผ่านมา มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ได้สร้างสถิติในประเทศไทย ด้วยยอดคำสั่งซื้อจำนวนมากกว่า 240,000ครั้ง ในเวลาหนึ่งชั่วโมงแรก และมีจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในแคมเปญ 11.11 ช่วงปี 2561 เพิ่มมากขึ้นถึง 287% เมื่อเทียบกับปี 2560 มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 เป็นเทศกาลช้อปปิ้งประจำปีที่แสดงให้เห็นถึงระบบอีคอมเมิร์ซที่ล้ำหน้าของลาซาด้า ซึ่งรองรับเครือข่ายโลจิสติกส์สำหรับ Business to Customer (B2C) ที่ใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีทางเลือกด้านการชำระเงินที่ปลอดภัยหลากหลายวิธี ตั้งแต่การเก็บเงินปลายทางไปจนถึงบริการ Lazada Wallet ตลอดจนเทคโนโลยีระดับเวิลด์คลาสที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ชาย เมื่อเร็วๆ นี้ ลาซาด้าได้เปิดตัวบริการ Collection Point หรือบริการจุดรับพัสดุด้วยตนเอง ที่มอบความสะดวกสบายให้กับนักช้อปในการรับพัสดุช่วงมหกรรม 11.11 นี้ โดยเป็นความร่วมมือกับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และเทสโก้ โลตัส ที่มีจุดรับพัสดุของลาซาด้าให้นักช้อปได้เลือกรับในเวลาและสถานที่ที่ต้องการ ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้ลาซาด้าวอลเล็ตนั้น เติบโตขึ้นถึง 189% เมื่อเทียบปีต่อปี ระหว่างเดือนตุลาคม 2562 กับช่วงเดียวกันในปี 2561 นักช้อปสามารถสัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวและค้นหาสินค้าที่ใช่ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเทคโนโลยีด้าน AI บนแพลตฟอร์มของลาซาด้า นอกจากนี้ ลาซาด้ายังร่วมมือกับ 7 พันธมิตรในประเทศไทยเปิดตัว Stamp Hunt ซึ่งเป็นการยกระดับของกิจกรรมออฟไลน์สู่ออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าไปใช้บริการในร้านค้าพันธมิตร เพื่อสแกนคิวอาร์โค้ด รับแสตมป์สะสมเพื่อแลกรับของรางวัลที่ต้องการ นางสาวภารดี สินธวณรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า มหกรรมช้อปปิ้ง Lazada 11.11 Biggest One Day Sale วันเดียวได้ทุกดีล มาพร้อมกับสินค้าในราคาที่ดีที่สุด และมีสินค้าราคาพิเศษให้เลือกช้อปหลากประเภทมากที่สุด นอกจากนี้ มหกรรมช้อปปิ้งครั้งนี้ยังมีการแจกคูปองส่วนลดแบบถล่มทลายกว่า 111 ล้านคูปองให้ได้เลือกสะสมผ่านกิจกรรมสนุกๆ ในแบบ Shoppertainment และ O2O หลากหลายกิจกรรม
ลาซาด้าจัดมหกรรมช้อปปิ้งในวันที่ 11 พฤศจิกายน เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ให้ตลาดค้าปลีกและนักช้อปไทย โดยมีกิจกรรมและคูปองส่วนลดมากถึง 111 ล้านคูปอง เน้นกลยุทธ์ "Lazada 11.11 Biggest One Day Sale วันเดียวได้ทุกดีล" นายแจ็ค จาง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย เผยว่า ลาซาด้าเป็นผู้นำในคอนเซ็ปต์มหกรรมช้อปปิ้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหกรรมนี้ได้รับความนิยมทั่วโลกและได้รับการตอบรับจากนักช้อปไทย ทำให้ลาซาด้าเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค โดยมีผู้ใช้งานแอคทีฟมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี และมีการเติบโตของจำนวนคำสั่งซื้อมากกว่า 100% ในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ปีที่แล้วมีคำสั่งซื้อมากกว่า 240,000 ครั้งในชั่วโมงแรก และเพิ่มขึ้นถึง 287% เมื่อเทียบกับปีก่อน นับเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่แสดงให้เห็นถึงระบบอีคอมเมิร์ซที่ลาซาด้ามี โดยมีระบบโลจิสติกส์ B2C ที่ใหญ่ที่สุดและการชำระเงินที่ปลอดภัยมากมาย เช่น Lazada Wallet และเทคโนโลยีที่เพิ่มประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย ลาซาด้าเปิดบริการ Collection Point ร่วมมือกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป และเทสโก้ โลตัสในมหกรรม 11.11 เพื่อให้นักช้อปได้รับพัสดุได้ตามสะดวก พร้อมกับการเติบโตของผู้ใช้ลาซาด้าวอลเล็ตขึ้นถึง 189% ระหว่างตุลาคม 2562 และตุลาคม 2561 ลาซาด้าใช้เทคโนโลยี AI เพื่อให้นักช้อปสามารถช้อปปิ้งอย่างง่ายดายและตรงตามความต้องการของตน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Stamp Hunt ที่เป็นการร่วมมือกับ 7 พันธมิตรในประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าร้านค้าพันธมิตรเพื่อรับแสตมป์สะสมและแลกรางวัลต่างๆได้ นางสาวภารดี สินธวณรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวถึงมหกรรมช้อปปิ้ง Lazada 11.11 Biggest One Day Sale ที่มีทุกดีลและสินค้าราคาพิเศษ รวมถึงการแจกคูปองส่วนลดมากถึง 111 ล้านคูปองผ่านกิจกรรม Shoppertainment และ O2O
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56034
Retail
โครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนาของกลุ่มเซ็นทรัล เป็นการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล คือ -โครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร -กลุ่มเซ็นทรัล เป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในประเทศไทย -การลงทุนในโครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเซ็นทรัลต้องการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศ ข้อโต้แย้ง -บางคนอาจโต้แย้งว่า โครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา ไม่ได้เป็นการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศโดยตรง -โครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยองค์ประกอบอื่นๆ เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน พื้นที่พักอาศัย การตอบโต้ข้อโต้แย้ง -จริงอยู่ที่โครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยองค์ประกอบอื่นๆ แต่ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร -โครงการมิกซ์ยูส แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มเซ็นทรัลในการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศ -กลุ่มเซ็นทรัล วางแผนที่จะลงทุนในโครงการมิกซ์ยูสเพิ่มเติมในต่างประเทศ สรุป โครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา เป็นการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศของกลุ่มเซ็นทรัล **กลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัลในการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศ เน้นไปที่การลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูงในเมืองท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ กลุ่มเซ็นทรัล วางแผนที่จะลงทุนในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และศูนย์การค้าในต่างประเทศ ความท้าทายของกลุ่มเซ็นทรัลในการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศ ได้แก่ การแข่งขัน กฎระเบียบ และวัฒนธรรม **
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_56044
Retail
จากผลวิจัยของ TMB เกี่ยวกับ 5 ปัญหาหลักของร้านค้าออนไลน์ อะไรคือกลยุทธ์ที่ร้านค้าออนไลน์ควรนำมาใช้เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
null
กลยุทธ์ที่ร้านค้าออนไลน์ควรนำมาใช้: 1. พัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่าง: ออกแบบสินค้าให้มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร พัฒนาสินค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ เน้นสินค้าที่มีคุณภาพ นำเสนอบริการพิเศษเพิ่มเติม 2. เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาออนไลน์: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย เลือกแพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสม ออกแบบโฆษณาที่ดึงดูดความสนใจ วิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับปรุงโฆษณาอยู่เสมอ 3. บริหารจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ: ใช้ระบบสต็อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพ อัพเดทข้อมูลสต็อกสินค้าอยู่เสมอ จัดเก็บสินค้าอย่างเป็นระบบ เลือกใช้บริการบริหารสต็อกสินค้า (Fulfillment Service) 4. พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้า: ตรวจสอบข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด เตรียมสินค้าให้พร้อมสำหรับจัดส่ง เลือกบริษัทขนส่งที่มีความน่าเชื่อถือ แจ้งข้อมูลการจัดส่งให้ลูกค้าทราบ เสนอบริการจัดส่งสินค้าที่หลากหลาย 5. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ: คำนวณต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เตรียมเงินทุนสำรองสำหรับกิจกรรมพิเศษ หาแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐ ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ไปใช้: ร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ออกแบบเสื้อผ้าที่มีลวดลายเฉพาะตัว ร้านขายเครื่องสำอางออนไลน์นำเสนอบริการสอนแต่งหน้าออนไลน์ ร้านขายอาหารออนไลน์ใช้ระบบสต็อกสินค้าอัตโนมัติ ร้านขายของชำออนไลน์เสนอบริการจัดส่งสินค้าฟรี ข้อแนะนำเพิ่มเติม: ร้านค้าออนไลน์ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดและคู่แข่งอยู่เสมอ พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ มองหาโอกาสในการสร้าง partnerships กับธุรกิจอื่น สรุป: กลยุทธ์เหล่านี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ร้านค้าออนไลน์ควรปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสินค้า กลุ่มเป้าหมาย และรูปแบบธุรกิจของตัวเอง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56050
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ผู้ขายชาวจีนใช้เพื่อประสบความสำเร็จบน Amazon?
null
จากบทความ ผู้ขายชาวจีนใช้กลยุทธ์หลักๆ ดังต่อไปนี้เพื่อประสบความสำเร็จบน Amazon: 1. ใช้บริการ Fulfillment by Amazon (FBA): FBA ช่วยให้ผู้ขายมีคลังสินค้า แพ็คสินค้า และส่งสินค้าให้ลูกค้าโดย Amazon เป็นผู้จัดการทั้งหมด ช่วยให้ผู้ขายมีความคล่องตัว ไม่ต้องลงทุนในคลังสินค้า พนักงาน และระบบขนส่ง ช่วยให้ผู้ขายสามารถเสนอการจัดส่งสินค้าแบบ Prime shipping แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าชาวอเมริกันและชาวยุโรปต้องการ 2. ใช้บริการ ePacket: ePacket เป็นบริการขนส่งสินค้าระดับเฟิร์สคลาสในราคาประหยัด ช่วยให้ผู้ขายสามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็กและน้ำหนักเบา 3. เน้นสินค้าที่มีคุณภาพดี: ลูกค้าชาวอเมริกันและชาวยุโรปคาดหวังสินค้าที่มีคุณภาพดี ผู้ขายชาวจีนต้องเน้นสินค้าที่มีคุณภาพดี ตรงตามมาตรฐานสากล สินค้าต้องปลอดภัย ใช้งานได้จริง และทนทาน 4. เสนอราคาที่แข่งขันได้: ผู้ขายชาวจีนต้องเสนอราคาที่แข่งขันได้ เพื่อดึงดูดลูกค้า ผู้ขายต้องคำนึงถึงต้นทุนสินค้า ค่าขนส่ง และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Amazon ผู้ขายต้องกำหนดราคาสินค้าอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้กำไร 5. ให้บริการลูกค้าที่ดี: ผู้ขายชาวจีนต้องให้บริการลูกค้าที่ดี ตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็ว และแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับลูกค้า ผู้ขายต้องสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าอีก 6. ใช้เครื่องมือและบริการต่างๆ ของ Amazon: Amazon มีเครื่องมือและบริการต่างๆ มากมาย ที่สามารถช่วยให้ผู้ขายเพิ่มยอดขาย ผู้ขายควรศึกษาและใช้เครื่องมือเหล่านี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้า 7. เข้าร่วมโปรแกรม Amazon Prime: โปรแกรม Amazon Prime ช่วยให้ผู้ขายสามารถเข้าถึงลูกค้า Prime ซึ่งเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ผู้ขายต้อง memenuhi ข้อกำหนดของ Amazon Prime เพื่อเข้าร่วมโปรแกรม 8. ทำการตลาดสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ: ผู้ขายต้องทำการตลาดสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดลูกค้า ผู้ขายสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ของ Amazon เช่น Amazon Sponsored Products และ Amazon Sponsored Brands ผู้ขายสามารถใช้ช่องทางการตลาดอื่นๆ เช่น โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ สรุป: ผู้ขายชาวจีนใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อประสบความสำเร็จบน Amazon กลยุทธ์เหล่านี้รวมถึงการใช้บริการ FBA และ ePacket เน้นสินค้าที่มีคุณภาพดี เสนอราคาที่แข่งขันได้ ให้บริการลูกค้าที่ดี ใช้เครื่องมือและบริการต่างๆ ของ Amazon เข้าร่วมโปรแกรม Amazon Prime และทำการตลาดสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56056
Retail
เชลล์ชวนชิมสามารถใช้กลยุทธ์ใดเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจในยุคดิจิทัล?
null
เชลล์ชวนชิมสามารถใช้กลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจในยุคดิจิทัล ดังนี้: 1. ขยายแพลตฟอร์มดิจิทัล: - พัฒนาแอปพลิเคชั่นเชลล์ชวนชิมให้ใช้งานง่าย มีฟังก์ชั่นครบครัน เช่น ค้นหาร้านอาหาร จองคิว สั่งอาหารออนไลน์ รีวิวร้านอาหาร - พัฒนาเว็บไซต์เชลล์ชวนชิมให้มีเนื้อหาที่หลากหลาย น่าสนใจ เช่น บทความเกี่ยวกับอาหาร สูตรอาหาร วิดีโอรีวิว - ขยายช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok Instagram Reels เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย 2. สร้างประสบการณ์แบบ O2O: - จัดกิจกรรมพิเศษ เช่น กิจกรรมชิมอาหาร เวิร์คช็อปทำอาหาร ทัวร์ชิมอาหาร ร่วมกับร้านอาหารที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิม - นำเสนอโปรโมชั่นส่วนลด และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเชลล์ชวนชิม - พัฒนาบริการจัดส่งอาหาร Delivery ร่วมกับร้านอาหารที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิม 3. ร่วมมือกับพันธมิตร: - ร่วมมือกับบริษัทท่องเที่ยวเพื่อจัดแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงอาหาร - ร่วมมือกับ influencer บนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทร้านอาหารที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิม - ร่วมมือกับสื่อออนไลน์เพื่อเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับอาหาร 4. พัฒนาเทคโนโลยี: - พัฒนา AI เพื่อช่วยค้นหาร้านอาหารที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้า - พัฒนาระบบการจองคิวออนไลน์ - พัฒนาระบบสั่งอาหารออนไลน์ 5. เน้นความยั่งยืน: - สนับสนุนร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบอินทรีย์ - สนับสนุนร้านอาหารที่ลดการใช้พลังงานและน้ำ - สนับสนุนร้านอาหารที่ลดการสร้างขยะ ตัวอย่าง: - เชลล์ชวนชิมสามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นให้มีฟังก์ชั่น AI ที่สามารถแนะนำร้านอาหารให้กับลูกค้าตามความต้องการ - เชลล์ชวนชิมสามารถจัดกิจกรรมชิมอาหารร่วมกับร้านอาหารที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิม - เชลล์ชวนชิมสามารถร่วมมือกับ influencer บนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทร้านอาหารที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิม ข้อดี: 1. ช่วยให้เชลล์ชวนชิมเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น 2. ช่วยให้เชลล์ชวนชิมสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 3. ช่วยให้เชลล์ชวนชิมสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ข้อควรระวัง: 1. เชลล์ชวนชิมต้องพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ใช้งานง่าย และมีเนื้อหาที่น่าสนใจ 2. เชลล์ชวนชิมต้องสร้างประสบการณ์แบบ O2O ที่ดีให้กับลูกค้า 3. เชลล์ชวนชิมต้องเลือกพันธมิตรที่เหมาะสม บทสรุป: เชลล์ชวนชิมสามารถใช้กลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจในยุคดิจิทัลได้หลายวิธี โดยเน้นการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล สร้างประสบการณ์แบบ O2O ร่วมมือกับพันธมิตร พัฒนาเทคโนโลยี และเน้นความยั่งยืน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56058
Retail
พอร์โต โก จะสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มไหนให้เข้ามาใช้บริการได้อย่างไร?
null
พอร์โต โก สามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มต่างๆ เข้ามาใช้บริการได้ดังนี้: 1. นักเดินทาง - กลุ่มนักเดินทางที่ต้องการแวะพักรถ เข้าห้องน้ำ ทานอาหาร ซื้อกาแฟ - กลุ่มนักเดินทางที่ต้องการซื้อของฝาก ของที่ระลึก - กลุ่มนักเดินทางที่ต้องการเติมน้ำมัน 2. คนท้องถิ่น - กลุ่มคนท้องถิ่นที่ต้องการหาร้านอาหาร ร้านกาแฟ บรรยากาศดี - กลุ่มคนท้องถิ่นที่ต้องการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค - กลุ่มคนท้องถิ่นที่ต้องการใช้บริการ Drive-thru 3. กลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม - กลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ Co-working Space - กลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ Event Space - กลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ Fitness Center 4. กลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้า พัฒนาโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า: - เน้นร้านค้า ร้านอาหารที่สะดวก รวดเร็ว เหมาะกับนักเดินทาง - มีร้านค้า ร้านอาหาร หลากหลายประเภท ตอบโจทย์ทั้งนักเดินทางและคนท้องถิ่น - มีบริการ Drive-thru - พัฒนา Co-working Space, Event Space, Fitness Center 5. พัฒนาจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง - พื้นที่จอดรถกว้างขวาง - ห้องน้ำสะอาด - การออกแบบที่ทันสมัย สวยงาม - กิจกรรมส่งเสริมการขาย ดึงดูดลูกค้า 6. พัฒนาช่องทางการสื่อสารและการตลาด - โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ - พัฒนาช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ Facebook Line Official Account - เสนอโปรโมชั่นส่วนลด ดึงดูดลูกค้า ตัวอย่าง: - พอร์โต โก อาจจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น แจกคูปองส่วนลดสำหรับร้านค้า ร้านอาหาร - พอร์โต โก อาจจะร่วมมือกับ Influencer ในการโปรโมทสถานที่ - พอร์โต โก อาจจะพัฒนาระบบสมาชิก เพื่อมอบสิทธิพิเศษต่างๆ แก่ลูกค้า - การดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพอร์โต โก พอร์โต โก จะต้องพัฒนาโมเดลธุรกิจ กลยุทธ์ และช่องทางการสื่อสารที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า คำแนะนำเพิ่มเติม: - พอร์โต โก ควรศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างละเอียด - พอร์โต โก ควรพัฒนาจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง - พอร์โต โก ควรพัฒนาช่องทางการสื่อสารและการตลาดที่เข้าถึงลูกค้า - การประสบความสำเร็จของพอร์โต โก ขึ้นอยู่กับการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56078
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ธุรกิจในยุคดิจิทัล จำเป็นต้องปรับตัวและ embrace เทคโนโลยีใหม่ ๆ
null
ชีวิตใหม่บนโลก LINE: บทเพลงแห่งธุรกิจยุคดิจิทัล ณ ร้านขายเครื่องสำอางเล็ก ๆ ใจกลางกรุงเทพฯ "คุณนลิน" เจ้าของร้าน กำลังกุมขมับด้วยความกังวล ยอดขายของร้านตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าประจำเริ่มหายหน้าไป หันไปใช้บริการจากร้านค้าออนไลน์กันมากขึ้น "ร้านเราจะอยู่รอดได้อย่างไร?" คุณนลิน ครุ่นคิดถึงอนาคต ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจาก LINE ดึงดูดความสนใจของเธอ ข้อความจาก "LINE Official Account" ของ LINE ประเทศไทย ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ "เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่! ชีวิตใหม่บนโลก LINE: บทเพลงแห่งธุรกิจยุคดิจิทัล" คุณนลิน อ่านข้อความด้วยความสนใจ รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างส่องปลายอุโมงค์ เธอตัดสินใจเข้าร่วมงาน LINE CONVERGE THAILAND 2019 เพื่อเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจ งานเต็มไปด้วยผู้ประกอบการที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง บรรยากาศคึกคัก เต็มไปด้วยพลัง "LINE ไม่ได้เป็นเพียงแอปพลิเคชันแชท แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจรสำหรับชีวิต" อึนจองลี รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารธุรกิจระดับโลก LINE Corporation กล่าวบนเวที คุณนลิน ตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ เรียนรู้กลยุทธ์ 3 ประการ ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจของเธอ กลยุทธ์แรก OMO หรือ Online-Merge-Offline เปลี่ยนร้านค้าออฟไลน์ให้เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อย่างราบรื่น ผ่าน LINE Mini App ระบบที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการของร้านได้ครบถ้วน โดยไม่ต้องออกจาก LINE กลยุทธ์ที่สอง FinTech การผนวกรวมบริการทางการเงินเข้ากับ LINE ผ่าน LINE Points และ Rabbit LINE Pay ลูกค้าสามารถสะสมคะแนน ใช้จ่าย และชำระค่าสินค้าผ่าน LINE ได้อย่างสะดวก กลยุทธ์สุดท้าย AI เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า แนะนำสินค้าที่ตรงใจ และสร้างประสบการณ์ที่ personalized คุณนลิน ตื่นเต้นกับโอกาสใหม่ ๆ ที่ LINE นำเสนอ เธอเริ่มนำกลยุทธ์เหล่านี้มาปรับใช้กับธุรกิจของเธอ เธอเปิด LINE Official Account ของร้าน แชร์โปรโมชั่น ข้อมูลสินค้า และบทความความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอาง ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ เธอผนวกรวม LINE Points กับระบบสะสมคะแนนของร้าน เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ เธอใช้ LINE Smart Channel วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า แนะนำสินค้าที่ตรงใจ และสร้างกลุ่มลูกค้า VIP ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่ง ยอดขายของร้านเพิ่มสูงขึ้น ลูกค้าประจำกลับมาซื้อซ้ำ ร้านค้าของเธอกลายเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ คุณนลิน ยิ้มอย่างภูมิใจ เธอค้นพบ "บทเพลงแห่งธุรกิจยุคดิจิทัล" บนโลก LINE
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_56085
Retail
ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ควรปรับกลยุทธ์อย่างไร ในภาวะค่าเงินบาทแข็งค่า?
null
1. ปรับราคาสินค้า: - พิจารณาปรับราคาสินค้าลง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ - เพิ่มตัวเลือกสินค้าราคาประหยัด เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัด - เสนอโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษ 2. ขยายช่องทางขาย: - เน้นช่องทางออนไลน์ - เจาะตลาดต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ - ขยายสาขาไปยังประเทศที่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย 3. มุ่งเน้นสินค้าเฉพาะกลุ่ม: - พัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์ - เน้นสินค้าไทยที่หาซื้อได้ยาก - เสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม 4. พัฒนากลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว: - เสนอบริการเสริม เช่น บริการนำเที่ยว บริการรับส่ง - จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย - ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ 5. ปรับกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง: - ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน - กระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย - ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและค่าเงินอย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเพิ่มเติม: - หารายได้จากช่องทางอื่น เช่น ให้เช่าพื้นที่โฆษณา - พัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาต่างประเทศ - เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งให้น่าสนใจ - พัฒนาระบบชำระเงินรองรับสกุลเงินต่างประเทศ สรุป: ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่า โดยพัฒนากลยุทธ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ขยายช่องทางขาย มุ่งเน้นสินค้าเฉพาะกลุ่ม พัฒนากลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว และปรับกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56127
Retail
ภาพรวมของค่าครองชีพในประเทศไทยที่สูงขึ้น รายได้ครัวเรือนไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ควรปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
null
กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกควรปรับใช้: 1. มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย: - พัฒนาสินค้าและบริการที่มีราคาประหยัด - เน้นโปรโมชั่นและส่วนลด - นำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม - ขยายช่องทางจำหน่ายไปยังชุมชน 2. ปรับรูปแบบธุรกิจให้เข้ากับยุคดิจิทัล: - พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการซื้อขาย - นำเสนอบริการ Omnichannel - มุ่งเน้นการใช้โซเชียลมีเดีย - นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 3. พัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้ง: - ออกแบบร้านค้าให้มีความดึงดูด - เสนอบริการที่สะดวกและรวดเร็ว - พัฒนากิจกรรมส่งเสริมการขายที่น่าสนใจ - เน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า 4. มุ่งเน้นไปที่สินค้าเฉพาะกลุ่ม: - ศึกษาความต้องการของลูกค้า - พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า - นำเสนอบริการที่ personalize 5. ร่วมมือกับธุรกิจอื่น: - จับมือกับธุรกิจอื่นเพื่อนำเสนอบริการที่ครบวงจร - พัฒนาแพลตฟอร์มร่วมกัน - แบ่งปันข้อมูลลูกค้า ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ไปใช้: - ร้านสะดวกซื้อนำเสนอสินค้าราคาประหยัด - ห้างสรรพสินค้าจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า - แบรนด์เสื้อผ้าเปิดร้านค้าออนไลน์ - ร้านอาหารนำเสนอบริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน ข้อแนะนำเพิ่มเติม: - ธุรกิจค้าปลีกควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด - พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น - นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - มองหาโอกาสในการสร้าง partnerships กับธุรกิจอื่น สรุป: ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย พัฒนาช่องทางจำหน่ายออนไลน์ นำเสนอบริการที่สะดวกและรวดเร็ว พัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เหล่านี้จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคดิจิทัล
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56133
Retail
ช่วยสรุปเรื่อง "Samsung Display Showroom" ให้หน่อยค่ะ
Samsung Display Showroom ที่มี 1 ใน 8 แห่งของโลก เป็นการโชว์เคสนวัตกรรมจอภาพเพื่อการส่งเสริมภาคธรุกิจ ซัมซุงเปิดพื้นที่ Samsung Display Showroom เพื่อให้ที่แห่งนี้ เป็นแหล่งรวบรวมนวัตกรรมจอภาพและเทคโนโลยีหน้าจอสุดล้ำ 1 ใน 8 แห่งของโลก และสร้างประสบการณ์ร่วมให้กับภาคธุรกิจที่ต้องการส่งเสริมและสร้างความทันสมัยให้กับธุรกิจของตัวเอง โดยนางสาวอภิรดา พัวพรพงษ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์จอภาพ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดจอภาพในประเทศไทยว่านับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ภาคธุรกิจเริ่มกลับมามองหาเทคโนโลยีที่จะช่วยให้บริการเกิดการเปลี่ยนแปลง และนำเสนอสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “การที่ซัมซุงมีสถานที่จัดแสดงจอภาพช่วยให้สามารถรับโจทย์ของลูกค้าเพื่อมานำเสนอโซลูชันที่เกี่ยวเนื่องให้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่มีกลุ่มผลิตภัณฑ์จอภาพรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง” Samsung Southeast Asia Display Solutions Showroom ในประเทศไทยสร้างขึ้นในเดือนมีนาคม 2563 ที่โครงการซัมเมอร์ลาซาล สุขุมวิท 105 นับเป็น 1 ใน 8 โชว์รูมจัดแสดงจอภาพที่ปัจจุบันมีอยู่ในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี, เมืองซูวอน และ เมืองยงอิน ประเทศเกาหลีใต้, เมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา, กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน, กรุงจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย, เกาลูนเบย์ ฮ่องกง Samsung Southeast Asia Display Solutions Showroom ได้แบ่งพื้นที่กว่า 424 ตารางเมตรออกเป็นโซนการจัดแสดงนวัตกรรมจอภาพแต่ละประเภทไว้ทั้งหมด 7 โซน ดังนี้ โซนที่ 1 – Retail LED Displayและ Digital Signage Display หลากหลายชนิด ด้วยนวัตกรรมขั้นสูง โดยซัมซุงมี Smart Signage ทุกรูปแบบที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งยังสามารถสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ได้อย่างสะดวก และช่วยให้ผู้ดำเนินธุรกิจทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนสื่อโฆษณา ผ่าน Smart Signage Solutions ของซัมซุง ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Stand Alone, Interactive, Video Wall, Indoor หรือ Outdoor Smart Signage เป็นต้น โซนที่ 2 – Corporate Display Solutions จากซัมซุงที่ช่วยตอบโจทย์ทั้งการทำงานแบบ On-site และการทำงานแบบ Hybrid ไปพร้อมๆ กัน ด้วย Interactive Display และจอมอนิเตอร์ชนิดต่างๆ ที่ช่วยทำให้การประชุมและการทำงานร่วมกันเป็นเรื่องที่สะดวก ง่ายดาย ราบรื่นไร้รอยต่อมากกว่าที่ผ่านมา นอกจากนี้องค์กรต่าง ๆ ยังสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในสถานที่ทำงาน เพื่อยกระดับการทำงานให้มีความสนุกและเพลิดเพลินยิ่งขึ้นด้วยหน้าจอ LED ชนิดต่าง ๆ ของซัมซุง นำโดย Samsung The Wall หน้าจอ Micro LED ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาพร้อมกับนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับการแสดงผลหน้าจอขึ้นอีกขั้นให้คมชัดไม่เหมือนใคร อย่างเทคโนโลยี Black Seal ที่ช่วยในการแสดงผลสีดำได้หลากหลายเฉดยิ่งขึ้น เทคโนโลยี Ultra Chroma ที่ช่วยให้สามารถแสดงสี RGB บนหน้าจอได้บริสุทธิ์มากขึ้นถึง 2 เท่า ให้สีที่เป็นธรรมชาติและสมจริงยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการประมวลผลภาพแบบ 20bit ที่สามารถแสดงถึงอัตราส่วนของคอนทราสต์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเทคโนโลยี Micro AI Processor ที่เพิ่มคอนทราสต์ให้ภาพและลดนอยซ์ในภาพได้แบบทันที นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอ LED พร้อมทั้ง Display Solutions ในรูปแบบอื่นๆ ที่ช่วยยกระดับ พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของการทำงานในองค์กรให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น The Wall All-in-One โซนที่ 3 – Education ตอบรับเทรนด์และไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างเช่นการเรียนออนไลน์ด้วย Display Solutions ของซัมซุงที่สร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ทุกคน สามารถใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัดด้วยหน้าจอที่รองรับการเขียนประสิทธิภาพสูงของซัมซุง นำโดย Interactive Sigange ใหม่ล่าสุดอย่าง Samsung Flip Pro 2022 ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการแสดงภาพพร้อมกันบนหน้าจอได้ถึง 4 อุปกรณ์ และยังรองรับการทำวีดีโอคอล ในตัว มาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type C เพื่อการรองรับการเชื่อมต่อที่สะดวกมากขึ้นได้อย่างเต็มที่ไร้ขอบเขต โซนที่ 4 – Monitor จอมอนิเตอร์จากซัมซุงที่ครองใจผู้บริโภค ด้วยหน้าจอที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบไฮบริด ให้การทำงานและความบันเทิงให้ดีกว่า โดยซัมซุงมีมอนิเตอร์ถึง 4 ประเภทให้ทุกคนได้สามารถเลือกใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์​ และไลฟ​สไตล์ของแต่ละคนได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Gaming Monitor สำหรับเกมเมอร์, Smart Monitor จอมอนิเตอร์ที่สามารถเป็นได้ทั้ง PC และ Smart TV ครอบคลุมทุกการใช้งาน, High-res Monitor สำหรับนักตัดต่อและกราฟฟิคดีไซน์เนอร์​มืออาชีพ และ Working Monitor ที่ช่วยอำนวย ความสะดวกให้ผู้ที่รักในการทำงานทุกคน สามารถทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โซนที่ 5 – Hospitality Samsung Hospitality TV จอภาพที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่ช่วยแสดงผลข้อมูลต่างๆ ของแต่ละสถานที่ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าพักที่โรงแรม หรือโรงพยาบาล ซัมซุง Hospitality TV ถือเป็นโซลูชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้เข้าพักและผู้ดูแลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยฟีเจอร์ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งความสามารถในการเชื่อมต่อบนจอภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการข้อมูลจากส่วนกลางที่สามารถสั่งงานให้ดีไวซ์เป็นไปตามความต้องการได้อย่างง่ายดาย และยังรองรับการใช้ Netflix และ Smart Application อื่นๆ บนดีไวซ์ด้วยระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ โซนที่ 6 – Home Entertainment ที่สุดแห่งเทคโนโลยี Micro LED The Wall, จอภาพแบบโมดูล่าร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 146 นิ้วพร้อมให้ความเต็มอิ่มด้วยสีสันที่สวยสด คมชัดสูง และความสว่างสูง ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 8K และรองรับการแสดงผลแบบ HDR 10+ อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Black Seal และ Ultra-Low Reflection ที่จะช่วยให้หน้าจอไม่สะท้อนแสง ทำให้สามารถรับชมความบันเทิงรายการโปรดได้อย่างสบายตา เพิ่มอรรถรถและประสบการณ์การดูทีวี, หนัง, Netflix, YouTube ฯลฯ ได้อย่างเพลิดเพลินตลอดวัน โซนที่ 7 – Home IoTs ซัมซุงยกระดับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยภายใต้คอนเซ็ปต์ Smart Living ให้ลูกค้าทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกสรรเครื่องใช้ไฟฟ้านานาชนิดซึ่งเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่นำสมัยอย่างแอปพลิเคชัน SmartThings แอปพลิเคชันสมาร์ทโฮมอัจฉริยะจากซัมซุงที่ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ภายในบ้านเข้าด้วยกันทั้งหมด พร้อมด้วยโหมดการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยมากถึง 10 แบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกและครอบคลุมกับไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิง ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานซึ่งตอบรับการใช้งานของทุกเจเนอเรชั่น
Samsung Display Showroom เป็นแหล่งรวบรวมนวัตกรรมจอภาพของซัมซุงและเทคโนโลยีหน้าจอสุดล้ำ 1 ใน 8 แห่งของโลก เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับภาคธุรกิจที่ต้องการส่งเสริมและสร้างความทันสมัยให้กับธุรกิจ โดยในประเทศไทยสร้าขึ้นในเดือนมีนาคม 2563 ที่โครงการซัมเมอร์ลาซาล สุขุมวิท 105 มีพื้นที่กว่า 424 ตารางเมตร แบ่งเป็น 7 โซน ดังนี้ 1. Retail ซัมซุงมี Smart Signage ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า สามารถสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ได้อย่างสะดวก และช่สามารถปรับเปลี่ยนสื่อโฆษณาของซัมซุงในรูปแบบต่างๆ 2. Corporate มี Display Solutions ที่ตอบโจทย์การทำงานแบบ On-site และแบบ Hybrid ไปพร้อมๆ กัน ทำให้การประชุมแเป็นเรื่องที่สะดวก ง่ายดาย และสร้างบรรยากาศที่ดีในสถานที่ทำงาน 3. Education มี Display Solutions ที่สร้างสรรค์เพื่อใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยหน้าจอที่รองรับการเขียนประสิทธิภาพสูง 4. Monitor จอมอนิเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบไฮบริด ให้การทำงานและความบันเทิงให้ดีกว่า 5. Hospitality จอภาพที่ช่วยแสดงผลข้อมูลต่างๆ ของสถานที่อย่างครบครัน ช่วยอำนวยความสะดวกด้วยฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ง่ายดาย สามารถบริหารจัดการข้อมูลจากส่วนกลางได้ 6. Home Entertainment เทคโนโลยี Micro LED The Wall, จอภาพแบบโมดูล่าร์ที่มีขนาด 146 นิ้ว ให้ความละเอียดสูงสุด 8K และการแสดงผลแบบ HDR 10+ พร้อมกับเทคโนโลยี Black Seal และ Ultra-Low Reflection ที่ช่วยให้หน้าจอไม่สะท้อนแสง สามารถรับชมความบันเทิงได้อย่างสบายตา 7. Home IoTs เพลิดเพลินกับการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน SmartThings ที่ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ภายในบ้านเข้าด้วยกันทั้งหมด พร้อมโหมดการใช้งาน 10 แบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกและครอบคลุมไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบของผู้ใช้งาน
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56142
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกในไทยควรใช้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล?
null
จากบทความ "ธุรกิจค้าปลีกต้องไม่พลาด Metaverse เทรนด์ธุรกิจใหม่ที่ไปไกลกว่าตลาดในประเทศ" กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกในไทยควรใช้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล มีดังนี้: 1. มุ่งเน้นการให้ประสบการณ์แบบ Omni-channel: ผู้บริโภคในปัจจุบันมีทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอยหลากหลาย มากกว่า 15 แพลตฟอร์ม ธุรกิจค้าปลีกต้องผนวกรวมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น ลูกค้าต้องสามารถค้นหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคา ซื้อสินค้า และติดตามการสั่งซื้อได้อย่างสะดวก โดยไม่คำนึงถึงช่องทางที่ใช้ ตัวอย่าง: ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลสินค้าบนเว็บไซต์ของร้านค้า ทดสอบสินค้าจริงที่หน้าร้าน และสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน การนำเสนอประสบการณ์แบบ Omni-channel ที่ดี จะช่วยดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างความพึงพอใจ 2. เข้าใจ Customer Journey ของลูกค้า: ธุรกิจค้าปลีกต้องศึกษาและวิเคราะห์ ว่าลูกค้ามีกระบวนการตัดสินใจซื้ออย่างไร ตั้งแต่การค้นพบสินค้า การเปรียบเทียบข้อมูล การตัดสินใจซื้อ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลนี้ปรับแต่งประสบการณ์ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละจุดสัมผัส ตัวอย่าง: แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าดูหรือซื้อไปก่อนหน้านี้ เสนอโปรโมชั่นส่วนลดเฉพาะบุคคล แจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าที่หมดสต็อก 3. มุ่งเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ: เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Fintech, Metaverse, Web 3.0 สามารถช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ใหม่ ให้กับลูกค้า ตัวอย่าง: การใช้ระบบชำระเงินออนไลน์ที่สะดวกและปลอดภัย การสร้างโลกเสมือนจริงเพื่อให้ลูกค้าสามารถลองสินค้าก่อนซื้อ การใช้ NFTs เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 4. พัฒนาทีมงานให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง: ธุรกิจค้าปลีกต้องพัฒนาทักษะ ของพนักงานให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยี เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง: การฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ การสอนทักษะการสื่อสารและการบริการลูกค้า 5. ลงทุนใน Metaverse: Metaverse เป็นเทรนด์ใหม่ ที่กำลังมาแรง ธุรกิจค้าปลีกที่มองการณ์ไกล ควรลงทุนใน Metaverse เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ขยายฐานลูกค้า และสร้าง competitive advantage ตัวอย่าง: การสร้างร้านค้าเสมือนจริงใน Metaverse การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายใน Metaverse การขายสินค้า NFT
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56144
Retail
กลยุทธ์ของ ECOTOPIA ในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มีอะไรบ้าง?
null
ECOTOPIA เป็นแบรนด์ที่ริเริ่มโดยสยามพิวรรธน์ เน้นจำหน่ายสินค้ารักษ์โลกและ Well-being กลยุทธ์หลักของ ECOTOPIA ในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มีดังนี้ 1. ขยายช่องทางการจำหน่าย: เปิดหน้าร้าน ECOTOPIA สาขาใหม่: - นอกเหนือจากสาขาสยามดิสคัฟเวอรี่แล้ว ECOTOPIA ควรพิจารณาขยายสาขาไปยังห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ ในเครือสยามพิวรรธน์ หรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำในต่างจังหวัด เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น เพิ่มช่องทางออนไลน์: -พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นสำหรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ตลอดจนร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: -จัดงานอีเวนต์และเวิร์คช็อปเกี่ยวกับสินค้ารักษ์โลก ดึงดูดความสนใจของลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ 2. พัฒนาสินค้าและบริการ: ขยายกลุ่มสินค้า: -เพิ่มสินค้ารักษ์โลกในหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ พัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์: -คิดค้นสินค้ารักษ์โลกที่ไม่เหมือนใคร ดึงดูดลูกค้าที่ต้องการสินค้าพิเศษ นำเสนอบริการเสริม: -เพิ่มบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสินค้ารักษ์โลก และบริการจัดส่งสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3. สร้างการรับรู้: ทำการตลาดแบบครบวงจร: -ใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของ ECOTOPIA สร้าง Influencer Marketing: -ร่วมมือกับ Influencer สายรักษ์โลก เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการของ ECOTOPIA สนับสนุนกิจกรรม CSR: -ร่วมสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมความยั่งยืน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ 4. พัฒนากลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว: เสนอสินค้าราคาพิเศษ: -เสนอส่วนลดหรือโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยว พัฒนาบริการสำหรับนักท่องเที่ยว: -เพิ่มบริการ Tax Refund และบริการรับส่งสินค้า ร่วมมือกับพันธมิตร: -ร่วมมือกับบริษัทท่องเที่ยวและโรงแรม เพื่อนำเสนอแพ็คเกจสินค้าและบริการพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว 5. พัฒนากลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ: -วิเคราะห์เทรนด์สินค้ารักษ์โลกในต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ: -ติดตามค่าเงินและอัตราเงินเฟ้อ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม กระจายความเสี่ยง: -ขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดในประเทศ ตัวอย่างเพิ่มเติม: พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับชุมชนคนรักษ์โลก: -เชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้บริโภคสินค้ารักษ์โลก จัดเวิร์คช็อปเกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน: -สอนผู้บริโภคเกี่ยวกับวิธีลดการใช้พลังงาน น้ำ และทรัพยากร สนับสนุนโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม: -ร่วมปลูกป่า เก็บขยะ และทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อคืนสมดุลให้กับธรรมชาติ โดยสรุป ECOTOPIA ควรพัฒนากลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เน้นการขยายช่องทางการจำหน่าย พัฒนาสินค้าและบริการ สร้างการรับรู้ พัฒนากลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว และพัฒนากลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง ECOTOPIA เป็นแบรนด์ที่ริเริ่มโดยสยามพิวรรธน์ เน้นจำหน่ายสินค้ารักษ์โลกและ Well-being กลยุทธ์หลักของ ECOTOPIA ในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มีดังนี้ 1. ขยายช่องทางการจำหน่าย: เปิดหน้าร้าน ECOTOPIA สาขาใหม่: -นอกเหนือจากสาขาสยามดิสคัฟเวอรี่แล้ว ECOTOPIA ควรพิจารณาขยายสาขาไปยังห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ ในเครือสยามพิวรรธน์ หรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำในต่างจังหวัด เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น เพิ่มช่องทางออนไลน์: -พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นสำหรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ตลอดจนร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: -จัดงานอีเวนต์และเวิร์คช็อปเกี่ยวกับสินค้ารักษ์โลก ดึงดูดความสนใจของลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ 2. พัฒนาสินค้าและบริการ: ขยายกลุ่มสินค้า: -เพิ่มสินค้ารักษ์โลกในหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ พัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์: -คิดค้นสินค้ารักษ์โลกที่ไม่เหมือนใคร ดึงดูดลูกค้าที่ต้องการสินค้าพิเศษ นำเสนอบริการเสริม: -เพิ่มบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสินค้ารักษ์โลก และบริการจัดส่งสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3. สร้างการรับรู้: ทำการตลาดแบบครบวงจร: -ใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของ ECOTOPIA สร้าง Influencer Marketing: -ร่วมมือกับ Influencer สายรักษ์โลก เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการของ ECOTOPIA สนับสนุนกิจกรรม CSR: -ร่วมสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมความยั่งยืน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ 4. พัฒนากลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว: เสนอสินค้าราคาพิเศษ: -เสนอส่วนลดหรือโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยว พัฒนาบริการสำหรับนักท่องเที่ยว: -เพิ่มบริการ Tax Refund และบริการรับส่งสินค้า ร่วมมือกับพันธมิตร: -ร่วมมือกับบริษัทท่องเที่ยวและโรงแรม เพื่อนำเสนอแพ็คเกจสินค้าและบริการพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว 5. พัฒนากลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ: -วิเคราะห์เทรนด์สินค้ารักษ์โลกในต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ: -ติดตามค่าเงินและอัตราเงินเฟ้อ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม กระจายความเสี่ยง: -ขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดในประเทศ ตัวอย่างเพิ่มเติม: พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับชุมชนคนรักษ์โลก: -เชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้บริโภคสินค้ารักษ์โลก จัดเวิร์คช็อปเกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน: -สอนผู้บริโภคเกี่ยวกับวิธีลดการใช้พลังงาน น้ำ และทรัพยากร สนับสนุนโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม: -ร่วมปลูกป่า เก็บขยะ และทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อคืนสมดุลให้กับธรรมชาติ โดยสรุป ECOTOPIA ควรพัฒนากลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เน้นการขยายช่องทางการจำหน่าย พัฒนาสินค้าและบริการ สร้างการรับรู้ พัฒนากลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว และพัฒนากลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56150
Retail
กลยุทธ์หลักของ Tops Vita ในการแข่งขันตลาดวิตามินและอาหารเสริมมีอะไรบ้าง?
null
กลยุทธ์หลักของ Tops Vita ในการแข่งขันตลาดวิตามินและอาหารเสริมมี 4 ประการ ดังนี้ 1. ชูกลยุทธ์ O2O ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ -Tops Vita มุ่งเน้นการเข้าถึงลูกค้าผ่านทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ -บนหน้าร้าน Tops Vita มีสาขาอยู่ภายใน Tops Market และ Central Foodhall รวมถึง Tops Care ซึ่งเป็นร้านขายยาและสินค้าสุขภาพ -บนช่องทางออนไลน์ Tops Vita มีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของตัวเอง รวมถึงร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำต่างๆ -กลยุทธ์ O2O ช่วยให้ Tops Vita เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย 2. เน้นสินค้าคุณภาพและครบวงจร -Tops Vita คัดสรรสินค้าวิตามิน อาหารเสริม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพจากแบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและเทศกว่า 1,000 SKU -สินค้าทั้งหมดผ่านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานอย่างเข้มงวด -Tops Vita มีเภสัชกรประจำร้านคอยให้คำปรึกษาและแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้า -กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัย 3. มุ่งมั่นขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ -Tops Vita วางเป้าหมายขยายสาขาเป็น 30 สาขาภายในสิ้นปี 2022, 150 สาขาในปี 2024 และ 400 สาขาในปี 2027 -สาขา Tops Vita จะมีทั้งในรูปแบบของร้าน standalone และอยู่ในร้าน Tops Market, Central Foodhall และ Tops Care -กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Tops Vita เข้าถึงลูกค้าได้ใกล้ชิดมากขึ้น และสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก 4. ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ทั้งไทยและเทศ -Tops Vita ร่วมมือกับแบรนด์วิตามิน อาหารเสริม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพชั้นนำต่างๆ ความร่วมมือนี้ช่วยให้ Tops Vita มีสินค้าที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า -Tops Vita ยังร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำต่างๆ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย -กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Tops Vita เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวาง และสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ นอกจากกลยุทธ์หลัก 4 ประการข้างต้นแล้ว Tops Vita ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ เพิ่มเติม เช่น -การนำเสนอโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ -การให้บริการจัดส่งสินค้าฟรี -การให้บริการปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ โดยสรุป Tops Vita มุ่งมั่นเป็นผู้นำตลาดวิตามิน อาหารเสริม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพในประเทศไทย คำอธิบายเพิ่มเติม -ตลาดวิตามิน อาหารเสริม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพในประเทศไทยมีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง -Tops Vita เป็นธุรกิจใหม่ของ CRC ที่มุ่งเน้นการจับตลาดนี้ -Tops Vita มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและครอบคลุม เพื่อเข้าแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56157
Retail
หุ่นยนต์ส่งของ Outdoor Delivery Robot ของเซเว่น อีเลฟเว่น จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หรือไม่?
null
มี โอกาสที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย เหตุผล: 1. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง: - หุ่นยนต์สามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้า faster - พนักงานมีเวลาให้บริการลูกค้าในหน้าร้านมากขึ้น - ช่วยให้ร้านสามารถรับออเดอร์ได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องจำนวนพนักงาน 2. ขยายฐานลูกค้า: - ลูกค้าที่ไม่สะดวกมาหน้าร้าน สามารถสั่งสินค้าผ่านแอปและรอรับสินค้าที่หน้าบ้าน - ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และทันสมัย 3. เพิ่มการรับรู้แบรนด์: - หุ่นยนต์เป็นสิ่งแปลกใหม่ ดึงดูดความสนใจ และสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย - ช่วยให้แบรนด์เซเว่น อีเลฟเว่น ดูทันสมัย innovative และ ใส่ใจลูกค้า 4. เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า: - ลูกค้าอาจสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติม เมื่อเห็นสินค้าตัวอื่น ๆ บนหุ่นยนต์ - ร้านสามารถนำเสนอโปรโมชั่นเฉพาะสำหรับลูกค้าที่สั่งผ่านหุ่นยนต์ อย่างไรก็ตาม: ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น หุ่นยนต์ไม่สามารถส่งสินค้าได้ไกล หุ่นยนต์มีราคาค่อนข้างสูง ลูกค้าบางกลุ่มอาจไม่สะดวกหรือไม่กล้าใช้หุ่นยนต์ ดังนั้น: ผลลัพธ์ที่แท้จริง ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การใช้งาน การออกแบบ และการตลาด เซเว่น อีเลฟเว่น จำเป็นต้องศึกษาพฤติกรรมลูกค้า พัฒนาเทคโนโลยี และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม สรุป: หุ่นยนต์ส่งของ Outdoor Delivery Robot ของเซเว่น อีเลฟเว่น มี โอกาส ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แต่ผลลัพธ์ที่แท้จริง ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การใช้งาน การออกแบบ และการตลาด
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_56158
Retail
อธิบายกลยุทธ์การลงทุนใน Dusit Foods ของ OR วิเคราะห์โอกาสและความท้าทายที่ OR เผชิญ
บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR ส่งบริษัทย่อย มอดูลัส เวนเจอร์ เข้าลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 25% ของ Dusit Foods บริษัทย่อยของกลุ่มดุสิตธานี เจ้าของร้านเบเกอรี่ บองชู เพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจอาหาร OR ลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี เปิดเผยว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการสร้างโอกาสเติบโตร่วมกัน โดยอาศัยจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่าย โดย OR มีความเชี่ยวชาญในส่วนของธุรกิจค้าปลีก และเป็นเจ้าของเครือข่าย Retail Platform ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) เกือบ 2,500 แห่ง และคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) อีกกว่า 4,000 สาขา ขณะที่กลุ่มดุสิตธานี เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความชำนาญในด้านธุรกิจการให้บริการชั้นนำของประเทศ และที่ผ่านมาได้เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจอาหารที่เชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก มีแนวโน้มการเติบโตสูง และครอบคลุมทุกห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งความร่วมมือกับ OR ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตของธุรกิจอาหารภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานีได้ “การที่มี OR มาถือหุ้นในดุสิต ฟู้ดส์ จะเป็นการช่วยต่อยอดขีดความสามารถการเติบโตในเชิงกลยุทธ์ และการขยายธุรกิจผ่านช่องทางเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งของ OR ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ดุสิตธานีและ OR ต่างก็เป็นแบรนด์ไทย ที่มีความตั้งใจและมีเป้าหมายร่วมกันในการจะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของธุรกิจอาหารของไทยให้มีโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ” รู้จัก Dusit Foods เบอร์ต้นตลาดจัดเลี้ยง ปัจจุบัน ดุสิต ฟู้ดส์ มีธุรกิจย่อยประกอบด้วย บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการกับโรงเรียนนานาชาติที่ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ในประเทศไทย บริษัท เดอะ เคเทอเรอร์ส จอยท์ สต็อก จำกัด (The Caterers Joint Stock) หรือ “เดอะ เคเทอเรอร์ส” (The Caterers) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดเลี้ยงสำหรับโรงเรียน และงานเลี้ยงรับรองนอกสถานที่ในประเทศเวียดนาม ร้านอาหาร KAUAI (คาวาอิ) ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารสุขภาพยอดนิยมจากประเทศแอฟริกาใต้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและมีแผนจะขยายตลาดเพิ่มในเอเชีย บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR) และโรงงานผลิตเบเกอรี่ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ดีและทันสมัยที่สุดที่นำเข้าจากประเทศชั้นนำในยุโรป ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยปัจจุบัน ร้านแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่บองชู มีสาขาในประเทศไทยกว่า 50 แห่ง รวมถึงในประเทศจีนอีก 1 แห่ง บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการกับโรงเรียนนานาชาติที่ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ในประเทศไทย บริษัท เดอะ เคเทอเรอร์ส จอยท์ สต็อก จำกัด (The Caterers Joint Stock) หรือ “เดอะ เคเทอเรอร์ส” (The Caterers) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดเลี้ยงสำหรับโรงเรียน และงานเลี้ยงรับรองนอกสถานที่ในประเทศเวียดนาม ร้านอาหาร KAUAI (คาวาอิ) ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารสุขภาพยอดนิยมจากประเทศแอฟริกาใต้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและมีแผนจะขยายตลาดเพิ่มในเอเชีย บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR) และโรงงานผลิตเบเกอรี่ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ดีและทันสมัยที่สุดที่นำเข้าจากประเทศชั้นนำในยุโรป ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยปัจจุบัน ร้านแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่บองชู มีสาขาในประเทศไทยกว่า 50 แห่ง รวมถึงในประเทศจีนอีก 1 แห่ง ติดเครื่องกลยุทธ์ลงทุนธุรกิจไทยไปสากล จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR เปิดเผยว่า OR เดินหน้าตามวิสัยทัศน์ใหม่ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” ที่มุ่งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตร โดยมุ่งเน้นประสานความร่วมมือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจและเพื่อร่วมเติมเต็มศักยภาพ เดินหน้าสู่การเติบโตและก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกันอย่างยั่งยืน (Inclusive Growth) การร่วมกับกลุ่มดุสิตธานี ลงทุนใน บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารที่หลากหลายและมีศักยภาพในการเติบโตในครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร ทั้งที่เป็นธุรกิจที่ OR ดำเนินการเองและธุรกิจของพันธมิตรที่ OR เข้าไปร่วมลงทุน ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันกับผู้ประกอบการแบรนด์ไทยเพื่อการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related เกมใหม่กลุ่ม Dusit กับการรุกธุรกิจอาหาร ผ่านสินค้าสำเร็จพร้อมปรุง วางเป้าพันล้านใน 3 ปี In "News" เครือดุสิตธานีเดินหน้าเปิดโรงแรมในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เปิดฉากด้วยโรงแรมหรู 2 แห่งในเกียวโต ราคากว่า 25,000 บาทต่อคืน In "Article" “กลุ่มดุสิตธานี” เปิดโรงแรมแห่งแรกที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ภายในเดือนก.ย. 2566 In "News"
กลยุทธ์การลงทุน: - OR ลงทุน 25% ใน Dusit Foods: บริษัท Dusit Foods บริษัทย่อยของกลุ่มดุสิตธานี เจ้าของร้านเบเกอรี่บองชู - เสริมพลังธุรกิจอาหารของ OR: OR มุ่งขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร ผ่านเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่ง - สร้างโอกาสเติบโต: เน้นการเติบโตในประเทศไทยและต่างประเทศ โอกาส: - ตลาดอาหารมีขนาดใหญ่: ตลาดอาหารในประเทศไทยและต่างประเทศมีขนาดใหญ่ เติบโตอย่างต่อเนื่อง - Dusit Foods มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: Dusit Foods มีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก เช่น บองชู - เครือข่ายค้าปลีกของ OR: OR มีเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station และคาเฟ่ Amazon ทั่วประเทศ - การสนับสนุนจาก OR: OR มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน การตลาด และบริหารจัดการ ความท้าทาย: - การแข่งขันสูง: ธุรกิจอาหารมีความแข่งขันสูง มีทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและต่างชาติ - การรักษามาตรฐาน: รักษามาตรฐานและคุณภาพของสินค้าและบริการ - การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ: ขยายธุรกิจไปต่างประเทศต้องเผชิญกับกฎระเบียบและข้อจำกัด - การเปลี่ยนแปลงของรสนิยมผู้บริโภค: ปรับตัวให้เข้ากับรสนิยมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สรุป: การลงทุนใน Dusit Foods ของ OR เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ช่วยให้ OR เสริมพลังธุรกิจอาหาร มุ่งสู่ความยั่งยืน OR มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงจากตลาดอาหารที่มีขนาดใหญ่ แต่ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น การแข่งขันสูง การรักษามาตรฐาน และการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ OR ต้องพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ปรับตัวให้เข้ากับรสนิยมผู้บริโภค และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56165
Retail
การเข้าซื้อกิจการ Clif Bar & Company ของ Mondelez จะช่วยเพิ่มยอดขายของ Mondelez ในประเทศไทยหรือไม่?
null
มีโอกาสที่จะเพิ่มยอดขาย เหตุผล คือ 1. ตลาด Energy Bar ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโต - ผู้บริโภคไทยมีความใส่ใจสุขภาพมากขึ้น - Energy Bar เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการพลังงานระหว่างวัน - ตลาด Energy Bar ในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี 2. Clif Bar เป็นแบรนด์ Energy Bar ที่ได้รับความนิยม - Clif Bar เป็นแบรนด์ Energy Bar อันดับต้นๆ ในสหรัฐอเมริกา - Clif Bar มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค - Clif Bar มีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. Mondelez มีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง - Mondelez มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย - Mondelez มีความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้าปลีก 4. Mondelez มีประสบการณ์ในการทำตลาดสินค้าในประเทศไทย - Mondelez เป็นเจ้าของแบรนด์ขนมขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เช่น Oreo, Cadbury และ Toblerone - Mondelez มีทีมการตลาดที่มีประสบการณ์ การวิเคราะห์เพิ่มเติม: - Mondelez จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมกับตลาดไทย - Mondelez จำเป็นต้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ Clif Bar ในประเทศไทย - Mondelez จำเป็นต้องแข่งขันกับแบรนด์ Energy Bar อื่นๆ ในตลาด สรุป: การเข้าซื้อกิจการ Clif Bar & Company ของ Mondelez มีโอกาสที่จะเพิ่มยอดขายของ Mondelez ในประเทศไทย Mondelez จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาด สร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ และแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาด
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_56173
Retail
อะไรคือกลยุทธ์ที่ร้านกาแฟทั่วไปควรนำมาใช้เพื่อรับมือกับการขยายธุรกิจคาเฟ่ของปั๊มน้ำมัน?
null
จากบทความ "ร้านกาแฟต้องสะเทือน เมื่อปั๊มน้ำมันหันมามุ่งขยายธุรกิจคาเฟ่มากขึ้น" ปั๊มน้ำมันหลายแห่ง เช่น เชลล์ เริ่มเปิดคาเฟ่ภายในปั๊มเพื่อเพิ่มรายได้และตอบสนองความต้องการของลูกค้า กลยุทธ์สำคัญ 5 ประการ ที่ร้านกาแฟทั่วไปควรนำมาใช้เพื่อรับมือกับการขยายธุรกิจคาเฟ่ของปั๊มน้ำมัน มีดังนี้ 1. เน้นจุดเด่นที่แตกต่าง -พัฒนาเมนูเฉพาะของร้าน -เน้นบรรยากาศและการตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร -นำเสนอบริการพิเศษ เช่น Wi-Fi ฟรี ห้องประชุม พื้นที่สำหรับเด็กเล่น -เน้นสินค้าที่มีคุณภาพ -พัฒนาระบบการบริการที่รวดเร็วและสะดวก 2. ขยายช่องทางจำหน่าย -พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับสั่งซื้อและจัดส่งสินค้า -นำเสนอบริการ Delivery -ขยายสาขาไปยังสถานที่ที่มีศักยภาพ 3. มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดี -พนักงานควรให้บริการด้วยความร่าเริงและเป็นมิตร -ใส่ใจรายละเอียดและความต้องการของลูกค้า -จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นต่างๆ -สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า 4. พัฒนาธุรกิจออนไลน์ -เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย -พัฒนาระบบการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าออนไลน์ -นำเสนอโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าออนไลน์ 5. ติดตามเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ๆ -ศึกษาเทรนด์ของตลาดกาแฟ -พัฒนารูปแบบธุรกิจให้ทันสมัย -ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากกลยุทธ์ 5 ประการข้างต้นแล้ว ร้านกาแฟทั่วไปยังต้อง -ควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุม -บริหารจัดการสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ -วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง -ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด -การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้ จะช่วยให้ร้านกาแฟทั่วไปสามารถรับมือกับการขยายธุรกิจคาเฟ่ของปั๊มน้ำมันและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ ตัวอย่างเพิ่มเติม -ร้านกาแฟขนาดเล็กอาจจับมือกันเพื่อจัดโปรโมชันร่วมกัน -ร้านกาแฟอาจปรับพื้นที่ให้เช่าเพื่อรองรับธุรกิจใหม่ ๆ -ร้านกาแฟอาจพัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสรุป กลยุทธ์ที่ร้านกาแฟทั่วไปควรนำมาใช้เพื่อรับมือกับการขยายธุรกิจคาเฟ่ของปั๊มน้ำมัน จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้า
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56182
Retail
จากบทความภาพยนตร์ House of Gucci อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจครอบครัว Gucci ล่มสลาย
a. การขาดการวางแผนและกติกาที่ชัดเจน b. การขาดความรู้สึกร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว c. การแข่งขันจากแบรนด์แฟชั่นอื่น ๆ d. การขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วเกินไป
คำตอบได้แก่ a. เนื่องจาก จากบทความ ภาพยนตร์ House of Gucci เผยให้เห็นถึงความผิดพลาดที่ครอบครัว Gucci ทำในการบริหารธุรกิจครอบครัว ดังนี้ การขาดการวางแผน: ครอบครัว Gucci บริหารธุรกิจแบบปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยไม่มีการวางแผนการส่งต่ออำนาจ บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของสมาชิกครอบครัวอย่างชัดเจน การขาดกติกา: ครอบครัว Gucci ไม่ได้กำหนดกติกาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการถือหุ้น การบริหารงาน ตัดสินใจ และการแบ่งปันผลกำไร สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างสมาชิกครอบครัว ตัวอย่าง: - ทายาทรุ่นที่ 3 เปิด Boutique ของตัวเองมาแข่งกับ Boutique ของกงสี - ทายาทรุ่นที่ 3 เล่นงานผู้เป็นลุงให้ต้องติดคุกด้วยข้อหาเลี่ยงภาษี - ทายาทรุ่นที่ 3 บริหารธุรกิจไม่เก่ง ทำให้ต้องขายหุ้นให้กับนักลงทุนภายนอก ผลลัพธ์: - ครอบครัว Gucci เกิดความขัดแย้ง แตกแยก และสูญเสียอำนาจในการควบคุมธุรกิจ - ธุรกิจ Gucci ประสบปัญหาการเงิน และถูกนักลงทุนภายนอกเข้าซื้อกิจการ สรุป: - การขาดการวางแผนและกติกาที่ชัดเจน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจครอบครัว Gucci ล่มสลาย บทเรียนนี้สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของการวางแผนและกำหนดกติกาที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจครอบครัว เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้ง และรักษาความยั่งยืนของธุรกิจ - การขาดความรู้สึกร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว นั้น แม้จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ภายในครอบครัว แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจล่มสลาย - การขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วเกินไป นั้น ไม่ได้เป็นปัญหาหลักของ Gucci แต่เป็นการขาดการบริหารจัดการที่ดี - การแข่งขันจากแบรนด์แฟชั่นอื่น ๆ นั้น แม้จะเป็นปัจจัยที่ท้าทาย แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ Gucci ล้มสลาย
null
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Retail_56190
Retail
จงสรุปบทความเรื่อง เซ็นทรัล ประกาศซื้อห้าง Selfridges ของอังกฤษ ให้หน่อย
เซ็นทรัล และ ซิกน่า เข้าซื้อกิจการกลุ่ม Selfridges หรือ เซลฟริดเจส ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าในประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ รวม 18 แห่ง อสังหาริมทรัพย์ 7 แห่ง และดิจิทัลแพลตฟอร์มทั้งหมด กลุ่มเซ็นทรัล ต่อยอดแผน Omni-Channel รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมมือกับ ซิกน่า หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจห้างสรรพสินค้า และอสังหาริมทรัพย์ ของยุโรป ลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อเข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส จากตระกูลเวสตัน ซึ่งประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้ารวมทั้งหมด 18 แห่ง อาทิ ห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส บนถนนออกซ์ฟอร์ด ในกรุงลอนดอน, แมนเชสเตอร์ และเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ, ห้างสรรพสินค้าดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ประเทศ เนเธอร์แลนด์, ห้างสรรพสินค้า บราวน์ โทมัส (Brown Thomas) และ อาร์นอตส์ (Arnotts) ประเทศไอร์แลนด์ ขณะเดียวกันการร่วมทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนทั้งในธุรกิจห้างสรรพสินค้า อสังหาริมทรัพย์ และกิจการด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งหมด โดยกลุ่มเซลฟริดเจส จะเข้ามาเสริมทัพห้างสรรพสินค้าหรูในประเทศท่องเที่ยวชั้นนำ ที่กลุ่มเซ็นทรัล และซิกน่าดำเนินธุรกิจอยู่ หลังจากการรวมธุรกิจใหม่นี้ จะทำให้กลุ่มบริษัทมียอดขายรวมทั้งหมด 5 พันล้านยูโร ในปี 2019 และ คาดว่าจะเติบโตถึง 7 พันล้านยูโรในปี 2024 จาก 8 ประเทศ และ 35 เมืองสำคัญในยุโรป เช่น อาทิ รีนาเชนเต ประเทศอิตาลี, อิลลุม ประเทศเดนมาร์ก, โกลบุส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และกลุ่มคาเดเว ประเทศเยอรมนี เป็นต้น การลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจสครั้งนี้ จะเป็นการร่วมทุน 50/50 ระหว่าง กลุ่มเซ็นทรัล กับ ซิกน่า โดยในส่วนของกลุ่มเซ็นทรัลนั้น บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) มีสิทธิพิจารณาเข้าลงทุน ในส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้า ที่ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ การเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจสในครั้งนี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และเมื่อทุกฝ่ายได้บรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดย กลุ่มเซลฟริดเจส เป้นกิจการที่ 2 ที่ กลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้อกิจการในช่วงวิกฤต COVID-19 อ้างอิง // เซ็นทรัล อ่านข่าวเกี่ยวกับเซ็นทรัล และค้าปลีกเพิ่มเติมได้ที่นี่ ยังไปได้อีก! เซ็นทรัล เตรียมทุ่มเงิน 1.8 แสนล้านบาท ซื้อห้างอังกฤษหรู Selfridges ห้างเซ็นทรัล ชวนช้อปสนุกทวีคูณที่ห้างแห่งความสุข กับ Central Let’s Celebrate Blast ปิดห้างไม่ใช่ปัญหา ร้านอาหารเครือ Central เช่าครัวโรงแรมในเครือ ทำ Cloud Kitchen ยังไปได้อีก! เซ็นทรัล เตรียมทุ่มเงิน 1.8 แสนล้านบาท ซื้อห้างอังกฤษหรู Selfridges ห้างเซ็นทรัล ชวนช้อปสนุกทวีคูณที่ห้างแห่งความสุข กับ Central Let’s Celebrate Blast ปิดห้างไม่ใช่ปัญหา ร้านอาหารเครือ Central เช่าครัวโรงแรมในเครือ ทำ Cloud Kitchen ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related กลุ่มเซ็นทรัล ผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ใน 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขากับเป้ายอดขาย 2.6 แสนล้านบาท In "News" อัศจรรย์เฟสทีฟแห่งความสุขที่ห้างหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล In "PR News" ห้างกลุ่มคาเดเว ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล คว้ารางวัลเกียรติยศสูงสุดในวงการค้าปลีก จาก IGDS สมาคมห้างสรรพสินค้าระดับโลก In "PR News"
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมมือกับ ซิกน่าผู้นำด้านธุรกิจห้างสรรพสินค้า และอสังหาริมทรัพย์ ของยุโรป เข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส ที่มีห้างสรรพสินค้า 18 แห่ง การร่วมทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนทั้งในธุรกิจห้างสรรพสินค้า อสังหาริมทรัพย์ และกิจการด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยกลุ่มเซลฟริดเจส จะเข้ามาเสริมทัพห้างสรรพสินค้าหรูในประเทศท่องเที่ยวชั้นนำ ที่กลุ่มเซ็นทรัล และซิกน่าดำเนินธุรกิจอยู่ หลังรวมธุรกิจ ทำให้กลุ่มบริษัทมียอดขายรวมทั้งหมด 5 พันล้านยูโร ในปี 2019 และ คาดว่าจะเติบโตถึง 7 พันล้านยูโรในปี 2024 การลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจสครั้งนี้เป็นการร่วมทุน 50/50 ระหว่าง กลุ่มเซ็นทรัล กับ ซิกน่า โดยในส่วนของกลุ่มเซ็นทรัลนั้น บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) มีสิทธิพิจารณาเข้าลงทุน ในส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้า ที่ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าการเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจสจะเสร็จสิ้นภายหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และเมื่อทุกฝ่ายได้บรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดย กลุ่มเซลฟริดเจส เป้นกิจการที่ 2 ที่ กลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้อกิจการในช่วงวิกฤต COVID-19
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56192
Retail
จากกลยุทธ์ที่ Mass Marketing ใช้ในการทำตลาด ธุรกิจค้าปลีก (Retail) อื่น ๆ ควรเรียนรู้อะไรบ้าง และควรปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
null
กลยุทธ์ที่ Mass Marketing ใช้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง และธุรกิจค้าปลีก (Retail) อื่น ๆ ควรเรียนรู้อะไรบ้าง 1. เน้นการเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม: - Mass Marketing เลือกใช้สื่อโทรทัศน์ ควบคู่ไปกับสื่อออนไลน์ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม - ธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ควรเลือกใช้สื่อที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย - ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อเลือกช่องทางการเข้าถึงที่ตรงใจ 2. สร้างการจดจำด้วยสินค้าที่มีเอกลักษณ์: - Mass Marketing เลือกทำตลาดสินค้าที่มีเอกลักษณ์ เช่น ยาสีฟันเทพไทย ที่มีสโลแกน “ใช้นิดเดียว” - ธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ควรพัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร - เน้นสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค 3. ทุ่มเงินโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ: - Mass Marketing ใช้งบโฆษณาอย่างมหาศาล แต่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้อย่างคุ้มค่า - ธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ควรวางแผนการใช้จ่ายงบโฆษณาอย่างรอบคอบ - วิเคราะห์ผลลัพธ์ และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม 4. ร่วมมือกับคู่ค้าที่แข็งแกร่ง: - Mass Marketing ร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และขยายฐานลูกค้า - ธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ควรหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด - ร่วมมือกับแบรนด์อื่น เพื่อพัฒนาสินค้า หรือบริการใหม่ ๆ 5. มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน: - Mass Marketing มุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริหารจัดการ และเทคโนโลยี - ธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ควรพัฒนาระบบต่าง ๆ ภายในองค์กร - มุ่งเน้นการบริการลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ไปใช้: - ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก สามารถใช้สื่อออนไลน์ เช่น Facebook หรือ Instagram ในการเข้าถึงลูกค้า - ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ควรพัฒนาแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่าย และสะดวก - ห้างสรรพสินค้า สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้า ข้อแนะนำเพิ่มเติม: - ธุรกิจค้าปลีกควรติดตาม และศึกษาเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ - พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ และทักษะที่จำเป็น - นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - มองหาโอกาสในการสร้าง partnerships กับธุรกิจอื่น สรุป: ธุรกิจค้าปลีก ควรเรียนรู้จากกลยุทธ์ของ Mass Marketing และปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง มุ่งเน้นการเข้าถึงผู้บริโภค สร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์ ทุ่มเงินโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมมือกับคู่ค้าที่แข็งแกร่ง และมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56200
Retail
ฟีเจอร์ "มณี โซเชียลคอมเมิร์ซ" ของ SCB จะช่วยยกระดับธุรกิจค้าขายออนไลน์ของผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างไร?
null
ฟีเจอร์ "มณี โซเชียลคอมเมิร์ซ" ของ SCB สามารถช่วยยกระดับธุรกิจค้าขายออนไลน์ของผู้ประกอบการรายย่อยได้หลายแง่มุม ดังนี้: 1. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการร้านค้า: -ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการร้านค้าบนโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ช่วยให้ประหยัดเวลาและสามารถตอบแชทลูกค้าได้รวดเร็ว -ระบบจัดการสต็อกสินค้า: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการสต็อกสินค้าจากหลายแพลตฟอร์มได้ในที่เดียว ช่วยลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกหรือสินค้าเกินสต็อก -ระบบเชื่อมต่อกับบริษัทขนส่ง: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเชื่อมต่อกับบริษัทขนส่งชั้นนำต่างๆ ได้อย่างสะดวก ช่วยให้จัดส่งสินค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 2. เพิ่มช่องทางการชำระเงิน: -ระบบบิลแม่มณี: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรองรับการชำระเงินแบบครบวงจร ทั้ง QR Code, บัตรเครดิต, บัตรเดบิต และระบบผ่อนจ่าย ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินได้สะดวก -ระบบสะสมแต้ม: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมอบคะแนนสะสมให้กับลูกค้าเพื่อนำไปแลกของรางวัลหรือส่วนลดต่างๆ ช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าอีก 3. พัฒนาทักษะและความรู้: -คอร์สเรียนออนไลน์: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงคอร์สเรียนออนไลน์เกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์จากกูรูผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้พัฒนาทักษะและความรู้ในการขายสินค้าออนไลน์ 4. สนับสนุนสินเชื่อดิจิทัล: -สินเชื่อดิจิทัล: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติ์สามารถเข้าถึงสินเชื่อดิจิทัลจาก SCB โดยไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม ช่วยให้ผู้ประกอบการมีทุนในการขยายธุรกิจ โดยสรุป ฟีเจอร์ "มณี โซเชียลคอมเมิร์ซ" ของ SCB นั้น ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถจัดการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มช่องทางการชำระเงิน พัฒนาทักษะและความรู้ และเข้าถึงสินเชื่อดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนช่วยยกระดับธุรกิจค้าขายออนไลน์ของผู้ประกอบการรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56202
Retail
รายชื่อบริษัทและกลุ่มธุรกิจที่ร่วมสนับสนุนและลงทุนผ่าน SeaX ได้แก่ใครบ้าง
สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนอาจได้เห็นข่าว SeaX Ventures กองทุนสตาร์ตอัพสัญชาติไทยในเครือ Rise ที่ประกาศเงินลงทุนก้อนใหม่ ทำให้ขนาดกองทุนเพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท พร้อมรายชื่อผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำในไทยหลายแห่งที่เข้ามาร่วมลงทุนด้วย Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ Managing Partner ของกองทุน SeaX Ventures และซีอีโอของ RISE ถึงที่มาที่ไปและเป้าหมายของ SeaX รวมถึงบทบาทที่แตกต่างกับ RISE แต่ยังมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน นายแพทย์ศุภชัย ระบุว่าเป้าหมายสูงสุดของเขาคือการผลักดันให้เกิด GDP ของประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1% ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาของ RISE นิยามตัวเองว่าเป็น “สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร” ถือเป็นการสร้างการเติบโตจากภายในประเทศเป็นหลัก เป็นการสร้างคน พัฒนาคนสำหรับกิจการยุคใหม่ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยผลักดัน ส่วน SeaX นั้นเป็นส่วนที่เน้นการเติบโตจากภายนอกประเทศ เพราะออกไปลงทุนในสตาร์ตอัพทั่วโลก เพื่อมองหาโซลูชันใหม่ๆ มาช่วยยกระดับบริษัทและองค์กรในไทย ตัวของ SeaX Ventures เป็นกองทุนสัญชาติไทยที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องในสหรัฐอเมริกา เป้าหมายของ SeaX ต่างจากกองทุน venture capital ทั่วไปที่เน้นผลตอบแทนทางการเงิน (financial return) เป็นหลัก เพราะยังต้องตอบโจทย์เรื่องการช่วยเพิ่ม 1% ของ GDP ไทยให้ได้ ธีมการลงทุนจึงเน้นที่ผลตอบแทนเชิงกลยุทธ์ (strategic return) ด้วย ลงทุนในสตาร์ตอัพที่บริษัทใหญ่ๆ ของไทยสามารถนำโซลูชันไปใช้งานต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดรายจ่าย ลดต้นทุน หรือการเพิ่มรายได้ สร้างธุรกิจใหม่ นายแพทย์ศุภชัย ระบุว่าต้องขอบคุณผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต่างๆ ที่เชื่อมั่นใน SeaX และเข้ามาร่วมลงทุน มุมมองของเขาคือหาก SeaX ลงทุนในสตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์น เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ทำผลตอบแทนได้ 10 เท่าย่อมเป็นเรื่องดี แต่ด้วยธีมการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ไม่ต้องรอสถานะเป็นยูนิคอร์นก็ได้ หากนำโซลูชันของสตาร์ตอัพเหล่านี้มาลดต้นทุนของบริษัทใหญ่ๆ ในไทยที่มีมูลค่าระดับหมื่นหรือแสนล้านบาทได้สัก 5% ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว ที่ผ่านมา SeaX เน้นลงทุนในสตาร์ตอัพฝั่งอเมริกาเป็นหลัก โดย 70% ของ portfolio เป็นบริษัทสหรัฐ แต่ในกองที่สองจะเริ่มหันมาลงทุนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุนได้แก่ด้านไบโอเทคอย่าง Nirvamed, Epinoma, Qvin บริษัทด้านเทคโนโลยีอาหาร Revel และบริษัทด้านบล็อคเชน Band Protocol, Solana, Alex นายแพทย์ศุภชัย ยกตัวอย่างการลงทุนในบริษัทด้าน AI ของประเทศจีนชื่อ AIFI ที่สร้างร้านค้าไร้มนุษย์ (autonomous retail store) เพื่อแข่งกับร้าน Amazon Go โดยบอกว่ามีวิธีหารายได้ที่ต่างจากสตาร์ตอัพทั่วไป เนื่องจากการลงทุนร้านค้าไร้มนุษย์แบบ Amazon Go ต้องมีต้นทุนค่าฮาร์ดแวร์ที่สูงมาก บริษัทค้าปลีกไม่น่าอยากลงทุนจ่ายเงินมากๆ ตั้งแต่แรก แต่วิธีคิดของ AIFI คือมองว่านำมาช่วยลดต้นทุนพนักงานเฝ้าร้าน ที่อาจอยู่ราว 5% ของต้นทุนร้านค่าปลีก หากเปลี่ยนเป็นร้านไร้มนุษย์แทน ต้นทุนของโซลูชันไอทีอาจอยู่เพียง 2-3% ของต้นทุนทั้งหมด ก็ทำให้บริษัทค้าปลีกประหยัดต้นทุนไปได้มากแทน นายแพทย์ศุภชัย ยังบอกว่า SeaX ยังช่วยเสริมเรื่องการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มักมี corporate venture capital (CVC) ของตัวเองอยู่แล้ว แต่ข้อจำกัดของ CVC คือมักเป็นที่สนใจของสตาร์ตอัพในอุตสาหกรรมเดียวกันเท่านั้น อาจเข้าไม่ถึงสตาร์ตอัพสายอื่นๆ ที่น่าสนใจและอาจช่วยสนับสนุนธุรกิจได้ การที่ SeaX เป็นกองทุนไม่สังกัดบริษัทใหญ่จึงมีอิสระมากกว่า และอาจร่วมลงทุนกับ CVC ไปทั้งคู่ก็ได้เช่นกัน รายชื่อบริษัทและกลุ่มธุรกิจที่ร่วมสนับสนุนและลงทุนผ่าน SeaX ได้แก่ นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นายชาย ศรีวิกรม์ กรรมการ Gaysorn Group นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการบริหารบริษัท ดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน) นายนาถ ลิ่วเจริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CDG GROUP นายวิบูลย์ ตวงสิทธิสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์ นายเรืองชาย สุพรรณพงศ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการองค์กร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นายชาย ศรีวิกรม์ กรรมการ Gaysorn Group นายชาย ศรีวิกรม์ กรรมการ Gaysorn Group นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการบริหารบริษัท ดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน) นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการบริหารบริษัท ดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน) นายนาถ ลิ่วเจริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CDG GROUP นายนาถ ลิ่วเจริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CDG GROUP นายวิบูลย์ ตวงสิทธิสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์ นายวิบูลย์ ตวงสิทธิสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์ นายเรืองชาย สุพรรณพงศ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการองค์กร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด นายเรืองชาย สุพรรณพงศ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการองค์กร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) นักลงทุนสถาบันจากองค์กรชั้นนำ อาทิ เช่น นักลงทุนสถาบันจากองค์กรชั้นนำ อาทิ เช่น กองทุน สิงห์ เวนเจอร์ส บริษัท วัชรพล จำกัด (ไทยรัฐ) บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด ในกลุ่มบริษัทเบญจจินดา กองทุน สิงห์ เวนเจอร์ส กองทุน สิงห์ เวนเจอร์ส บริษัท วัชรพล จำกัด (ไทยรัฐ) บริษัท วัชรพล จำกัด (ไทยรัฐ) บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด ในกลุ่มบริษัทเบญจจินดา บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด ในกลุ่มบริษัทเบญจจินดา ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related คุยเรื่อง Krungsri RISE กับ ศุภชัย ปาจริยานนท์ Corporate FinTech Accelerater แห่งแรกในไทย In "Featured" สัมภาษณ์ SCG AddVentures ภารกิจสำคัญ นำนวัตกรรมโลกมาสู่เครือ SCG In "Article" 500 TukTuks ดึงกลุ่มธุรกิจใหญ่ร่วมกองทุนที่สอง (Fund II) ตั้งเป้า 150 บริษัท ไม่จำกัดเฉพาะบริษัทไทย In "Article"
รายชื่อบริษัทและกลุ่มธุรกิจที่ร่วมสนับสนุนและลงทุนผ่าน SeaX ได้แก่ 1. นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 2. นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 3. นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 4. นายชาย ศรีวิกรม์ กรรมการ Gaysorn Group 5. นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด 6. นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการบริหารบริษัท ดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน) 7. นายนาถ ลิ่วเจริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CDG GROUP 8. นายวิบูลย์ ตวงสิทธิสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์ 9. นายเรืองชาย สุพรรณพงศ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการองค์กร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด 10. นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) 11. นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน)
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56218
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....บางครั้งการตัดสินใจที่ยากลำบาก อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีงาม รอยยิ้มของเด็กหญิง เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ช่วยให้มาลีค้นพบความสำคัญที่แท้จริง และนำทางเธอไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง
null
แสงสว่างจากปลายอุโมงค์ ณ ห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร บรรยากาศคึกคักคักคายไปด้วยผู้คน พนักงานขายในชุดสูทสีดำสนิท ยืนประจำเคาน์เตอร์ ยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าอย่างมืออาชีพ ท่ามกลางบรรยากาศอันวุ่นวาย หญิงสาวนามว่า "มาลี" พนักงานขายแผนกเครื่องสำอาง กำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก มาลีเป็นพนักงานที่มีผลงานดีเยี่ยม ยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นที่รักของลูกค้าเสมอ แต่เธอก็เป็นหนึ่งในพนักงานเพียงไม่กี่คนที่ยังลังเลที่จะรับวัคซีนโควิด-19 ด้วยความกังวลเรื่องผลข้างเคียง ทางบริษัทได้ประกาศนโยบายใหม่ ให้พนักงานทุกคนต้องฉีดวัคซีนภายใน 3 เดือน มิฉะนั้นจะต้องลาพักร้อนโดยไม่มีกำหนด มาลีกังวลว่าหากเธอลาพักร้อน เธอจะสูญเสียรายได้หลัก และอาจถูกมองในแง่ลบจากเพื่อนร่วมงาน ในขณะที่ความคิดวนเวียนอยู่ในหัว มาลีก็เหลือบไปเห็นเด็กหญิงตัวน้อย กำลังยืนมองลิปสติกสีสันสดใสด้วยความสนใจ เด็กหญิงคนนั้นมีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ เปี่ยมไปด้วยความหวัง มาลีรู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่น รอยยิ้มของเด็กหญิงทำให้เธอฉุกคิดว่า อะไรสำคัญกว่ากันระหว่างความกังวลส่วนตัว กับความปลอดภัยของลูกค้า และเพื่อนร่วมงาน มาลีตัดสินใจ เดินไปหาเด็กหญิง แนะนำลิปสติกที่เหมาะกับวัย และพูดคุยอย่างใจดี เด็กหญิงยิ้มร่าอย่างมีความสุข รอยยิ้มนั้นทำให้มาลีมั่นใจใน decision ของเธอ วันต่อมา มาลีไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดวัคซีน เธอยังคงมีความกังวลอยู่บ้าง แต่เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้ตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้อง หลังจากฉีดวัคซีน มาลีกลับมาทำงานด้วยความมั่นใจ รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้น และเธอรู้สึกมีพลังมากขึ้น เธอยังคงทุ่มเทให้กับงาน ยิ้มแย้มแจ่มใส และให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด มาลีกลายเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนร่วมงาน หลายคนที่ลังเลเรื่องวัคซีน เริ่มเห็นความสำคัญ และตัดสินใจฉีดวัคซีน
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_56219
Retail
ช่วยสรุปบทความ การค้าจีน-สหรัฐ 2021 โตต่อ แม้ความสัมพันธ์ย่ำแย่ มีกำแพงการค้า โควิดบั่นทอนเศรษฐกิจ
ตัวเลขการค้าเติบโตสวนทางความสัมพันธ์ขัดแย้ง การค้าระหว่างจีนและสหรัฐเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เริ่มต้นขึ้น สวนทางกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐที่นับวันยิ่งตึงเครียด มีการกระทบกระทั่งกันตั้งแต่การแบนสินค้าจากซินเจียง การระบุว่าการลงทุนในฮ่องกงเป็นความเสี่ยง ไปจนถึงออกกฎหมายคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีจีนในตลาดสหรัฐ นี่ยังไม่ได้พูดถึงความตึงเครียดที่สะสมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2018 ในสมัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังอยู่ในอำนาจ ข้อมูลจากสำนักงานการศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ระบุชัดว่า การค้าระหว่างกันดีดตัวขึ้นเรื่อยๆ จนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 6.65 หมื่นล้านดอลลาร์ (21.84 ล้านล้านบาท) ในเดือนพฤศจิกายน 2020 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่การค้าระหว่างสองประเทศร่วงลงเหลือแค่ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ (6.24 ล้านล้านบาท) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เพราะโรงงานในจีนต้องปิดทำการเนื่องจากโควิดระบาดหนัก และหากเทียบกันไตรมาสต่อไตรมาส การนำเข้า-ส่งออกระหว่างจีนกับสหรัฐก็เพิ่มขึ้น ไตรมาส 1 ปี 2021 มูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐของจีน อยู่ที่ 5.48 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มจากไตรมาส 1 ปี 2020 ที่มีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐของจีนอยู่ที่ 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์ ไตรมาส 1 ปี 2021 มูลค่าการส่งออกสู่สหรัฐของจีน อยู่ที่ 1.19 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มจากไตรมาส 1 ปี 2020 ที่มีมูลค่าการส่งออกสู่สหรัฐของจีนอยู่ที่ 6.82 หมื่นล้านดอลลาร์ ไตรมาส 2 ปี 2021 มูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐของจีน อยู่ที่ 4.14 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มจากไตรมาส 2 ปี 2020 ที่มีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐของจีนอยู่ที่ 2.89 หมื่นล้านดอลลาร์ ไตรมาส 2 ปี 2021 มูลค่าการส่งออกสู่สหรัฐของจีน อยู่ที่ 1.24 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มจากไตรมาส 2 ปี 2020 ที่มีมูลค่าการส่งออกสู่สหรัฐของจีนอยู่ที่ 1.09 แสนล้านดอลลาร์ ทิศทางการค้าในไตรมาส 3 ปี 2021 ของจีนและสหรัฐจึงมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน สหรัฐฟื้นตัวดี-มีนโยบายกระตุ้น ให้การค้ากับจีนในครึ่งปีหลังยังโตต่อไป ชัดเจนว่ากำแพงภาษีและนโยบายกีดกันทางการค้าที่เกิดขึ้นทั้งในสมัยของไบเดนและในสมัยของทรัมป์ไม่สามารถลดการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐผ่านการลดการนำเข้าสินค้าจีนได้สำเร็จ ในทางกลับกันการค้าการลงทุนกลับขยายตัวเพราะผู้ซื้อจากทั้งสองฝั่งยินดีที่จะรับภาระทางภาษี Jonathan Gold รองประธานฝ่ายซัพพลายเชนและนโยบายศุลกากรของ National Retail Federation ระบุ ผู้ซื้อฝั่งสหรัฐยินดีซื้อสินค้าจีนเพราะสินค้าบางประเภทไม่สามารถหาจากที่อื่นได้ ที่สำคัญนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ (62.4 ล้านล้านบาท) ยังเป็นตัวเร่งให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอยสินค้าเพิ่มขึ้น
ตัวเลขการค้าเติบโตสวนทางความสัมพันธ์ขัดแย้ง การค้าระหว่างจีนและสหรัฐเพิ่มขึ้นตั้งแต่โควิด-19 แต่ความสัมพันธ์ตึงเครียด มีผลตั้งแต่การแบนสินค้าจีน ถึงการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีจีนในสหรัฐ ตัวเลขการค้าก็แสดงถึงผลกระทบที่รุนแรง โดยมีการดีดตัวขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดในพ.ย. 2020 ที่ 6.65 ล้านล้านดอลลาร์ แม้การค้าระหว่างสองประเทศจะลดลงในก.พ. 2020 เนื่องจากโควิด-19 ทำให้โรงงานจีนต้องปิด แต่การตั้งตัวระหว่างสหรัฐและจีนเป็นที่สะสมตั้งแต่ปี 2018 ที่ทรัมป์ยังเป็นประธานาธิบดี การค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ไตรมาส 1 ปี 2021 เทียบกับ 2020 จีนนำเข้าจากสหรัฐ: เพิ่มขึ้นจาก 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 5.48 หมื่นล้านดอลลาร์ จีนส่งออกสู่สหรัฐ: เพิ่มขึ้นจาก 6.82 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 1.19 แสนล้านดอลลาร์ ไตรมาส 2 ปี 2021 เทียบกับ 2020 จีนนำเข้าจากสหรัฐ: เพิ่มขึ้นจาก 2.89 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 4.14 หมื่นล้านดอลลาร์ จีนส่งออกสู่สหรัฐ: เพิ่มขึ้นจาก 1.09 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 1.24 แสนล้านดอลลาร์ การค้าระหว่างจีน-สหรัฐในไตรมาส 3 ปี 2021 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สหรัฐฟื้นตัวดี-มีนโยบายกระตุ้น ให้การค้ากับจีนในครึ่งปีหลังยังโตต่อไป กำแพงภาษีและนโยบายกีดกันทางการค้าในสมัยไบเดนและทรัมป์ไม่สามารถลดการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐผ่านการลดการนำเข้าสินค้าจีนได้ การค้าและการลงทุนกลับขยายตัว เนื่องจากผู้ซื้อทั้งสองฝั่งยินดีรับภาระทางภาษี นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ยังเสริมสร้างการจับจ่ายใช้สอยสินค้าเพิ่มขึ้นในสหรัฐ
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56227
Retail
IPO ของ Central Retail หรือ CRC นั้นเขย่าวงการค้าปลีกประเทศไทย และระดับโลก ซึ่งการระดมทุนกว่า 70,000 ล้านบาทนี้จะถูกเอาไปใช้กับอะไรบ้าง จะมีการซื้อค้าปลีกที่เพิ่งประกาศขายหรือไม่ ลองมาติดตามกัน ขยายความยิ่งใหญ่คือเรื่องแรก เบื้องต้นการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวมไม่เกิน 1,860.1 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 74,404 – 79,984 ล้านบาท (ประมาณ 40-43 บาท/หุ้น) ทาง CRC จะนำมาขยายอาณาจักรค้าปลีกของตัวเองให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แม้ปัจจุบันจะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นเบอร์ต้นๆ ในภูมิภาคอาเซียน “ตัวเม็ดเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ระดมทุนได้ CRC จะนำไปลงทุนเพื่อขยายสาขาทั้งในไทย และต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงสาขาเดิมให้ทันสมัย และตรงตามแนวคิดของค้าปลีกประเภทต่างๆ ของ CRC มากขึ้น” ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าว ทั้งนี้ CRC ยังปฏิบัติเชิงรุกเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือกับองค์กรธุรกิจที่น่าสนใจ รวมถึงมีแนวทางควบรวมกิจการ (M&A) ตลอดเวลา เพื่อไม่ปิดโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลก็มีการลงทุนใน Grab, การร่วมลงทุนกับ Nguyen Kim ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเวียนาม และอื่นๆ มี หรือไม่มี Tesco Lotus ก็ยังเดินหน้าตามแผน จากข่าวลือว่ากลุ่มเซ็นทรัลมีความสนใจเข้าซื้อกิจการ Tesco Lotus ในประเทศไทย และมาเลเซียนั้น “ญนน์” ไม่ได้ยืนยันคำตอบว่าจะซื้อ หรือไม่ซื้อ เพียงแต่กล่าวเป็นประโยคสั้นๆ ว่า “แผนงานทั้งหมดที่ CRC วางไว้หลังจาก IPO จะมี หรือไม่มี Tesco Lotus ก็สามารถเดินหน้าธุรกิจได้” สำหรับในตลาดต่างประเทศ การทำธุรกิจในเวียดนามของ CRC ผ่าน 2 ธุรกิจหลักคือ GO! (Big C เดิม) และ Nguyen Kim หลังจาก IPO แล้ว การเร่งให้การเติบโตที่นั่นเพิ่มเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้าก็มีความเป็นไปได้ เพราะยังมีโอกาสอีกมาก ยิ่งอุตสาหกรรมค้าปลีกที่นั่นล้าหลังจากประเทศไทยเป็น 10 ปี มันก็ยิ่งต้องตั้งเป้าสูง ส่วนการทำธุรกิจในอิตาลีผ่านห้างสรรพสินค้า La Rinascente ก็ยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และผู้ชื่นชอบสินค้า Luxury อยู่ ดังนั้นเมื่อนำธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศมารวมกัน CRC ก็มีรายได้ 2.06 แสนล้านบาทในปี 2561 เติบโตเฉลี่ยปีละ 8.3% ระหว่างปี 2559-2561 ผ่านจุดขาย 3,856 แห่ง ฐานลูกค้าสมาชิก 28.8 ล้านราย นำเงินไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน นอกจากการลงทุนเพื่อขยายอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมแล้ว การ IPO ของ CRC ยังมีอีกพันธกิจคือการชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ของเงินราว 70,000 ล้านบาทที่ระดมทุนมาได้ ที่สำคัญการทำธุรกิจหลังจากนี้ของ CRC นั้นเน้นไปที่การยืนหยัดธุรกิจด้วยตัวเอง และการเกิดขึ้นของ M&A คือโบนัสมากกว่า ทั้งนี้การ IPO ของ CRC นั้นมีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดในตลาดทุนไทยตั้งแต่ก่อตั้ง และสูงที่สุดในบริษัทค้าปลีกทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2550 โดยมูลค่านี้จะทำให้ CRC เข้าไปอยู่ใน SET 50 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้บริหารของ CRC คาดการณ์ว่าจะติด 15 อันดับแรก สำหรับผู้ที่สนใจหุ้น CRC สามารถจองซื้อได้ในวันที่ 29,30,31 ม.ค. และ 3 ก.พ. ราคาจริงจะออกภายในวันที่ 5 ก.พ. โดยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย สรุป เป็นการก้าวข้ามจากธุรกิจครอบครัว สู่ธุรกิจมหาชนอย่างแท้จริง และการเดินหน้าแบบนี้ส่วนตัวมองว่าจะทำให้กลุ่มเซ็นทรัลยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพราะเงินทุนที่เข้ามาจะทำให้การเดินกลยุทธ์ “เงินต่อเงิน” ทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะต้องมีการควบรวมกิจการหลังจากนี้แน่นอน ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related IPO ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย “เซ็นทรัล รีเทล” เข้าซื้อขายวันแรก 20 กุมภาพันธ์นี้ In "News" Big C เตรียม IPO และนำหุ้นบริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น เข้าตลาดหลักทรัพย์ In "Article" หุ้น OR เปิดตลาดวันแรก 26.50 บาท เตรียมเข้า SET50 แบบ Fast-Track ใน 3 วัน In "News"
IPO ของ Central Retail หรือ CRC นั้นเขย่าวงการค้าปลีกประเทศไทย และระดับโลก ซึ่งการระดมทุนกว่า 70,000 ล้านบาทนี้จะถูกเอาไปใช้กับอะไรบ้าง จะมีการซื้อค้าปลีกที่เพิ่งประกาศขายหรือไม่ ลองมาติดตามกัน ขยายความยิ่งใหญ่คือเรื่องแรก เบื้องต้นการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวมไม่เกิน 1,860.1 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 74,404 – 79,984 ล้านบาท (ประมาณ 40-43 บาท/หุ้น) ทาง CRC จะนำมาขยายอาณาจักรค้าปลีกของตัวเองให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แม้ปัจจุบันจะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นเบอร์ต้นๆ ในภูมิภาคอาเซียน “ตัวเม็ดเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ระดมทุนได้ CRC จะนำไปลงทุนเพื่อขยายสาขาทั้งในไทย และต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงสาขาเดิมให้ทันสมัย และตรงตามแนวคิดของค้าปลีกประเภทต่างๆ ของ CRC มากขึ้น” ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าว ทั้งนี้ CRC ยังปฏิบัติเชิงรุกเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือกับองค์กรธุรกิจที่น่าสนใจ รวมถึงมีแนวทางควบรวมกิจการ (M&A) ตลอดเวลา เพื่อไม่ปิดโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลก็มีการลงทุนใน Grab, การร่วมลงทุนกับ Nguyen Kim ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเวียนาม และอื่นๆ มี หรือไม่มี Tesco Lotus ก็ยังเดินหน้าตามแผน จากข่าวลือว่ากลุ่มเซ็นทรัลมีความสนใจเข้าซื้อกิจการ Tesco Lotus ในประเทศไทย และมาเลเซียนั้น “ญนน์” ไม่ได้ยืนยันคำตอบว่าจะซื้อ หรือไม่ซื้อ เพียงแต่กล่าวเป็นประโยคสั้นๆ ว่า “แผนงานทั้งหมดที่ CRC วางไว้หลังจาก IPO จะมี หรือไม่มี Tesco Lotus ก็สามารถเดินหน้าธุรกิจได้” สำหรับในตลาดต่างประเทศ การทำธุรกิจในเวียดนามของ CRC ผ่าน 2 ธุรกิจหลักคือ GO! (Big C เดิม) และ Nguyen Kim หลังจาก IPO แล้ว การเร่งให้การเติบโตที่นั่นเพิ่มเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้าก็มีความเป็นไปได้ เพราะยังมีโอกาสอีกมาก ยิ่งอุตสาหกรรมค้าปลีกที่นั่นล้าหลังจากประเทศไทยเป็น 10 ปี มันก็ยิ่งต้องตั้งเป้าสูง ส่วนการทำธุรกิจในอิตาลีผ่านห้างสรรพสินค้า La Rinascente ก็ยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และผู้ชื่นชอบสินค้า Luxury อยู่ ดังนั้นเมื่อนำธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศมารวมกัน CRC ก็มีรายได้ 2.06 แสนล้านบาทในปี 2561 เติบโตเฉลี่ยปีละ 8.3% ระหว่างปี 2559-2561 ผ่านจุดขาย 3,856 แห่ง ฐานลูกค้าสมาชิก 28.8 ล้านราย นำเงินไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน นอกจากการลงทุนเพื่อขยายอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมแล้ว การ IPO ของ CRC ยังมีอีกพันธกิจคือการชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ของเงินราว 70,000 ล้านบาทที่ระดมทุนมาได้ ที่สำคัญการทำธุรกิจหลังจากนี้ของ CRC นั้นเน้นไปที่การยืนหยัดธุรกิจด้วยตัวเอง และการเกิดขึ้นของ M&A คือโบนัสมากกว่า ทั้งนี้การ IPO ของ CRC นั้นมีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดในตลาดทุนไทยตั้งแต่ก่อตั้ง และสูงที่สุดในบริษัทค้าปลีกทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2550 โดยมูลค่านี้จะทำให้ CRC เข้าไปอยู่ใน SET 50 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้บริหารของ CRC คาดการณ์ว่าจะติด 15 อันดับแรก สำหรับผู้ที่สนใจหุ้น CRC สามารถจองซื้อได้ในวันที่ 29,30,31 ม.ค. และ 3 ก.พ. ราคาจริงจะออกภายในวันที่ 5 ก.พ. โดยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย สรุป เป็นการก้าวข้ามจากธุรกิจครอบครัว สู่ธุรกิจมหาชนอย่างแท้จริง และการเดินหน้าแบบนี้ส่วนตัวมองว่าจะทำให้กลุ่มเซ็นทรัลยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพราะเงินทุนที่เข้ามาจะทำให้การเดินกลยุทธ์ “เงินต่อเงิน” ทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะต้องมีการควบรวมกิจการหลังจากนี้แน่นอน ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related IPO ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย “เซ็นทรัล รีเทล” เข้าซื้อขายวันแรก 20 กุมภาพันธ์นี้ In "News" Big C เตรียม IPO และนำหุ้นบริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น เข้าตลาดหลักทรัพย์ In "Article" หุ้น OR เปิดตลาดวันแรก 26.50 บาท เตรียมเข้า SET50 แบบ Fast-Track ใน 3 วัน In "News"
IPO ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย “เซ็นทรัล รีเทล” เข้าซื้อขายวันแรก 20 กุมภาพันธ์นี้ เผยให้เห็นกลยุทธ์การใช้เงินทุนจาก IPO ของ Central Retail ที่จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ดังนี้ 1. ขยายอาณาจักรค้าปลีก: เงินทุนกว่า 70,000 ล้านบาทจาก IPO จะถูกนำไปใช้ขยายสาขาของ Central Retail ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้มีจำนวนหน้าร้านค้าปลีกเพิ่มมากขึ้น กระจายสินค้าและบริการเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวาง สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 2. ปรับปรุงสาขาเดิม: เงินทุนส่วนหนึ่งจะถูกนำไปปรับปรุงสาขาเดิมของ Central Retail ให้ทันสมัย รองรับเทคโนโลยีใหม่ และตรงตามแนวคิดของค้าปลีกประเภทต่างๆ มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีขึ้น ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มยอดขาย 3. มุ่งสู่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์: Central Retail มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง มุ่งสู่ Omni-channel retailing เชื่อมต่อช่องทางการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ 4. ควบรวมกิจการ (M&A): Central Retail มองหาโอกาสในการควบรวมกิจการ (M&A) กับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า เพิ่มพอร์ตสินค้า และสร้าง synergy เสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในการแข่งขัน 5. พัฒนาเทคโนโลยี: เงินทุนจาก IPO จะถูกนำไปลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระบบบริหารจัดการสินค้า ระบบชำระเงินออนไลน์ ระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยสรุป: กลยุทธ์การใช้เงินทุนจาก IPO ของ Central Retail จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ดังนี้ - การขยายอาณาจักรค้าปลีก: เพิ่มจำนวนหน้าร้านค้าปลีก กระจายสินค้าและบริการเข้าถึงผู้บริโภค สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน - การปรับปรุงสาขาเดิม: มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีขึ้น ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มยอดขาย - การมุ่งสู่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์: รองรับพฤติกรรมผู้บริโภค เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ - การควบรวมกิจการ (M&A): ขยายฐานลูกค้า เพิ่มพอร์ตสินค้า สร้าง synergy เสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในการแข่งขัน - การพัฒนาเทคโนโลยี: เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และรองรับการเติบโตของธุรกิจ กลยุทธ์เหล่านี้จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ดังนี้ - การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น: Central Retail จะมีศักยภาพและทรัพยากรมากขึ้น ส่งผลให้คู่แข่งต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด - ตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค: ผู้บริโภคจะมีตัวเลือกในการช้อปปิ้งมากขึ้น ทั้งในแง่ของสินค้า บริการ ราคา และช่องทางการซื้อ - การพัฒนาของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์: ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อรูปแบบการค้าปลีกแบบดั้งเดิม
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56241
Retail
รัฐบาลสหรัฐร่วมมือกับ Uber พาคนไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างไร ?
เรียบเรียงโดย: รัตณษร อุ่นจิตร และเพ็ญพิชชา ขุนสุทน แม้สถานการณ์วัคซีนในไทยยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดูได้จากการประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนของทางภาครัฐ แต่ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกลับมีวัคซีนเหลือให้ประชาชน บทสัมภาษณ์นี้พาไปดูกรณีของคนไทยในสหรัฐอเมริกา แม้สถานการณ์วัคซีนในไทยยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดูได้จากการประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนของทางภาครัฐ แต่ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกลับมีวัคซีนเหลือให้ประชาชน บทสัมภาษณ์นี้พาไปดูกรณีของคนไทยในสหรัฐอเมริกา Brand Inside สัมภาษณ์คนไทยที่ขับรถบรรทุกในสหรัฐอเมริกา เขาใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า แอชต้น คุชเชอร์ Brand Inside สัมภาษณ์คนไทยที่ขับรถบรรทุกในสหรัฐอเมริกา เขาใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า คุณแอชต้นบอกว่า เขาได้รับวัคซีนโควิดครบทั้ง 2 เข็มแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ดูเป็นเรื่องปกติของคนในอเมริกา แต่ที่น่าสนใจคือคุณแอชต้นรับวัคซีนที่ร้านขายยา และทั้งสองเข็มฉีดคนละที่! คุณแอชต้นบอกว่า เขาได้รับวัคซีนโควิดครบทั้ง 2 เข็มแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ดูเป็นเรื่องปกติของคนในอเมริกา แต่ที่น่าสนใจคือคุณแอชต้นรับวัคซีนที่ร้านขายยา และทั้งสองเข็มฉีดคนละที่! เรื่องราวการรับวัคซีนก็ได้ถูกแชร์ผ่านทางทวิตเตอร์ของคุณแอชต้นเอง เรื่องราวการรับวัคซีนก็ได้ถูกแชร์ผ่านทางทวิตเตอร์ของคุณแอชต้นเอง คนไทยขับรถบรรทุกในอเมริกา เล่าประสบการณ์ฉีดวัคซีน คุณแอชต้นคือคนไทยที่เพิ่งเริ่มอาชีพขับรถบรรทุกในอเมริกา เขาบอกกับเราว่า “ผมเพิ่งเริ่มทำงานขับรถบรรทุกที่นี่ได้ 2 เดือนครึ่งเองครับ เพิ่งเริ่มหัดขับเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นน้องใหม่ในวงการเลย ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฝึกงานกับบริษัทกับครูฝึกอีก 1 คนครับ อีก 2 อาทิตย์ผมจะได้รถของตัวเอง และเริ่มทำงานด้วยตัวเองเต็มตัว” คุณแอชต้นคือคนไทยที่เพิ่งเริ่มอาชีพขับรถบรรทุกในอเมริกา เขาบอกกับเราว่า “ผมเพิ่งเริ่มทำงานขับรถบรรทุกที่นี่ได้ 2 เดือนครึ่งเองครับ เพิ่งเริ่มหัดขับเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นน้องใหม่ในวงการเลย ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฝึกงานกับบริษัทกับครูฝึกอีก 1 คนครับ อีก 2 อาทิตย์ผมจะได้รถของตัวเอง และเริ่มทำงานด้วยตัวเองเต็มตัว” คุณแอชต้นได้แชร์ประสบการณ์การฉีดวัคซีนให้เราฟังซึ่งดูสะดวกมากๆ “ผมแค่เข้าไปในเว็บร้าน Walgreens แล้วเช็คว่าวัคซีนสาขาใกล้ ๆ ที่เราอยู่ และวัคซีนยี่ห้อที่เราต้องการว่าว่างไหม ถ้าว่างก็เลือกวันและเวลาที่ต้องการฉีดวัคซีนผ่านเว็บได้เลยครับ แล้วก็ไปตามนัดที่เราเลือก ใช้แค่บัตรประชาชนเท่านั้นครับ” คุณแอชต้นได้แชร์ประสบการณ์การฉีดวัคซีนให้เราฟังซึ่งดูสะดวกมากๆ “ ผมแค่เข้าไปในเว็บร้าน Walgreens แล้วเช็คว่าวัคซีนสาขาใกล้ ๆ ที่เราอยู่ และวัคซีนยี่ห้อที่เราต้องการว่าว่างไหม ถ้าว่างก็เลือกวันและเวลาที่ต้องการฉีดวัคซีนผ่านเว็บได้เลยครับ แล้วก็ไปตามนัดที่เราเลือก ใช้แค่บัตรประชาชนเท่านั้นครับ ” ด้วยอาชีพขับรถบรรทุก คุณแอชต้นจึงต้องเดินทางระยะไกลอยู่บ่อยๆ จึงไม่สะดวกที่จะฉีดวัคซีนเข็มที่สองในร้านแรกที่ฉีด ในกรณีนี้ รัฐ Illinois และ Texas ห่างกันมากกว่า 1,400 กิโลเมตรเลยทีเดียว ด้วยอาชีพขับรถบรรทุก คุณแอชต้นจึงต้องเดินทางระยะไกลอยู่บ่อยๆ จึงไม่สะดวกที่จะฉีดวัคซีนเข็มที่สองในร้านแรกที่ฉีด ในกรณีนี้ รัฐ Illinois และ Texas ห่างกันมากกว่า 1,400 กิโลเมตรเลยทีเดียว ไกลเท่าไหนไม่หวั่น เพราะมีเครือข่ายร้านขายยาทั่วประเทศ ไกลเท่าไหนไม่หวั่น เพราะมีเครือข่ายร้านขายยาทั่วประเทศ คุณแอชต้นอธิบายว่า “ที่บอกว่าฉีด 2 เข็ม คนละที่ จองผ่านร้านขายยา ปรับเปลี่ยนได้ ไม่ต้องกลัววัคซีนหมด ผมหมายถึงการที่ Walgreens จะให้เราจองพร้อมกัน 2 เข็ม แต่เมื่อเราฉีดเข็มแรกแล้วเราสามารถโทร. ไปยกเลิกเข็มที่ 2 แล้วจองใหม่ เปลี่ยนสถานที่ที่ต้องการฉีดเข็มที่ 2 เป็นที่ไหนก็ได้ในสหรัฐอเมริกาครับ” คุณแอชต้นอธิบายว่า “ที่บอกว่าฉีด 2 เข็ม คนละที่ จองผ่านร้านขายยา ปรับเปลี่ยนได้ ไม่ต้องกลัววัคซีนหมด ผมหมายถึงการที่ Walgreens จะให้เราจองพร้อมกัน 2 เข็ม แต่เมื่อเราฉีดเข็มแรกแล้วเราสามารถโทร. ไปยกเลิกเข็มที่ 2 แล้วจองใหม่ เปลี่ยนสถานที่ที่ต้องการฉีดเข็มที่ 2 เป็นที่ไหนก็ได้ในสหรัฐอเมริกาครับ” “ถ้า Walgreens สาขานั้นมีวัคซีนยี่ห้อเดียวกับตัวที่เราฉีดเข็มที่ 1 ซึ่งผมพบว่าการเปลี่ยนสถานที่รับวัคซีนมันง่ายมาก ๆ ผมจึงทวิตไปว่า วัคซีนเหลือเพียบ” อย่างไรก็ตาม บริษัท Walgreens เป็นหนึ่งใน 21 ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ Federal Retail Pharmacy Partners หรือโครงการพาร์ทเนอร์ร้านขายยาเอกชนที่เข้าร่วมกับทางรัฐในการให้บริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม บริษัท Walgreens เป็นหนึ่งใน 21 ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ Federal Retail Pharmacy Partners หรือโครงการพาร์ทเนอร์ร้านขายยาเอกชนที่เข้าร่วมกับทางรัฐในการให้บริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย Walgreens เป็นเครือร้านขายยาที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2020 มีสาขาทั่วประเทศถึง 9,021 สาขาและอีกสี่พันกว่าสาขาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยในฐานะ Boots ที่มีบริษัทแม่เดียวกันอีกด้วย Walgreens เป็นเครือร้านขายยาที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2020 มี สาขาทั่วประเทศ ถึง 9,021 สาขาและอีกสี่พันกว่าสาขาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยในฐานะ Boots ที่มีบริษัทแม่เดียวกันอีกด้วย อีกทั้ง ด้วยความที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการให้ 70% ของประชาชนในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนก่อนวันชาติสหรัฐอเมริกาวันที่ 4 ก.ค. นี้ จึงมีการอำนวยความสะดวกให้ฉีดวัคซีนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย อีกทั้ง ด้วยความที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการให้ 70% ของประชาชนในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนก่อนวันชาติสหรัฐอเมริกาวันที่ 4 ก.ค. นี้ จึงมีการ อำนวยความสะดวก ให้ฉีดวัคซีนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย รัฐเร่งฉีดวัคซีน พร้อมฉลองวันชาติ รัฐเร่งฉีดวัคซีน พร้อมฉลองวันชาติ คุณแอชต้นเล่าให้ฟังด้วยว่า “รัฐบาลสหรัฐร่วมมือกับ Uber ให้พาคนไปฉีดวัคซีนฟรีถึงวันชาติ 4 ก.ค. ครับ ทั้งขาไปและขากลับ แต่ละครั้งระยะทางต้องต้องไม่เกิน $25 (ประมาณ 795 บาท) น่าจะเป็นการกระตุ้นให้คนรีบฉีดจะได้เฉลิมฉลองกันในวันที่ 4 ก.ค. ครับ” คุณแอชต้นเล่าให้ฟังด้วยว่า “รัฐบาลสหรัฐร่วมมือกับ Uber ให้พาคนไปฉีดวัคซีนฟรีถึงวันชาติ 4 ก.ค. ครับ ทั้งขาไปและขากลับ แต่ละครั้งระยะทางต้องต้องไม่เกิน $25 (ประมาณ 795 บาท) น่าจะเป็นการกระตุ้นให้คนรีบฉีดจะได้เฉลิมฉลองกันในวันที่ 4 ก.ค. ครับ” นอกจากจะมีบริการขนส่งฟรีจากทั้ง Uber และ Lyft แล้ว ยังมีการจัดศูนย์ฉีดวัคซีนตามชุมชนต่างๆ เช่น ตามสถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองอีกด้วย นอกจากจะมีบริการขนส่งฟรีจากทั้ง Uber และ Lyft แล้ว ยังมีการจัดศูนย์ฉีดวัคซีนตามชุมชนต่างๆ เช่น ตามสถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองอีกด้วย ด้านของทางเลือกในการฉีดวัคซีน คุณแอชต้นเลือกฉีดวัคซีนของ Pfizer ทั้ง 2 เข็ม เขาบอกว่า “เจ็บแขนข้างที่ฉีดนิดหน่อยประมาณ 1 วันเท่านั้น” ไม่ได้มีอาการข้างเคียงอะไรเพิ่มเติม ด้านของทางเลือกในการฉีดวัคซีน คุณแอชต้นเลือก ฉีดวัคซีนของ Pfizer ทั้ง 2 เข็ม เขาบอกว่า “เจ็บแขนข้างที่ฉีดนิดหน่อยประมาณ 1 วันเท่านั้น” ไม่ได้มีอาการข้างเคียงอะไรเพิ่มเติม ทั้งนี้ ทางสหรัฐอเมริกาอนุมัติการฉีดวัคซีน 3 ยี่ห้อคือ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson ทั้งนี้ ทางสหรัฐอเมริกาอนุมัติการฉีดวัคซีน 3 ยี่ห้อ คือ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson แม้ทางเลือกวัคซีนมากมาย แต่ยังคงมีผู้ที่ต่อต้าน แม้ทางเลือกวัคซีนมากมาย แต่ยังคงมีผู้ที่ต่อต้าน คุณแอชต้นได้เล่าให้เราฟังว่าในอเมริกายังมีคนที่ไม่อยากฉีดวัคซีนอยู่ ด้วยความที่เป็นดินแดนสุดแสนจะเสรีจึงมีคนเลือกที่จะสมัครใจไม่ฉีด คุณแอชต้นได้เล่าให้เราฟังว่าในอเมริกายังมีคนที่ไม่อยากฉีดวัคซีนอยู่ ด้วยความที่เป็นดินแดนสุดแสนจะเสรีจึงมีคนเลือกที่จะสมัครใจไม่ฉีด “คนรอบตัวผมที่นี่มากกว่าครึ่งไม่ฉีดวัคซีนกันนะครับ ทั้งคนไทยและฝรั่ง ตามประสาอเมริกันชนที่ไม่ค่อยชอบโดนบังคับให้ทำอะไร ทั้ง ๆ ที่ๆ นี่มีวัคซีนตัวที่ดีที่สุดให้ฉีด ถึงกับต้องออกแคมเปญรณรงค์แจกทั้งเงินท้ังของให้ออกไปฉีดวัคซีนกัน” “คนรอบตัวผมที่นี่มากกว่าครึ่งไม่ฉีดวัคซีนกันนะครับ ทั้งคนไทยและฝรั่ง ตามประสาอเมริกันชนที่ไม่ค่อยชอบโดนบังคับให้ทำอะไร ทั้ง ๆ ที่ๆ นี่มีวัคซีนตัวที่ดีที่สุดให้ฉีด ถึงกับต้องออกแคมเปญรณรงค์แจกทั้งเงินท้ังของให้ออกไปฉีดวัคซีนกัน” นอกจากกระแสต่อต้านวัคซีนด้วยความเชื่อผิดๆ จากคนบางกลุ่มในสหรัฐ ก็ยังมีกรณีการเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนเพราะความไม่แน่ใจ จากการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) พบว่าจากการสำรวจผู้ใหญ่ มีจำนวนไม่ถึงครึ่งที่เต็มใจจะฉีดวัคซีน นอกจากกระแสต่อต้านวัคซีนด้วยความเชื่อผิดๆ จากคนบางกลุ่มในสหรัฐ ก็ยังมีกรณีการเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนเพราะความไม่แน่ใจ จากการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) พบว่าจากการสำรวจผู้ใหญ่ มีจำนวน ไม่ถึงครึ่ง ที่เต็มใจจะฉีดวัคซีน ในไทยเองนั้นยังติดอยู่กับทางเลือกวัคซีนที่ยังคงมีน้อย และเข้าถึงยากเมื่อเทียบกับมาตรการแจกจ่ายวัคซีนของสหรัฐ อย่างการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น ‘หมอพร้อม’ ก็ติดขัดเนื่องจากระบบไม่รองรับผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก และอีกทางคือลงทะเบียนกับโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถเลือกชนิดของวัคซีนได้ ในกรณีที่ต้องการทางเลือกวัคซีนจะมีค่าใช้จ่ายหลักหลายพันบาท ในไทยเองนั้นยังติดอยู่กับทางเลือกวัคซีนที่ยังคงมีน้อย และเข้าถึงยากเมื่อเทียบกับมาตรการแจกจ่ายวัคซีนของสหรัฐ อย่างการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น ‘หมอพร้อม’ ก็ติดขัดเนื่องจากระบบไม่รองรับผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก และอีกทางคือลงทะเบียนกับโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถเลือกชนิดของวัคซีนได้ ในกรณีที่ต้องการทางเลือกวัคซีนจะมีค่าใช้จ่ายหลักหลายพันบาท ลด แลก แจก แถม กับแคมเปญกระตุ้นให้คนมาฉีดวัคซีน ลด แลก แจก แถม กับแคมเปญกระตุ้นให้คนมาฉีดวัคซีน นอกจากนี้คุณแอชต้นก็ได้พูดถึงแคมเปญเชิญชวนคนมาฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นแคมเปญจากทั้งรัฐบาลและเอกชน เช่น การจูงใจให้คนมาฉีดวัคซีนด้วยการลดค่าบัตรคอนเสิร์ตสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ในรัฐแคลิฟอร์เนียก็มีงบประมาณสำหรับใช้เป็นรางวัลจูงใจ หรือในโอไฮโอมีทั้งแจกหวยเสี่ยงโชคและสุ่มแจกทุนการศึกษา นอกจากนี้คุณแอชต้นก็ได้พูดถึงแคมเปญเชิญชวนคนมาฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นแคมเปญจากทั้งรัฐบาลและเอกชน เช่น การจูงใจให้คนมาฉีดวัคซีนด้วยการ ลดค่าบัตรคอนเสิร์ต สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ใน รัฐแคลิฟอร์เนีย ก็มีงบประมาณสำหรับใช้เป็นรางวัลจูงใจ หรือในโอไฮโอมีทั้งแจก หวยเสี่ยงโชค และ สุ่มแจกทุนการศึกษา จูงใจ ไม่ใช่ข่มขู่ อเมริกาโน้มน้าวให้คนฉีดวัคซีนมากกว่าบังคับตัดสิทธิ ให้โทษ จูงใจ ไม่ใช่ข่มขู่ อเมริกาโน้มน้าวให้คนฉีดวัคซีนมากกว่าบังคับตัดสิทธิ ให้โทษ จูงใจ ไม่ใช่ข่มขู่ อเมริกาโน้มน้าวให้คนฉีดวัคซีนมากกว่าบังคับตัดสิทธิ ให้โทษ สำหรับนโยบายกระตุ้นการเข้ารับวัคซีนในไทยจะเห็นแคมเปญจากฝั่งเอกชนมากกว่า เช่น การลด แลก แจก แถม ของร้านอาหารสำหรับผู้ที่แสดงหลักฐานว่าฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากนี้ก็มีระดับจังหวัดที่มีโครงการแจกสัตว์ แจกทอง หรือสุ่มแจกเงิน สำหรับนโยบายกระตุ้นการเข้ารับวัคซีนในไทยจะเห็น แคมเปญจากฝั่งเอกชน มากกว่า เช่น การลด แลก แจก แถม ของร้านอาหารสำหรับผู้ที่แสดงหลักฐานว่าฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากนี้ก็มีระดับจังหวัดที่มีโครงการแจกสัตว์ แจกทอง หรือสุ่มแจกเงิน สรุป สรุป ด้วยความพร้อมของวัคซีนในอเมริกาที่มีเพียงพอกับความต้องการ ประชาชนจึงสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างสะดวก เห็นได้ชัดจากกรณีของคุณแอชต้น ด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางตลอดเวลาแต่สามารถทำเรื่องเข้าไปฉีดวัคซีนได้ไม่ยาก หวังว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทางรัฐบาลสามารถจัดสรรวัคซีนได้ดีขึ้นในอนาคต ด้วยความพร้อมของวัคซีนในอเมริกาที่มีเพียงพอกับความต้องการ ประชาชนจึงสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างสะดวก เห็นได้ชัดจากกรณีของคุณแอชต้น ด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางตลอดเวลาแต่สามารถทำเรื่องเข้าไปฉีดวัคซีนได้ไม่ยาก หวังว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทางรัฐบาลสามารถจัดสรรวัคซีนได้ดีขึ้นในอนาคต ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related คนไทย 88% พร้อมรับบริการวัคซีนโควิด-19 แต่ยังกังวลเรื่องความปลอดภัย-ประสิทธิภาพวัคซีน In "News" รู้จัก Bivalent Vaccine ความหวังใหม่ป้องกันโควิดกลายพันธุ์ที่ไทยยังไม่ได้ใช้ In "Analysis" Moderna เผย สามารถผลิตวัคซีนที่ป้องกันโควิด-19 ได้ 94.5% In "Article"
“รัฐบาลสหรัฐร่วมมือกับ Uber ให้พาคนไปฉีดวัคซีนฟรีถึงวันชาติ 4 ก.ค. ครับ ทั้งขาไปและขากลับ แต่ละครั้งระยะทางต้องต้องไม่เกิน $25 (ประมาณ 795 บาท) น่าจะเป็นการกระตุ้นให้คนรีบฉีดจะได้เฉลิมฉลองกันในวันที่ 4 ก.ค. ครับ” นอกจากจะมีบริการขนส่งฟรีจากทั้ง Uber และ Lyft แล้ว ยังมีการจัดศูนย์ฉีดวัคซีนตามชุมชนต่างๆ เช่น ตามสถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองอีกด้วย ด้านของทางเลือกในการฉีดวัคซีน คุณแอชต้นเลือกฉีดวัคซีนของ Pfizer ทั้ง 2 เข็ม เขาบอกว่า “เจ็บแขนข้างที่ฉีดนิดหน่อยประมาณ 1 วันเท่านั้น” ไม่ได้มีอาการข้างเคียงอะไรเพิ่มเติม ทั้งนี้ ทางสหรัฐอเมริกาอนุมัติการฉีดวัคซีน 3 ยี่ห้อคือ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson นอเมริกายังมีคนที่ไม่อยากฉีดวัคซีนอยู่ ด้วยความที่เป็นดินแดนสุดแสนจะเสรีจึงมีคนเลือกที่จะสมัครใจไม่ฉีด “คนรอบตัวผมที่นี่มากกว่าครึ่งไม่ฉีดวัคซีนกันนะครับ ทั้งคนไทยและฝรั่ง ตามประสาอเมริกันชนที่ไม่ค่อยชอบโดนบังคับให้ทำอะไร ทั้ง ๆ ที่ๆ นี่มีวัคซีนตัวที่ดีที่สุดให้ฉีด ถึงกับต้องออกแคมเปญรณรงค์แจกทั้งเงินท้ังของให้ออกไปฉีดวัคซีนกัน” นอกจากกระแสต่อต้านวัคซีนด้วยความเชื่อผิดๆ จากคนบางกลุ่มในสหรัฐ ก็ยังมีกรณีการเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนเพราะความไม่แน่ใจ จากการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) พบว่าจากการสำรวจผู้ใหญ่ มีจำนวนไม่ถึงครึ่งที่เต็มใจจะฉีดวัคซีน จึงจัดแคมเปญเชิญชวนคนมาฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นแคมเปญจากทั้งรัฐบาลและเอกชน เช่น การจูงใจให้คนมาฉีดวัคซีนด้วยการลดค่าบัตรคอนเสิร์ตสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ในรัฐแคลิฟอร์เนียก็มีงบประมาณสำหรับใช้เป็นรางวัลจูงใจ หรือในโอไฮโอมีทั้งแจกหวยเสี่ยงโชคและสุ่มแจกทุนการศึกษา
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56242
Retail
ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเติบโต แบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton จะรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้อย่างไร โดยไม่ต้องพึ่งพาการขายออนไลน์มากเกินไป
null
1. มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ: พนักงานขายที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีสามารถให้คำแนะนำและบริการลูกค้าได้อย่างประทับใจ ร้านค้ามีการออกแบบตกแต่งที่สวยงาม หรูหรา สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ ร้านค้ามีบริการพิเศษต่างๆ เช่น บริการ personalization บริการห่อของขวัญ 2. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้า VIP เช่น งาน cocktail party งานเปิดตัวสินค้าใหม่ เสนอโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ จัดทำ CRM เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าและนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ 3. นำเสนอสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใคร: สินค้า limited edition ที่หาซื้อไม่ได้ที่ไหน บริการ personalization ที่ลูกค้าสามารถออกแบบสินค้าเองได้ บริการพิเศษต่างๆ เช่น บริการซ่อมแซม บริการทำความสะอาด 4. มุ่งเน้นการสร้าง community: จัดกิจกรรม workshop เกี่ยวกับแฟชั่น สนับสนุน influencer และ KOL ร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ เพื่อจัดกิจกรรมพิเศษ ตัวอย่างเพิ่มเติม Louis Vuitton สามารถนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบผสมผสาน (Omnichannel) เช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และมารับสินค้าที่หน้าร้าน Louis Vuitton สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นมือถือเพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้า เปรียบเทียบราคา และชำระเงิน Louis Vuitton สามารถให้บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน โดยสรุป Louis Vuitton สามารถรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการขายออนไลน์มากเกินไป โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าที่มาช้อปปิ้งที่หน้าร้าน มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า นำเสนอสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใคร และมุ่งเน้นการสร้าง community
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56250
Retail
สรุปบทความเรื่อง Google เตรียมเปิด Google Store แห่งแรกใน New York ให้หน่อย
Google เตรียมเปิดหน้าร้าน Google Store เป็นครั้งแรกใน New York ขายสินค้าของ Google หลายอย่าง ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และนาฬิกา Google เตรียมเปิด Google Store หน้าร้านถาวรครั้งแรก ใครจะไปเชื่อว่า Google บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจะไม่เคยมีหน้าร้านแบบถาวรเป็นของตัวเอง อย่างที่เราคุ้นเคยกันกับร้าน Apple Store ที่มีมากกว่า 500 สาขา ใน 25 ประเทศทั่วโลก ล่าสุด Google กำลังหันมาขายสินค้าฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างจริงจังด้วยการเปิดร้าน Google Store เป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านั้น Google เคยเปิดร้านในลักษณะ Pop-up Store มาก่อน ร้าน Google Store ที่กำลังจะเปิด ตั้งอยู่ที่ย่าน Chelsea ใน New York เป็นการเปิดหน้าร้านแบบถาวรครั้งแรกของ Google หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Google เคยเปิดแต่ร้าน Pop-up Store (ร้านชั่วคราว) โดยจะขายสินค้าของ Google หลากหลายประเภท ตั้งแต่โทรศัพท์ Google Pixel, Google Nest, นาฬิกา Fitbit และคอมพิวเตอร์ Pixelbooks นอกจากนี้ Google ยังเปิด GoogleStore.com เป็นช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือจะสั่งซื้อแล้วมารับที่หน้าร้านก็ได้เช่นกัน ไม่ได้ขายอย่างเดียว แต่ซ่อมได้ด้วย มือถือ Pixel จอแตก ก็เปลี่ยนได้ ร้าน Google Store ไม่ได้ขายเพียงสินค้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ลูกค้า Google เดิมยังสามารถเอาสินค้าที่ซื้อไปแล้วกลับมาซ่อมได้ด้วย เช่น เปลี่ยนหน้าจอโทรศัพท์ Pixel ที่แตก นอกจากนี้ยังมี Workshop จากผู้เชี่ยวชาญ สอนการใช้งานสินค้าของ Google ต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม Google ยังไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมว่า Google Store นี้ จะเปิดให้บริการในวันไหน แต่บอกรายละเอียดเพียงว่าจะเปิดให้บริการในฤดูร้อนนี้ ที่มา – Google, Business Insider ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related IKEA เตรียมเปิดหน้าร้านขายสินค้ามือ 2 แห่งแรกในสวีเดน พร้อมรับกระแสเศรษฐกิจหมุนเวียน In "Article" เมื่อ Louis Vuitton กำลังจะเปิดร้านอาหารร้านแรก ตั้งอยู่ใน Flagship Store ของตัวเองในญี่ปุ่น In "Article" หมดยุคห่วงภาพลักษณ์ ในที่สุด Gucci ก็ยอมเปิดหน้าร้านออนไลน์ ขายของหรูบนแอพจีน In "Article"
Google เปิดร้าน Google Store เป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านั้น Google เคยเปิดร้านในลักษณะ Pop-up Store มาก่อน เพื่อหันมาขายสินค้าฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างจริงจัง ร้านตั้งอยู่ที่ Chelsea ใน New York ขายสินค้าของ Google หลากหลายประเภท ตั้งแต่โทรศัพท์ Google Pixel, Google Nest, นาฬิกา Fitbit และคอมพิวเตอร์ Pixelbooks และเปิด GoogleStore.com ช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือจะสั่งซื้อแล้วมารับที่หน้าร้านก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเอาสินค้าที่ซื้อไปแล้วกลับมาซ่อมได้ด้วย
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56260
Retail
ครัวการบินไทยวางกลยุทธ์อย่างไรเพื่อขยายธุรกิจอาหารในร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ต?
หลังจากนี้ต่อไปใครที่เข้าร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven จะมีอาหารจาก ครัวการบินไทย เข้าไปขายแล้ว ครัวการบินไทย ส่งอาหารขายร้านสะดวกซื้อ ครัวการบินไทยปรับตัวและหาหนทางใหม่ๆ เพื่อความอยู่รอด โดยจะนำเอาอาหารไปขายในร้านสะดวกซื้อ-ซุปเปอร์มาร์เก็ต ข้อมูลจากครัวการบินไทยโดย วรางคณา ลือโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายครัวการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า ทางครัวการบินไทยบริษัทเตรียมนำสินค้าอาหารเข้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เช่น ท้อป, เซ็นทรัล, เดอะมอลล์ นอกจากนั้นก็มีแผนเตรียมส่งออกไปขายในต่างประเทศด้วย ในเฟสแรก ครัวการบินไทยจะส่ง “น้ำพริกลงเรือ” ไปขายในเซเว่น โดยคาดการณ์ว่าจะนำไปขายช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์นี้เป็นต้นไป ส่วนสินค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูฮาลาลอย่าง “ข้าวหมกไก่” นอกจากนั้น สินค้าชื่อดังอย่าง “ปาท่องโก๋” และ “ครัวซองต์” จะอยู่ในเฟสถัดไปของการวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ-ซุปเปอร์มาร์เก็ต มากกว่านั้น ครัวการบินไทยเตรียมจะเปิดแฟรนไชส์ปาท่องโก๋เพื่อขยายฐานลูกค้าแฟนคลับ ก่อนหน้านี้ พัฟแอนด์พายของครัวการบินไทย เคยส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้าน Amazon และในร้านอินทนิลที่ได้เอาอาหารกล่องการบินไทยเข้าขายในร้านด้วย ในเฟสแรก ครัวการบินไทยจะส่ง “น้ำพริกลงเรือ” ไปขายในเซเว่น โดยคาดการณ์ว่าจะนำไปขายช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์นี้เป็นต้นไป ส่วนสินค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูฮาลาลอย่าง “ข้าวหมกไก่” นอกจากนั้น สินค้าชื่อดังอย่าง “ปาท่องโก๋” และ “ครัวซองต์” จะอยู่ในเฟสถัดไปของการวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ-ซุปเปอร์มาร์เก็ต มากกว่านั้น ครัวการบินไทยเตรียมจะเปิดแฟรนไชส์ปาท่องโก๋เพื่อขยายฐานลูกค้าแฟนคลับ ก่อนหน้านี้ พัฟแอนด์พายของครัวการบินไทย เคยส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้าน Amazon และในร้านอินทนิลที่ได้เอาอาหารกล่องการบินไทยเข้าขายในร้านด้วย ครัวการบินไทย ให้ข้อมูลอีกว่า ได้ไปลงนามความร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ทำระบบซัพพลายเชน รองรับบริการคลาวด์ คิทเช่น (cloud kitchen) หรือครัวกลาง เพื่อรวบรวมเมนูอาหารจากครัวการบินไทยและอาหารจากร้านเด็ดทุกภูมิภาคทั่วไทยส่งตรงจากร้านถึงมือผู้บริโภคทำให้สินค้าของครัวการบินไทยเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศจากสาขาไปรษณีย์ไทยกว่า 1 พันสาขาทั่วประเทศไทย นี่คือกลยุทธ์การเจาะตลาด Retail ของครัวการบินไทย ในยุคที่อุตสาหกรรมการบินไม่เฟื่องฟู และต้องปรับตัว หาจุดแข็งใหม่ และเน้นเจาะตลาดในประเทศมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด ในภาพรวมของบริษัทการบินไทยถือว่าวิกฤตหนัก เพราะถ้าดูจากผลประกอบการปี 2020 ที่ขาดทุนกว่า 1.4 แสนล้านบาท แถมก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เตรียมที่จะพิจารณาถอดหุ้นของการบินไทยออกจากกระดานซื้อขาย เพราะผู้ถือหุ้นของการบินไทยติดลบอยู่นับแสนล้านบาท ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related สายการบินญี่ปุ่น ANA เปิดบริการใหม่ “นั่งกินมื้อหรูเฟิร์สคลาส” บนเครื่อง Boeing 777 ซึ่งจอดอยู่กับที่ In "Article" ถึงขั้นขายเก้าอี้เครื่องบิน! การบินไทย ประกาศขายเก้าอี้โดยสารคู่ละ 35,000 บาท In "News" ขายอาหารแล้วรุ่ง ก็ขายความแซ่บไปเลยสิ! ครัวการบินไทยเปิดขายน้ำยำ 2 สูตรใหม่ ลองเล้ย! In "Article"
ครัวการบินไทยวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจอาหารในร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ต ดังนี้ 1. นำสินค้าอาหารไทยยอดนิยมวางขาย: -เริ่มต้นด้วย "น้ำพริกลงเรือ" ใน 7-Eleven หลังสงกรานต์นี้ -เตรียมสินค้าอื่นๆ เช่น "ข้าวหมกไก่" (ฮาลาล), "ปาท่องโก๋" และ "ครัวซองต์" ในเฟสต่อๆ ไป -มุ่งเน้นสินค้าที่เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของผู้บริโภคทั่วไป 2. ขยายช่องทางจำหน่าย: -partner กับ 7-Eleven, ท้อป, เซ็นทรัล และเดอะมอลล์ -วางแผนส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศ 3. พัฒนาบริการ Cloud Kitchen: -ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น -รวบรวมเมนูอาหารจากครัวการบินไทยและร้านเด็ดทั่วประเทศ -จัดส่งสินค้าจากครัวกลางถึงมือลูกค้าผ่านสาขาไปรษณีย์ไทยกว่า 1 พันสาขา 4. เปิดแฟรนไชส์ปาท่องโก๋: -ขยายฐานลูกค้าแฟนคลับ -เพิ่มช่องทางการจำหน่าย -กลยุทธ์เหล่านี้มุ่งหวังผลดังนี้: -เพิ่มรายได้ให้กับครัวการบินไทย -เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ -สร้างการรับรู้แบรนด์ -ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง การวิเคราะห์: กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับเทรนด์การบริโภคปัจจุบันที่ผู้คนนิยมซื้ออาหารสำเร็จรูปและอาหารพร้อมทาน แบรนด์ครัวการบินไทยเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น รสชาติ ราคา การตลาด และการแข่งขันจากคู่แข่ง ครัวการบินไทยจำเป็นต้อง: -รักษามาตรฐานและคุณภาพของอาหาร -กำหนดราคาที่แข่งขันได้ -ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ -พัฒนาสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56263
Retail
JerHigh Meat as Meals มีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยหรือไม่?
null
มี โอกาสประสบความสำเร็จ เพราะ 1. ตอบโจทย์เทรนด์การตลาด -ช้อปปิ้งออนไลน์ JerHigh Meat as Meals วางจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล -สินค้า Home & Living อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสินค้าในกลุ่ม Home & Living ที่เติบโต -เลี้ยงสัตว์คลายเหงา ตอบโจทย์เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มมากขึ้น 2. นวัตกรรมใหม่ -อาหารเม็ดนุ่ม เป็นเทรนด์ใหม่ ดึงดูดลูกค้า -ตีตลาดพรีเมียม เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง 3. จุดเด่นของสินค้า -อร่อย สุนัขชอบ -คุณภาพดี ใช้เนื้อไก่แท้ 50% ไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ -สารอาหารครบถ้วน สุนัขได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ -ดีต่อสุขภาพ เกลือต่ำ มีแร่ลิโมไนซ์ แอลคาร์นิทีน และอินนูลิน 4. กลยุทธ์ทางการตลาด -ญาญ่า อุรัสยา เป็นพรีเซนเตอร์ ดึงดูดกลุ่มแฟนคลับ -หลากหลายสูตร ตอบโจทย์ความต้องการของสุนัข -กล้าการันตี สุนัขไม่กินยินดีคืนเงิน 5. ผลิตจากโรงงานได้มาตรฐาน -ใช้วิธีการผลิตที่ผ่านความร้อนต่ำ คงความอร่อยและคุณค่าสารอาหาร -ได้มาตรฐาน AAFCO อย่างไรก็ตาม ยังมีคู่แข่งในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่มาก ราคาค่อนข้างสูงกว่าอาหารเม็ดทั่วไป ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจยังไม่คุ้นเคยกับอาหารเม็ดนุ่ม สรุป JerHigh Meat as Meals มีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย แต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และการรักษาคุณภาพของสินค้า
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_56278
Retail
ช่วยสรุปเรื่อง Uniqlo จ้างผู้พิการอย่างน้อย 1 คนต่อสาขา ได้ไหม
Uniqlo ชูนโยบายจ้างคนพิการอย่างน้อยสาขาละ 1 คน Yikihiro Nitta รองประธานอวุโสของ Uniqlo แบรนด์แฟชั่นเจ้าดังสัญชาติญี่ปุ่น ประกาศว่า Uniqlo จะมีนโยบายใหม่ จ้างงานคนพิการอย่างน้อยสาขาละ 1 คน เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มคนที่ถูกหลงลืม สนับสนุนให้เกิดสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเน้นไปที่สาขาในเอเชียเป็นหลัก รองประธานอวุโสของ แบรนด์แฟชั่นเจ้าดังสัญชาติญี่ปุ่น ประกาศว่า Uniqlo จะมีนโยบายใหม่ จ้างงานคนพิการอย่างน้อยสาขาละ 1 คน เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มคนที่ถูกหลงลืม สนับสนุนให้เกิดสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเน้นไปที่สาขาในเอเชียเป็นหลัก Nitta ให้สัมภาษณ์กับทาง Nikkei Asia ว่า “การมอบโอกาสให้กับกลุ่มคนที่หลากหลาย เป็นหัวใจของบริษัทข้ามชาติ ความพยายามในเรื่องดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยการจ้างงาน” Nitta ให้สัมภาษณ์กับทาง Nikkei Asia ว่า “การมอบโอกาสให้กับกลุ่มคนที่หลากหลาย เป็นหัวใจของบริษัทข้ามชาติ ความพยายามในเรื่องดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยการจ้างงาน” Tadashi Yanai กรรมการบริหารของ Uniqlo ได้ร่วมลงนามใน The Valuable 500 ความริเริ่มในระดับโลกที่เกิดขึ้นในที่ประชุม World Economic Forum 2019 ซึ่งเรียกร้องให้ CEO จากบริษัทต่างๆ ในระดับโลกบรรจุเรื่องความเท่าเทียมของผู้พิการไว้ในวาระสำคัญของบริษัทและผลักดันออกมาเป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรม มี CEO กว่า 400 คน จาก 35 ประเทศร่วมลงนามในความริเริ่มดังกล่าว กรรมการบริหารของ Uniqlo ได้ร่วมลงนามใน ความริเริ่มในระดับโลกที่เกิดขึ้นในที่ประชุม World Economic Forum 2019 ซึ่งเรียกร้องให้ CEO จากบริษัทต่างๆ ในระดับโลกบรรจุเรื่องความเท่าเทียมของผู้พิการไว้ในวาระสำคัญของบริษัทและผลักดันออกมาเป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรม มี CEO กว่า 400 คน จาก 35 ประเทศร่วมลงนามในความริเริ่มดังกล่าว ดูนโยบายเพื่อสังคมอื่นๆ ของ Uniqlo ได้ที่ ยูนิโคล่ที่ญี่ปุ่นไม่ให้ถุงกระดาษ แต่จะขายแทน ยูนิโคล่ลดใช้ถุงพลาสติก เอาแพ็คเกจออก ตั้งเป้าลดปริมาณพลาสติกใช้แล้วทิ้งให้ได้ 85% ใครจะเป็นผู้นำยูนิโคล่คนต่อไป? หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าน่าจะเป็น “ผู้บริหารหญิง” ยูนิโคล่ที่ญี่ปุ่นไม่ให้ถุงกระดาษ แต่จะขายแทน ยูนิโคล่ลดใช้ถุงพลาสติก เอาแพ็คเกจออก ตั้งเป้าลดปริมาณพลาสติกใช้แล้วทิ้งให้ได้ 85% ใครจะเป็นผู้นำยูนิโคล่คนต่อไป? หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าน่าจะเป็น “ผู้บริหารหญิง” Uniqlo ผลักดันในเอเชีย เพราะเศรษฐกิจไม่เป็นมิตรต่อคนพิการ นโยบายการจ้างงานผู้พิการดังกล่าวจะนำไปปรับใช้กับสาขาต่างๆ ในเอเชียเป็นหลัก ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 1,277 สาขา จาก 1,439 สาขาทั่วโลก (ไม่รวมกว่า 800 สาขา ในญี่ปุ่น) นโยบายการจ้างงานผู้พิการดังกล่าวจะนำไปปรับใช้กับสาขาต่างๆ ในเอเชียเป็นหลัก ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 1,277 สาขา จาก 1,439 สาขาทั่วโลก (ไม่รวมกว่า 800 สาขา ในญี่ปุ่น) เพราะการจ้างงานผู้พิการในจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่แพร่หลายเท่าญี่ปุ่นนัก เพราะการจ้างงานผู้พิการในจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่แพร่หลายเท่าญี่ปุ่นนัก ส่วนประเทศต่างๆ ในยุโรป มีนโยบายการจ้างงานรวมถึงเศรษฐกิจโดยภาพรวมที่คำนึงถึงผู้พิการอยู่แล้ว และในสหรัฐฯ กระบวนการว่าจ้างคนพิการไม่ได้แตกต่างออกไปจากคนทั่วไป นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Unqlo จึงมองว่าเอเชียเป็นภูมิภาคที่สามารถผลักดันและพัฒนาความริเริ่มในเรื่องนี้ได้อีกมาก ส่วนประเทศต่างๆ ในยุโรป มีนโยบายการจ้างงานรวมถึงเศรษฐกิจโดยภาพรวมที่คำนึงถึงผู้พิการอยู่แล้ว และในสหรัฐฯ กระบวนการว่าจ้างคนพิการไม่ได้แตกต่างออกไปจากคนทั่วไป นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Unqlo จึงมองว่าเอเชียเป็นภูมิภาคที่สามารถผลักดันและพัฒนาความริเริ่มในเรื่องนี้ได้อีกมาก ไม่ใช่แค่จ้างงาน แต่ต้องเป็นมิตรกับคนพิการไปตลอดทาง นอกจากเรื่องของการจ้างงานแล้ว Uniqlo ยังเล็งที่จะสร้างธุรกิจที่คำนึงถึงคนพิการที่ครอบคลุมไปกว่านั้น Nitta กล่าวว่าการคำนึงถึงคนพิการเป็นเรื่องตั้งแต่กระบวนการผลิตไปถึงการบริโภค เขาจะทำให้โมเดลธุรกิจของ Uniqlo เป็นมิตรกับผู้พิการไปตลอดเส้นทาง นอกจากเรื่องของการจ้างงานแล้ว Uniqlo ยังเล็งที่จะสร้างธุรกิจที่คำนึงถึงคนพิการที่ครอบคลุมไปกว่านั้น Nitta กล่าวว่าการคำนึงถึงคนพิการเป็นเรื่องตั้งแต่กระบวนการผลิตไปถึงการบริโภค เขาจะทำให้โมเดลธุรกิจของ Uniqlo เป็นมิตรกับผู้พิการไปตลอดเส้นทาง โดยสิ่งที่ได้เริ่มทำไปแล้ว คือ ปรับปรุงร้าน Flagship 3 สาขาในญี่ปุ่นให้มีห้องลองเสื้อใหญ่ขึ้น และมีรถเข็นไว้รองรับลูกค้าที่เป็นผู้พิการ ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์เริ่มหันมาออกแบบสินค้าที่รองรับความต้องการคนพิการมากขึ้น ปรับปรุงร้าน Flagship 3 สาขาในญี่ปุ่นให้มีห้องลองเสื้อใหญ่ขึ้น และมีรถเข็นไว้รองรับลูกค้าที่เป็นผู้พิการ ปรับปรุงร้าน Flagship 3 สาขาในญี่ปุ่นให้มีห้องลองเสื้อใหญ่ขึ้น และมีรถเข็นไว้รองรับลูกค้าที่เป็นผู้พิการ ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์เริ่มหันมาออกแบบสินค้าที่รองรับความต้องการคนพิการมากขึ้น ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์เริ่มหันมาออกแบบสินค้าที่รองรับความต้องการคนพิการมากขึ้น
Uniqlo แบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่น มีนโยบาย จ้างงานคนพิการอย่างน้อยสาขาละ 1 คน เ สร้างโอกาสให้กับกลุ่มคนที่ถูกหลงลืม นำไปปรับใช้กับสาขาต่างๆ ในเอเชียเป็นหลัก เพราะการจ้างงานผู้พิการในจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่แพร่หลายเท่าญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่จ้างงาน แต่ต้องเป็นมิตรกับคนพิการไปตลอดทาง
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56281
Retail
กลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร?
null
กลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายแง่มุม ดังนี้ 1. เพิ่มโอกาสในการระดมทุน: ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ ๆ จากตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจค้าปลีกสามารถขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ธุรกิจค้าปลีกสามารถสร้างฐานผู้ลงทุนและเพิ่มมูลค่าบริษัท 2. เพิ่มโอกาสในการลงทุน: นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น นักลงทุนสามารถลงทุนในธุรกิจค้าปลีกที่มีศักยภาพ นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน 3. เพิ่มความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ: ธุรกิจค้าปลีกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลของธุรกิจค้าปลีกได้ง่ายขึ้น ธุรกิจค้าปลีกที่มีธรรมาภิบาลที่ดีจะดึงดูดนักลงทุน 4. กระตุ้นเศรษฐกิจ: ธุรกิจค้าปลีกที่มีเงินทุนสามารถขยายธุรกิจและสร้างงาน นักลงทุนมีรายได้จากเงินปันผลและกำไรจากการลงทุน เศรษฐกิจไทยเติบโต ตัวอย่าง: ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนขยายสาขา พัฒนาธุรกิจใหม่ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ธุรกิจค้าปลีกขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) สามารถเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) เพื่อขยายธุรกิจ พัฒนาสินค้าใหม่ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน นักลงทุนสามารถลงทุนในธุรกิจค้าปลีกผ่านกองทุนรวม ETF หรือซื้อขายหุ้นโดยตรง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (DW) ที่อ้างอิงกับดัชนีค้าปลีก เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนในธุรกิจค้าปลีกได้โดยไม่ต้องซื้อหุ้นรายตัว แนวทางสำหรับธุรกิจค้าปลีก: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ พัฒนาธุรกิจให้มีธรรมาภิบาลที่ดี สื่อสารข้อมูลให้กับนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สรุป: กลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายแง่มุม ธุรกิจค้าปลีกควรศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมเพื่อใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์นี้
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56292
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....การมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ
null
เสียงกระซิบจากห้างสรรพสินค้า ณ ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ใจกลางเมือง เสียงเพลงบรรเลงขับกล่อมบรรยากาศเงียบเหงา ผู้คนเดินผ่านร้านค้าต่างๆ สายตาจับจ้องสินค้าลดราคา ใบหน้าแฝงความกังวล "คุณแม่คะ หนูอยากได้ตุ๊กตาหมีตัวนั้น" เด็กหญิงวัย 5 ขวบกระซิบข้างหูแม่ สายตาจ้องมองตุ๊กตาหมีขนปุยสีชมพูวางบนชั้นวาง "อีกหน่อยนะลูก เดี๋ยวแม่มีเงินซื้อให้" แม่ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะพาลูกสาวเดินต่อไป พนักงานขายในร้านเสื้อผ้าก้มมองยอดขายที่ลดลงถอนหายใจ ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เคยคึกคัก เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม แต่หลังจากโรคระบาด COVID-19 ผู้คนเริ่มระมัดระวังการใช้จ่าย ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งต้องปิดตัวลง "เราจะอยู่รอดต่อไปได้ไหม?" พนักงานขายคนหนึ่งถามเพื่อนร่วมงาน "ฉันไม่รู้เหมือนกัน แต่เราต้องพยายามทำเต็มที่" เพื่อนร่วมงานตอบ ณ ห้องผู้จัดการ บรรดาผู้บริหารกำลังประชุมหารือหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ "เราต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย" ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าว "ผู้คนหันมาช้อปออนไลน์กันมากขึ้น เราจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ใหม่" "แต่เราจะทำอย่างไร?" ผู้บริหารอีกคนถาม "เราต้องสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ดึงดูดให้ผู้คนอยากมาห้างสรรพสินค้า" หลังจากการประชุม ผู้บริหารตัดสินใจปรับกลยุทธ์ใหม่ ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เริ่มมีกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น เช่น เวิร์คช็อป DIY นิทรรศการศิลปะ การแสดงดนตรี ร้านค้าต่างๆ ปรับรูปแบบการขาย นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น พนักงานขายได้รับการอบรมให้บริการลูกค้าด้วยรอยยิ้มและความเป็นมิตร เสียงเพลงบรรเลงในห้างสรรพสินค้าดังก้อง ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามา มีเด็กๆ วิ่งเล่น หัวเราะคิกคัก เสียงพูดคุยเจรจากับพนักงานขายดังแว่วมา "คุณแม่คะ หนูชอบที่นี่จัง" เด็กหญิงวัย 5 ขวบพูดกับแม่ "แม่ก็ชอบเหมือนกัน" แม่ยิ้ม ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยความกังวลกลายเป็นเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_56293
Retail
The Mall จัดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปลายปี2563อย่างไร
null
“เดอะมอลล์ กรุ๊ป” เตรียมกระตุ้นตลาดโค้งสุดท้ายของปีด้วยการทุ่มงบประมาณ 250 ล้านบาทเพื่อทำ 2 แคมเปญใหญ่ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2563-6 ม.ค. 2564 เพื่อทำยอดขายให้ได้ 50,000 ล้านบาทตามเป้า เร่งทำตลาดช่วงสุดท้าย วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น เพราะในไทยมีมาตรการต่างๆ จากภาครัฐเช่น เราเที่ยวด้วยกัน, คนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน ทำให้ผู้บริโภคกล้ากลับมาจับจ่าย ดังนั้นเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายในเวลาดังกล่าว เดอะ มอลล์ จึงทุ่มงบประมาณ 250 ล้านบาท จัดแคมเปญ “HAPPIER TOGETHER 2021” และ “THE MALL JOY OF GIVING HAPPY FACTORY” ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2563- 6 ม.ค. 2564 มีทั้งส่วนลด และของรางวัลพิเศษมากมาย สำหรับการจัดแคมเปญดังกล่าว เดอะ มอลล์ คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดผู้ใช้บริการในช่วงปลายปีเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเวลาปกติ และสามารถปิดยอดขายสิ้นปีได้ 50,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย แต่เพื่อรองรับกับสถานการณ์ค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลง ทางบริษัทจึงเปิด 7 กลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือเรื่องดังกล่าวประกอบด้วย Customer Experience สร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าด้วยหลากหลายกิจกรรม 1. Digitization : Gamification นำเทคโนโลยี และดิจิทัลในการทำการตลาดแบบครบวงจร ทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ เพื่อเข้าถึงความต้องการของฐานลูกค้าหลักของเรา คือลูกค้า M Card ซึ่งมีกว่า 4.2 ล้านราย และลูกค้า SCB M VISA ที่มีกว่า 8 แสนคน ได้อย่างใกล้ชิด 2. Omni-Channel : O2O Omni Channel Retailers นำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น มาเป็นตัวช่วยในการวาง แพลทฟอร์มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้มากที่สุด ครบทุกช่องทางที่สุด ทั้งทางออฟไลน์ ออนไลน์ เพื่อความ พึงพอใจสูงสุดของลูกค้า และก่อให้เกิดประสบการณ์แห่งการช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ (Seamless Shopping Experience) 3. Collaboration การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าเหมือนกัน ในการทำแคมเปญและกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งขยายฐานกลุ่มลูกค้ามากขึ้น การร่วมกับพันธมิตรแบรนด์สินค้า ร้านค้าทั้งในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า พันธมิตรทางสถาบันการเงินเพื่อมอบข้อเสนอพิเศษที่คุ้มค่าให้กับลูกค้า 4. Value Equation เน้นการมอบความคุ้มค่าในเรื่องสิทธิประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า และ พาร์ทเนอร์ Food / SME Marketing ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Food Destination และการจัด Food Event ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังสนับสนุนส่งเสริมกลุ่ม SME ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เปิดพื้นที่ให้กลุ่ม SME ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56306
Retail
ช่วยสรุปบทความ เซ็นทรัล รีเทลเผยยอดขายออนไลน์เติบโต 350% พร้อมกระตุ้นตลาด SALE ทุกเดือนยาวถึงสิ้นปี
เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เผยภาพรวมพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตสูง พร้อมทั้งจัดมหกรรม Central Retail Mega Sale ลดราคาทั้งหน้าร้านและเว็บไซต์ หวังกระตุ้นการใช้จ่ายให้เศรษฐกิจฟื้นตัว นิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของการเข้าสู่ยุค e-Commerce อย่างเต็มตัว ทำให้การใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของชาวไทยเพิ่มสูงขึ้นมาก แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ตลาด e-Commerce ไทย ก็ยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชัน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับและนาฬิกา เครื่องสำอาง อุปกรณ์เทคโนโลยี อุปกรณ์กีฬา และสินค้าประเภทซุปเปอร์มาเก็ต ส่วนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ยอดขายสินค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ของเซ็นทรัล รีเทล เพิ่มมากขึ้นทุกกลุ่ม ทำให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 350% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยในปีที่แล้วมีผู้ใช้งานซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ของเซ็นทรัล ประมาณ 1 ล้านราย แต่ในปีนี้คาดตัวเลขผู้ใช้งานจะเติบโตขึ้นเป็น 3 ล้านราย มหกรรมลดราคาจาก 9.9 ถึง 12.12 Double Mega Sale โดยในปีนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้จัดกิจกรรมลดราคา Central Retail Mega Sale เป็นการลดราคาทั้งที่หน้าร้าน และเว็บไซต์ออนไลน์เพื่อหวังกระตุ้นการใช้จ่าย โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่กิจกรรม 9.9 Double Mega Sale ในเดือนกันยายน, 10.10 ในเดือนตุลาคม, 11.11 ในเดือนพฤศจิกายน และ 12.12 ในเดือนธันวาคม ด้วยสินค้ากว่า 1 ล้านรายการ ลดราคาทั้งที่หน้าร้าน และช่องทางออนไลน์ เป็นการสร้างประสบการณ์ O2O คือออนไลน์สู่ออฟไลน์ โดย นิโคโล กาลันเต้ เล่าว่า กิจกรรมครั้งนี้ไม่ใช่แค่การลดราคา แต่เป็นการช่วยเหลือครอบครัวคนไทย ให้ประหยัดค่าค่าใช้จ่าย และลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือนลงได้ ด้านกำลังซื้อของคนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ลดลง แม้ตอนนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับไปสู่ระดับเดิมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเรื่องผลประกอบการมองว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ไตรมาส ส่วนการฟื้นตัวมองว่ามีความแตกต่างกันไปในหลายพื้นที่ พื้นที่ๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าพื้นที่อื่นๆ ที่มีคนไทยเป็นกลุ่มลูกค้า ที่จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วกว่า แม้ว่าตลาด e-Commerce ของเซ็นทรัล รีเทล จะมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 350% ด้วยสัดส่วนยอดขาย 10% จากที่เคยวางแผนว่าสัดส่วนยอดขายออนไลน์จะคิดเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมดของเซ็นทรัล รีเทล ภายในเวลา 3-5 ปี แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ในขณะนี้สัดส่วนยอดขายออนไลน์ใกล้จะถึง 15% แล้ว
เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เปิดเผยว่า ผู้บริโภคในประเทศไทยมีแนวโน้มการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา: - โดยมีการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นเช่น Central Retail Mega Sale เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจในยุค e-Commerce นาย นิโคโล กาลันเต้ ระบุว่าเป็นช่วงที่สำคัญในการย้ายไปยังธุรกิจออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ - ในช่วงโควิด-19, ตลาด e-Commerce ไทยเจริญรุ่งเรือง, โดยเฉพาะในหลายกลุ่มสินค้า เช่น เครื่องประดับ, แฟชัน, เครื่องสำอาง, นาฬิกา, เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์เทคโนโลยี และกีฬา ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา, - การซื้อของออนไลน์มีการเพิ่มขึ้น ยอดขายบนเว็บไซต์ของเซ็นทรัล รีเทลเติบโตถึง 350% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายละเอียดยอดขายของปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านรายในปีที่แล้ว เป็น 3 ล้านราย มหกรรมลดราคาจาก 9.9 ถึง 12.12 Double Mega Sale: - เซ็นทรัล รีเทล จัดกิจกรรม Central Retail Mega Sale เพื่อลดราคาทั้งที่ร้านและออนไลน์ ด้วยเหตุผลที่ต้องการกระตุ้นการใช้จ่าย มีกิจกรรมในทุกเดือน มีสินค้ามากกว่า 1 ล้านรายการ - นอกจากลดราคาแล้วยังเน้นที่ประสบการณ์ O2O คือออนไลน์สู่ออฟไลน์ กิจกรรมนี้ไม่เพียงแค่ลดราคา แต่ยังช่วยเหลือครอบครัวไทยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือน - นิโคโล กาลันเต้ เล่าว่า กำลังซื้อของคนลดลงในสถานการณ์โควิด-19 แม้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติของปีก่อน - ผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่มีความแตกต่างในหลายพื้นที่ โดยพื้นที่ท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวช้ากว่า ตลาด e-Commerce ของเซ็นทรัล รีเทล เติบโตมากถึง 350% แม้จะวางแผนว่าสัดส่วนยอดขายออนไลน์จะเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมดใน 3-5 ปี แต่ด้วยโควิด-19 สัดส่วนนี้ใกล้ถึง 15% แล้ว
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56311
Retail
ช่วยสรุปเรื่อง Wisesightเปิด 10 แบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียสูงสุดปี2020
บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลโชเชียล เปิดรายชื่อ 10 อันดับแรก แบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียสูงสุดครึ่งปีแรก 2020 ทั้งหมด 27 กลุ่มธุรกิจ จากเวที Thailand Zocial Awards ซึ่งถือเป็นครั้งแรกกับการเปิดโผแบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียสูงสุดครึ่งปีแรกด้วย เพื่อให้เห็นทิศทางและภาพรวมการใช้โซเชียลมีเดียของแบรนด์ต่างๆ โดยจาก 1,543 แบรนด์ที่ไวซ์ไซท์เก็บข้อมูล พบว่าแบรนด์มีการใช้ช่องทางในการสื่อสารมากกว่า 2 ช่องทางเพิ่มขึ้น เป็น 80% เติบโตขึ้น 11% จากปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปรับตัวของแบรนด์ในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ผ่านมาเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงให้สามารถเข้าไปอยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภคอีกด้วย โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาแบรนด์ต่างๆ ได้ผลิตคอนเทนท์มากถึง 610,072 คอนเทนท์ แบ่งเป็น Facebook 383,106 โพสต์ Twitter 67,714 ทวีต Instagram 126,214 โพสต์ และ YouTube 33,038 คอนเทนต์ สำหรับการจัดอันดับแบรนด์ในครั้งนี้ เป็นการเก็บข้อมูลจากช่องทางหลักของแบรนด์ต่างๆ จาก Facebook Instagram YouTube และ Twitter ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2020 และใช้ ZOCIAL METRIC ในการวัดผล โดยวัดผลใน 3 ด้านหลักๆ คือ Facebook Instagram YouTube Twitter 1 – 30 2020 ZOCIAL METRIC 3 อัตราการเติบโตของธุรกิจ (Business Growth) ที่จะดูในเรื่องของ การเติบโตของผู้ติดตาม การมีปฏิสัมพันธ์ ความน่าสนใจของแบรนด์ และการแนะนำแบรนด์ให้กับเพื่อน ความพึงพอใจของผู้บริโภค (Customer Satisfaction) ที่วัดผลในด้านความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์ (Sentiment) และความรวดเร็วในการตอบสนองของแบรนด์ต่อผู้ติดตาม สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ (Innovation) เป็นการดูที่เนื้อหาที่แบรนด์สื่อสาร โดยวัดความแปลกใหม่ในการสื่อสาร ซึ่งเป็นการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญของไวซ์ไซท์ อัตราการเติบโตของธุรกิจ (Business Growth) ที่จะดูในเรื่องของ การเติบโตของผู้ติดตาม การมีปฏิสัมพันธ์ ความน่าสนใจของแบรนด์ และการแนะนำแบรนด์ให้กับเพื่อน (Business Growth) ความพึงพอใจของผู้บริโภค (Customer Satisfaction) ที่วัดผลในด้านความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์ (Sentiment) และความรวดเร็วในการตอบสนองของแบรนด์ต่อผู้ติดตาม (Customer Satisfaction) (Sentiment) สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ (Innovation) เป็นการดูที่เนื้อหาที่แบรนด์สื่อสาร โดยวัดความแปลกใหม่ในการสื่อสาร ซึ่งเป็นการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญของไวซ์ไซท์ (Innovation) สำหรับรางวัลแบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมตามกลุ่มธุรกิจ (Best Brand Performance on Social Media) ที่แจกเป็นประจำในงาน Thailand Zocial Awards นั้น เป็นการมอบรางวัลคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากคนในแวดวงโซเชียลให้กับแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ และคนบันเทิง โดบเก็บรวบรวมข้อมูลตลอดปี 2020 นำมาวัดผล และจะมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งใครจะได้เป็นสุดยอดคนโซเชียลของแต่ละกลุ่มรางวัลนั้น สามารถติดตามข่าวและรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ https://thailand.zocialawards.com (Best Brand Performance on Social Media) Thailand Zocial Awards 2020 https://thailand.zocialawards.com https://thailand.zocialawards.com 10 อันดับแบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียสูงสุดในครึ่งปี 2020 10 2020 กลุ่มธุรกิจสายการบิน (Airline) Thai Airways Air Asia Thai Smile Bangkok Airways VietJet Nokair Lion Air กลุ่มธุรกิจยานยนต์ (Automobile) Toyota MG Honda Nissan Mitsubishi Mazda Mercedes Benz Ford GPX Bmw กลุ่มธุรกิจธนาคาร (Banking) Krungthai KBank SCB ธนาคารออมสิน Krungsri ธอส. CIMB THAI TMB ธ.ก.ส. LH Bank กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Beverage Alcohol) Chang World LEO Spy Wine Cooler SangSom Bannok Beer Singha Beerlao Full Moon MY BEER Carlsberg กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ (Beverage Non-Alcohol) Oishi Drink M-150 ICHITAN Khao Shong Coffee CarabaoDang Fanta Pepsi Nestlé Pure Life Vitaday Doi Kham กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง (Building and Design Material) TPI Polene TOA SCG ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จระเข้ Weber Jotun COTTO ยิปซัมตราช้าง INSEE กลุ่มธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Chain Restaurant) KFC The Pizza Company MK Mcdonald’s Bar B Q Plaza Jones Salad Pizza Hut Bonchon Burger King Texas Chicken กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค (Consumer Electronics) Samsung OPPO Vivo Huawei Xiaomi Nikon Asus Logitech MSI AOC กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Cosmetics) 4U2 Bobbi Brown Smooto Japan Mistine Cho Cute Press Oriental Princess Yves Rocher MAC L’oréal Paris กลุ่มธุรกิจสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Food Product) Lactasoy Dutchie Yoghurt Nestlé Ice Cream Vitamilk Wall’s Foremost CP-Meiji Almond Breeze Thai-Denmark Magnolia กลุ่มธุรกิจขนส่ง (Delivery Service Provider) foodpanda Kerry Express ไปรษณีย์ไทย Grab LINE MAN J&T Express GET Flash Express BEST EXPRESS Happy Fresh กลุ่มธุรกิจร้านขนมและเครื่องดื่ม (Dessert & Beverage Café) Starbucks Swensen’s Cafe’ Amazon Bearhouse Krispy Kreme Dairy Queen Auntie Anne’s S&P Häagen-Dazs Boncafe กลุ่มธุรกิจตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Marketplace) Shopee Lazada JD CENTRAL NocNoc Chillindo Konvy Zilingo LnwShop ShopAt24 WeMall กลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงิน (Financial Service Non-Bank) Krungsri First Choice TrueMoney Krungsri Auto Krungsri Credit Cards KTC Toyota Leasing AEON AirPay Dolfin Central The 1 กลุ่มธุรกิจทองคำและอัญมณี (Gold and jewelry) ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ห้างทองเพชรมังกร Aurora Shining Gold Jubilee LS Jewelry SWAROVSKI Prima PANDORA เพชรชมพู กลุ่มหน่วยงานรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ (Government & State Enterprise) กระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานประกันสังคม กรมควบคุมโรค สสส. Amazing Thailand สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ การไฟฟ้านครหลวง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและสำนักงาน (Home & Office Appliance) Carrier Sony LG Haier Hitachi Astina Hatari Masterkool Philips Daikin กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านและเฟอร์นิเจอร์ (Home Furnishing Retailer) Homepro Ikea Sb Design Square ไทวัสดุ Index Living Mall Dohome Global House บุญถาวร Koncept Baan & Beyond กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล (Hospital) โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลรามคำแหง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาการุณย์ โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กลุ่มธุรกิจประกัน (Insurance) ไทยประกันชีวิต เมืองไทยประกันชีวิต ประกันภัยไทยวิวัฒน์ AIA FWD เมืองไทยประกันภัย วิริยะประกันภัย ทิพยประกันภัย สินมั่นคงประกันภัย ไทยสมุทรประกันชีวิต กลุ่มธุรกิจสินค้าแม่และเด็ก (Mom & Baby) S-26 BABYLOVE MumMom Hi Q Dnee Lamoon Momy Bear Dumex Babi Mild Pumpnom กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Supermarket) 7-Eleven Tesco Lotus Tops Big C CP Freshmart Familymart Foodland Jiffy Makro Lawson108 กลุ่มธุรกิจสินค้าของใช้ส่วนตัว (Personal Care) Eucerin Dentiste’ Sunsilk Giffarine Senka Bennett Colgate Sparkle White Shokubutsu Vaseline กลุ่มธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัย (Property Developer) Sansiri Land and Houses SC Asset Singha Estate Pruksa Supalai Ap Thai Lalin Property Areeya Origin Property กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า (Shopping Mall) The Mall Iconsiam Central Department Store Central World Emporium Emquartier Fashion Island Seacon Square Siam Paragon Maya Chiang Mai Robinson กลุ่มธุรกิจสินค้าขนมและของหวาน (Snacks & Sweets) Koh Kae Lays Taokaenoi Sunsnack Playmore Dunkin’ Donuts Voiz Snackjack Julie’s มาชิตะ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม (Telecommunication) AIS TrueMove H dtac FINN MOBILE TrueOnline 3BB CAT NU Mobile TOT C Internet ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ครั้งแรก! Wisesight เปิดตัว Thailand’s Eat Industry Analysis In "PR News" โธธ โซเชียล โอบีว็อค รีแบรนด์ครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ ไวซ์ไซท์ ลุยตลาด APAC In "News" เปิดข้อมูลเกณฑ์การตัดสิน Thailand Social Awards แต่ละแบรนด์ได้รางวัลมาอย่างไร In "Article"
บริษัท ไวซ์ไซท์ เปิดรายชื่อ 10 แบรนด์ ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียสูงสุดครึ่งปีแรก 2020 วัดผลใน 3 ด้านหลักๆ - อัตราการเติบโตของธุรกิจ - ความพึงพอใจของผู้บริโภค - สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ กลุ่มธุรกิจสายการบิน (Airline) 1.Thai Airways 2. Air Asia 3.Thai Smile 4.Bangkok Airways 5.VietJet 6. Nokair 7.Lion Air กลุ่มธุรกิจยานยนต์ (Automobile) 1.Toyota 2.MG 3.Honda 4.Nissan 5.Mitsubishi 6.Mazda 7.Mercedes Benz 8.Ford 9.GPX 10.Bmw กลุ่มธุรกิจธนาคาร 1.Krungthai 2.KBank 3.SCB 4.ธนาคารออมสิน 5.Krungsri 6.ธอส. 7.CIMB THAI 8.TMB 9.ธ.ก.ส. 10.LH Bank และนอกจากนี้ยังมีการจัดอันดับกลุ่มอื่นๆอีกมากมาย
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56312
Retail
Cecil McBee คืออะไร
null
คือ Cecil McBee แบรนด์แฟชั่นชื่อดังญี่ปุ่นประกาศปิดสาขาหน้าร้านทั้งหมดกว่า 43 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 นอกจากนั้น Japan Imagination ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Cecil McBee จะทำการปิดสาขาหน้าร้านอีกหลายแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การดูแลกว่า 92 แห่ง รวมถึงปลดพนักงานกว่า 570 ราย อย่างไรก็ตาม มรสุมของ Cecil McBee เกิดขึ้นมาตั้งแต่การรุกหนักของแบรนด์แฟชั่นค้าปลีกระดับโลกอย่าง H&M และ Forever 21 มาสักพักแล้ว เพียงแต่รอบนี้เมื่อเจอกับวิกฤตโควิดที่ต้องปิดหน้าร้านหลายเดือน รวมถึงมาตรการรับมือกับการระบาดของโควิดรอบสองในญี่ปุ่น ทำให้ทางแบรนด์ไม่สามารถประคับประคองธุรกิจที่มีหน้าร้านต่อไปได้ Cecil McBee จะเปลี่ยนช่องทางการขายไปอยู่บนออนไลน์ทั้งหมด ที่มา – Nikkei Asian Review ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related H&M ประกาศปิดสาขา 250 แห่งทั่วโลก In "Article" ลาก่อน Godiva แบรนด์ช็อกโกแลตหรู สั่งปิดหน้าร้านทุกสาขาในสหรัฐอเมริกา In "Article" ล่มสลายต่อเนื่อง ผ่านไปเพียง 2 เดือน ค้าปลีกระดับโลกประกาศปิดสาขาแล้วกว่า 4,810 แห่ง In "Article"
null
Open QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56323
Retail
EIC มีข้อสังเกตว่าจำนวนร้านค้าในห้างสรรพสินค้าในช่วงแรกหลังเริ่มคลาย lockdown จะมีสัดส่วนค่อนข้างสูง โดยคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เว็นต์ของจำนวนการลงทะเบียนทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 12 จังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่
a. 31.0% b. 65.2% c. 25.4% d. 27.1% e. 52.1%
ข้อที่ถูกต้องได้แก่ b. เนื่องจาก เพราะ EIC มีข้อสังเกตว่าจำนวนร้านค้าในห้างสรรพสินค้าในช่วงแรกหลังเริ่มคลาย lockdown จะมีสัดส่วนค่อนข้างสูง ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 มีจำนวน 26,450 ร้านค้า คิดเป็นสัดส่วน 65.2% ของจำนวนการลงทะเบียนทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ และอีก 12 จังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่พบว่า สะท้อนถึงการที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ มีการเตรียมความพร้อมที่จะกลับมาเปิดบริการ ร้านค้าในห้างมีจำนวนเพิ่มขึ้นที่ 31.0% ข้อมูล ไทยชนะ.com และ TripAdvisor.com สะท้อนการเริ่มกลับมาดำเนินการให้บริการของหลายธุรกิจ โดย EIC เก็บข้อมูลจำนวนกิจการที่ลงทะเบียนจากการเชื่อมต่อ Application Program Interface (API) กับเว็บไซต์ไทยชนะ.com ในกรุงเทพฯ และอีก 12 จังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่พบว่า จำนวนกิจการที่ให้บริการในพื้นที่ดังกล่าว มีการลงทะเบียนรวมในวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 อยู่ที่ 70,425 กิจการ เพิ่มขึ้นจาก 40,537 กิจการ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ห้องพักที่เปิดให้จองออนไลน์บนเว็บไซต์ TripAdvisor.com เคยมีจำนวนลดลงไปสูงสุดที่ -52.1 เมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้น Lockdown เริ่มกลับมามีจำนวนข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในระยะหลัง อัตราติดลบน้อยลงเหลือ -27.1 สะท้อนให้เห็นว่าโรงแรมเริ่มกลับมาเปิดกิจการ โรงแรม 3 ดาวและ hostel ขณะที่โรงแรมระดับ 4 และ 5 ดาว ยังทรงตัวในระดับต่ำ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการพึ่งพาลูกค้าต่างชาติที่ยังมีข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ข้อมูลจาก JobsDB.com แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของการเปิดรับสมัครงานในธุรกิจท่องเที่ยวและ consumer retail ที่เริ่มกลับมาดำเนินการ EIC ได้ทำการ web scraping ข้อมูลจากเว็บไซต์ JobsDB.com มีประกาศรับสมัครงานเพิ่มขึ้น 11.0% เมื่อเทียบกับจำนวนก่อนคลาย lockdown ระยะหนึ่ง การเพิ่มขึ้นของธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว consumer retail เช่น เสื้อผ้า ค้าปลีก ที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงกว่าธุรกิจประเภทอื่นๆ อย่างไรก็ดี จำนวนประกาศรับสมัครงานโดยเฉลี่ยในภาพรวมยังต่ำกว่าระดับช่วงเริ่ม Lockdown อยู่ที่ -25.4%
null
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Retail_56334
Retail
กลุ่มเซ็นทรัลจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ โดยใช้กลยุทธ์ "Centrality" ได้อย่างไร
null
จากบทความ กลยุทธ์ "Centrality" มุ่งเน้นไปที่การให้อำนาจหน้าร้านจากทุกกลุ่มธุรกิจร่วมกันดูแล แก้ปัญหา ตลอดจนริเริ่มไอเดียใหม่ ๆ ที่เหมาะสมในพื้นที่ของตัวเองได้ กลยุทธ์นี้สามารถช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้ดังนี้ 1. เข้าใจความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น: -พนักงานหน้าร้านสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่นได้ดีกว่าสำนักงานใหญ่ -พนักงานสามารถปรับสินค้า บริการ และกิจกรรมต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น ตัวอย่าง: พนักงานหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าในย่านลาดพร้าวได้ดีกว่าสำนักงานใหญ่ พนักงานจึงสามารถปรับสินค้า บริการ และกิจกรรมต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในย่านนี้ เช่น การจัดกิจกรรมเกี่ยวกับสินค้าแฟชั่นสำหรับวัยรุ่น หรือ การจัดงานชิมอาหารท้องถิ่น 2. ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว: -พนักงานหน้าร้านสามารถตัดสินใจแก้ปัญหาและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรออนุมัติจากสำนักงานใหญ่ ตัวอย่าง: ลูกค้าท่านหนึ่งต้องการเปลี่ยนสินค้าที่ซื้อจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พนักงานหน้าร้านสามารถตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการเปลี่ยนสินค้าให้ลูกค้าได้ทันที โดยไม่ต้องรออนุมัติจากสำนักงานใหญ่ 3. สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร: -แต่ละหน้าร้านสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า -ประสบการณ์เหล่านี้จะดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ตัวอย่าง: ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม มีการจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย ซึ่งดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบศิลปะ 4. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในท้องถิ่น: -พนักงานหน้าร้านสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในท้องถิ่น -ความสัมพันธ์เหล่านี้จะสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ตัวอย่าง: พนักงานหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เชียงใหม่ รู้จักชื่อลูกค้าประจำและสามารถ แนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ 5. พัฒนาธุรกิจในท้องถิ่น: -กลยุทธ์ "Centrality" ช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลสามารถพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่น -กลุ่มเซ็นทรัลสามารถสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น และสร้างงานในท้องถิ่น ตัวอย่าง: กลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมมือกับเกษตรกรท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำสินค้าเกษตรมาวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เชียงใหม่ สรุป: กลยุทธ์ "Centrality" ช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้ โดยการเข้าใจความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในท้องถิ่น และพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่น
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56345
Retail
การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก (Retail) หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: การปิดสาขา: รัฐบาลหลายประเทศมีมาตรการปิดเมือง ห้ามประชาชนออกจากบ้าน ส่งผลให้ร้านค้าปลีกต้องปิดสาขา สูญเสียรายได้จากหน้าร้าน การลดลงของกำลังซื้อ: ผู้บริโภคมีรายได้ลดลง ประหยัดเงินมากขึ้น เลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น ส่งผลให้ยอดขายของร้านค้าปลีกชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ปัญหาการขนส่งสินค้า: การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์ เกิดปัญหาการขนส่งสินค้าล่าช้า ตัวอย่าง: ร้านขายเสื้อผ้า ร้านค้าต้องปิดสาขา สูญเสียรายได้จากหน้าร้าน ผู้บริโภคซื้อเสื้อผ้าออนไลน์มากขึ้น ร้านค้าต้องปรับกลยุทธ์ หันมาขายสินค้าออนไลน์ ข้อจำกัด: ร้านค้าปลีกบางประเภท เช่น ร้านขายอาหาร ร้านขายยา ยังคงเปิดให้บริการ ร้านค้าปลีกบางแห่งสามารถปรับตัว หันมาขายสินค้าออนไลน์ สรุป: การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างมาก ร้านค้าปลีกต้องปรับตัว หาทางออกเพื่อรับมือกับสถานการณ์ คำแนะนำ: ร้านค้าปลีกควรพัฒนากลยุทธ์ Omnichannel ลงทุนในเทคโนโลยี พัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด ปรับสินค้า บริการ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_56347
Retail
สถานการณ์ห้างในจีนเป็นอย่างไร หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศแล้ว และทางรัฐบาลจีนมีมาตรการยกเลิกคำสั่งปิดเมืองและกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกครั้ง
กลับมาเปิดใหม่ คนก็ไม่มา ห้างในจีนเปิดอีกครั้งหลังวิกฤตไวรัส ปรากฏลูกค้าหายเกินครึ่ง By Thongchai Cholsiripong -03/04/2020 Walmart in Shanghai Photo: Getty Images ภาพของหน้าร้านล่มสลายชัดขึ้นหลังวิกฤตไวรัส แม้ว่าวิกฤตไวรัสโควิด-19ในระดับโลกยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเมื่อไหร่ แต่ในประเทศจีนตอนนี้มีรายงานจากทางการแล้วว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศแล้ว ทางรัฐบาลจีนจึงมีมาตรการยกเลิกคำสั่งปิดเมืองและกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกครั้ง ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุว่า ปัจจุบันมีร้านอาหารกว่า 80% และพื้นที่ค้าขายทั่วจีนกว่า 90% กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว ประเด็นคือ แม้ว่าร้านค้าต่างๆ จะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้บริโภคยังไม่ออกจากบ้านมาซื้อของมากเท่าที่หลายฝ่ายคาดหวัง ดูได้จากตัวอย่างเหล่านี้ Walmart ในเซี่ยงไฮ้ที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่เมื่อไปสอบถามพนักงานที่ให้บริการในร้านว่ามีผู้บริโภคมาจับจ่ายซื้อของมากน้อยแค่ไหน ผลปรากฏว่า “ลูกค้าหายไปมากกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ” หรือแม้กระทั่งยอดขายบนออนไลน์ที่ซื้อสินค้าส่งแบบเดลิเวอรี่ก็ไม่เติบโตมากเท่าที่ควร Suning.com ร้านค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนรายนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อกลับมาเปิดหน้าร้านอีกครั้ง ยอดขายไม่ดี ตกต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงปกติ ผลสำรวจของ China Chain Store & Franchise Association พบว่า ยอดขายของห้างที่กลับมาเปิดใหม่กว่าครึ่งตกต่ำลง 30-70% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 คำถามคือ ทำไมคนยังไม่(กล้า)ออกจากบ้าน Nikkei Asain Review สัมภาษณ์พนักงานของห้าง Carrefour ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งให้ความเห็นว่า “ลูกค้าที่มาห้างแทบจะไม่ซื้ออะไรเลย นอกจากสินค้าลดราคา” ตอนนี้แม้ว่าวิกฤตไวรัสในจีนจะเบาบางลงไปมาก แต่หลายคนยังคงมีความหวาดกลัวต่ออนาคต โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ เพราะด้วยความไม่แน่นอนของสถานการณ์ และด้วยไม่รู้ว่าโควิด-19 จะส่งผลกระทบตามมาอีกระลอกจนทำให้อาจโดนปลดออกจากงานหรือไม่ จึงไม่แปลกที่ผู้คนส่วนใหญ่จะปรับตัวให้อยู่ในโหมดรัดเข็มขัด ประหยัดให้มากที่สุด แล้วธุรกิจอะไรที่อยู่รอด กำลังไปได้สวย ธุรกิจที่มาแรงในปัจจุบันคืออีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต Hema ที่ทำกลยุทธ์ New Retail มาตั้งแต่แรก โดยเชื่อมช่องทางทั้งออฟไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างมาก ซึ่งทางบริษัทแม่อย่าง Alibaba ก็ประกาศจะลงทุนเพิ่มและจะขยายสาขาอีกกว่า 200 แห่ง ส่วนอีกราบคือแอพพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ส่งอาหารเบอร์ 1 อย่าง Meituan Dianping ก็เติบโตอย่างมากในช่วงวิกฤตไวรัสที่ผู้คนออกจากบ้านไม่ได้ ล่าสุด บริษัทแม่อย่าง Tencent ประกาศว่าจะบุกเข้าสู่ตลาดค้าส่งอาหารสดด้วยแล้วเช่นกัน
ผู้บริโภคยังไม่ออกจากบ้านมาซื้อของมากเท่าที่หลายฝ่ายคาดหวัง ดูได้จากตัวอย่างเหล่านี้ - Walmart ในเซี่ยงไฮ้ที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่เมื่อไปสอบถามพนักงานที่ให้บริการในร้านว่ามีผู้บริโภคมาจับจ่ายซื้อของมากน้อยแค่ไหน ผลปรากฏว่า “ลูกค้าหายไปมากกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ” หรือแม้กระทั่งยอดขายบนออนไลน์ที่ซื้อสินค้าส่งแบบเดลิเวอรี่ก็ไม่เติบโตมากเท่าที่ควร - Suning.com ร้านค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนรายนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อกลับมาเปิดหน้าร้านอีกครั้ง ยอดขายไม่ดี ตกต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงปกติ ผลสำรวจของ China Chain Store & Franchise Association พบว่า ยอดขายของห้างที่กลับมาเปิดใหม่กว่าครึ่งตกต่ำลง 30-70% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2020
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56370
Retail
จงเสนอไอเดีย ธุรกิจในประเทศไทยที่เป็นดาวรุ่ง และ ดาวร่วง ในปี 2563 และนักการตลาดต้องปรับกลยุทธ์การตลาดรับปีชวดให้ไม่ชวดยอดขายได้อย่างไร
null
อสังหาฯดาวร่วงต่อเนื่อง สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นดาวร่วงในปี 2563 คือปัจจัยลบที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2561 ยังคงอยู่และมีปัจจัยลบตัวใหม่เข้ามาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น การออกมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย(แอลทีวี) ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงสถาบันการเงินเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้อัตราการปฎิเสธสินเชื่อปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่มาตรการแอลทีวี ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคปรับตัวลดลง บวกกับภาวะโอเวอร์ซัพพลายในตลาดคอนโดมิเนียม จึงเกิดการแข่งขันรุนแรงในตลาดอสังหาในปี 2562 และจัดต่อเนื่องไปถึงปี 2563 ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศมีการชะลอตัวต่อเนื่องทำให้แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปี 2563 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2562 ท่องเที่ยวรุ่งดันธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปี 2563 ยังคงสดใส โดยไทยยังคงหนึ่งเป็นเดสติเนชั่นสำคัญของนักท่องเที่ยว ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางเป้าหมายเชิงการตลาดในปี 2563 ไว้อย่างชัดเจน ในการรักษาตำแหน่งประเทศที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากเป้าหมายปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 41.8 ล้านคน สร้างรายได้เพิ่มเป็น 2.22ล้านล้านบาท นั่นหมายถึงโอกาสของธุรกิจภาคบริการที่จะเติบโตและเป็นดาวรุ่งอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจสุขภาพความงาม ซูเปอร์มาร์เก็ต E-Commerce สดใส จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ยอดขายของค้าปลีกปี 2563 น่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2.7-3.0 % เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่น่าจะขยายตัวประมาณ 3.1 % โดยค้าปลีกที่เจาะกลุ่มลูกค้าฐานรากและกำลังซื้อปานกลางลงล่างอย่างร้านค้าปลีกดั้งเดิมและไฮเปอร์มาร์เก็ต เป็น Segment ที่คาดว่าจะยังคงเผชิญข้อจำกัดของการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตและ E-Commerce ที่เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อปานกลางขึ้นบนยังคงมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าค้าปลีกใน Segment อื่นๆ โดย E-Commerce ในปี 2562 คาดการณ์ว่าจะปิดที่ มูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท หรือเติบโต 12% นิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าว่า คนไทยซื้อสินค้าจากอีคอมเมิร์ซ เพียงแค่ 5% เท่านั้น อีก 95% ยังชอบการซื้อจากหน้าร้านอยู่ และแนวโน้มอีก 3 ปีข้างหน้าสัดส่วนอีคอมเมิร์ซเพิ่มเป็น 7-8% เทรนด์ที่ต้องจับตาคือ E-Commerce is global เป็นการค้าไร้พรมแดนอยู่แล้ว แต่ในปี 2563 จะไม่ใช่แค่ข้ามภูมิภาค แต่จะเป็นการข้ามประเทศ จากผู้ประกอบการมาร์เก็ตเพลส 3 รายใหญ่ อย่าง ลาซาด้า ช้อปปี้ และเจดี ดอทคอม ที่มีจำนวน 74 ล้านชิ้นปี 2561 และเพิ่มเป็น 174 ล้านชิ้นในปี 2562 หรือสูงเพิ่มขึ้น 2.4 เท่าตัว ในจำนวนนี้มีสินค้าที่มาจากจีน 77% อีก 23 % เป็นผู้ผลิตในประเทศไทย สินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุมาแรง แนวโน้มประชากรผู้สูงอายุที่มีเพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยปี 2563 ผู้สูงอายุจะคิดเป็นสัดส่วน 20% ของประชากรไทย หรือราว 12.6 ล้านคน จึงเป็นโอกาสของธุรกิจอาหาร ที่อยู่อาศัย และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะเข้าไปทำตลาด เช่น อาหารชะลอความเสื่อมถอยของร่างกาย ไม่มีคลอเลสเตอรอล และไม่มีน้ำตาล ในด้านแฟชั่นเสื้อผ้าต้องการที่สวมใส่สบาย สเปรย์ปิดผมขาว สมาร์ทวอชเพื่อเตือนช่วงเวลากินยา หรือที่อยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ถูกออกแบบเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้สูงอายุไม่ต้องการอยู่บ้าน โอกาสของรถอเนกประสงค์เพื่อใช้งานนอกบ้าน รวมไปถึงธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและวัฒนธรรม รวมไปถึงธุรกิจการศึกษาสำหรับผู้สูงวัย
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56381
Retail
ช่วยสรุปบทความ ทำไม Nike ถึงยกเลิกการขายสินค้าผ่าน Amazon แล้วจากนี้กลยุทธ์ออนไลน์ Nike จะเป็นอย่างไร
ทำไม Nike ถึงบอกเลิกกับ Amazon เรื่องมีอยู่ว่า ในปี 2017 Nike ต้องการแก้ปัญหาสินค้าปลอมให้กับลูกค้า จึงนำเอาสินค้าไปผูกกับบริการ Amazon Retail ทำให้ลูกค้าเมื่อต้องการสินค้าของ Nike สามารถสั่งผ่าน Amazon ได้โดยตรง แต่ล่าสุด Nike มองว่ากลยุทธ์แบบนี้ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้ว เพราะเอาเข้าจริงการขายสินค้าโดยตรงให้กับลูกค้าในยุคนี้ Nike สามารถคุมได้เองแล้ว ไม่ต้องไปพึ่งคนอื่น/คนกลางแต่อย่างใด วิธีการแบบนี้เรียกว่าเป็น DTC หรือ Direct to Consumer ที่แบรนด์ในโลกยุคใหม่จะทำการตลาดโดยตรงกับผู้บริโภค ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง หนึ่งตัวอย่างที่โดดเด่นคือแบรนด์รองเท้าขนแกะ Allbirds การบอกเลิกของ Nike กับ Amazon ในครั้งนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่จริงๆ ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร ถ้าติดตาม Nike มาสักพักจะเห็นความเคลื่อนไหวไปในทำนองนี้อยู่แล้ว ปัญหาใหญ่สุดของ Nike บนแพลตฟอร์ม Amazon คือการไม่สามารถควบคุม Marketplace อย่าง Amazon ได้ ต้องทำตามกฎของเจ้าของแพลตฟอร์ม นอกจากนั้น ล่าสุด Nike ก็เพิ่งจ้างอดีตซีอีโอ eBay เข้ามาทำงานในบริษัท ความน่าสนใจของ Nike หลังจากนี้คือ กลยุทธ์ออนไลน์ของ Nike น่าจะดีขึ้นโดนที่ไม่ต้องพึ่งคนอื่นมากนัก เพราะทั้งแยกออกมาทำเอง ไม่พึ่ง Amazon และมีผู้บริหารที่เชี่ยวชาญมาร่วมทีมด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Nike จะยกเลิกการขายสินค้าโดยตรงกับ Amazon แต่ความสัมพันธ์ยังราบรื่นอยู่ เพราะ Nike บอกว่าจะยังใช้ Amazon Cloud (AWS) สำหรับบริการเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของแบรนด์ต่อไป ถึงที่สุดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรเข้าใจผิดคือ แม้ Nike จะยกเลิกการขายสินค้าโดยตรงกับ Amazon ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีสินค้าของ Nike อยู่บนแพลตฟอร์ม Amazon แต่อย่างใด เพราะจะมีคนเข้าไปขายอยู่แล้ว นักวิเคราะห์มองว่า การจะบอกเลิกกับ Amazon แล้วไม่กระทบยอดขายของตัวเอง ต้องเป็นเบอร์ใหญ่แบบ Nike เท่านั้น ถ้าลองเป็นรายเล็กๆ ที่ไม่ได้มีชื่อเสียง การบอกเลิกกับ Amazon คงจะส่งผลร้ายต่อแบรนด์อย่างแน่นอน ที่มา – Bloomberg ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related Nike เตรียมขาย sneakers ผ่าน Instagram ขยายตลาดเข้าถึงลูกค้าวัยรุ่น In "News" ยึดติดกับแบรนด์เดียวไม่ได้ หลังร้านรองเท้า Foot Locker เจ็บหนัก เพราะหวังยอดขาย Nike ไว้เยอะ In "News" รู้จัก John Donahoe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ Nike ที่เติบโตมาจากสายเทคฯ เต็มขั้น In "Knowledge"
ทำไม Nike ถึงบอกเลิกกับ Amazon Nike และ Amazon เคยทำพันธมิตรในปี 2017 เพื่อแก้ปัญหาสินค้าปลอม แต่ล่าสุด Nike เลือกไม่ต่อสัญญานี้อีก เนื่องจากพบว่ากลยุทธ์นี้ไม่ตอบโจทย์ในยุคปัจจุบัน ทำให้ Nike ตัดสินใจขายสินค้าโดยตรงถึงผู้บริโภคด้วยกลยุทธ์ DTC (Direct to Consumer) ที่ช่วยให้บริษัทควบคุมการขายสินค้าได้เองโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในโลกยุคใหม่ ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงโดดเด่นคือแบรนด์รองเท้า Allbirds Nike การยุติความร่วมมือกับ Amazon ไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่บริษัทได้ทำมาแล้ว ปัญหาหลักของ Nike ในการขายบน Amazon คือความไม่สามารถควบคุม Marketplace อย่าง Amazon ได้ จึงตัดสินใจแยกทางจาก Amazon นอกจากนั้น ล่าสุด Nike ก็เพิ่งจ้างอดีตซีอีโอ eBay เข้าร่วมทีมทำให้มีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมด้วย Nike ยกเลิกการขายสินค้าโดยตรงกับ Amazon แต่ยังใช้บริการ Amazon Cloud (AWS) สำหรับเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของตน นักวิเคราะห์คาดว่าการยกเลิกนี้ไม่ควรเข้าใจผิดว่าไม่มีสินค้า Nike บน Amazon เพราะยังมีผู้ขายที่ขายสินค้า Nike อยู่ การยกเลิกการขายสินค้าโดยตรงกับ Amazon อาจไม่กระทบยอดขายของ Nike ที่มีชื่อเสียง เช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเข้าใจผิด แต่สำหรับแบรนด์ที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก การยกเลิกกับ Amazon อาจส่งผลร้ายต่อแบรนด์นั้นได้
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56390
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....เทคโนโลยี IoT เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ร้านค้าปลีกอยู่รอดและเติบโตในยุคดิจิทัล
null
แสงสว่างแห่งอนาคต: บทเพลงแห่ง IoT ในร้านค้า ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร แสงไฟสว่างไสวจากตึกสูงระฟ้า สะท้อนให้เห็นถึงความคึกคักของเมืองหลวง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ร้านค้าปลีกต่างต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับโลกยุคดิจิทัล หนึ่งในนั้นคือ "ร้านขายของชำลุงจวน" ร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานกว่า 30 ปี ลุงจวน เจ้าของร้าน กำลังเผชิญกับปัญหาลูกค้าเริ่มน้อยลง ยอดขายตกต่ำ สู้กับร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ไม่ได้ วันหนึ่ง ลุงจวนได้พบกับ "นวล" นักศึกษาจบใหม่ ไฟแรง หัวใส เต็มไปด้วยไอเดีย นวลเสนอให้ลุงจวนนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในร้านค้า ลุงจวนงุนงง ไม่เข้าใจว่าเทคโนโลยีคืออะไร นวลอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็นว่า IoT ย่อมาจาก Internet of Things หมายถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต นวลยกตัวอย่างว่า ลุงจวนสามารถติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับสินค้าในร้าน เมื่อสินค้าใกล้หมด เซ็นเซอร์จะแจ้งเตือนลุงจวนอัตโนมัติ ช่วยให้ลุงจวนไม่ต้องเสียเวลาตรวจเช็คสินค้าด้วยตัวเอง นอกจากนี้ นวลยังแนะนำให้ลุงจวนติดตั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ ที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ช่วยให้ลุงจวนเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอสินค้าได้ตรงใจ ลุงจวนฟังแล้วรู้สึกสนใจ ตัดสินใจลองนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในร้าน ผลลัพธ์ที่ได้คือยอดขายของร้านเริ่มดีขึ้น ลูกค้าประทับใจกับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลุงจวนเองก็รู้สึกสบายขึ้น ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน นวลยังช่วยลุงจวนสร้างเว็บไซต์และเพจ Facebook ของร้าน เพื่อขยายช่องทางการขายสินค้า ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และรับสินค้าได้ที่หน้าร้าน หรือให้จัดส่งถึงบ้าน ร้านขายของชำลุงจวน กลายเป็นตัวอย่างของร้านค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จจากการนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ ลุงจวนรู้สึกขอบคุณนวลที่ช่วยให้ร้านของเขามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_56392
Retail
Uniqlo จะใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อเอาชนะความท้าทายในตลาดเกาหลีใต้
null
จากบทความ Uniqlo กำลังเผชิญกับความท้าทายในตลาดเกาหลีใต้ ยอดขายลดลง 40% จากปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากดราม่าระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ Uniqlo Uniqlo สามารถใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้เพื่อเอาชนะความท้าทายในตลาดเกาหลีใต้: 1. ฟื้นฟูภาพลักษณ์ของแบรนด์: - Uniqlo จำเป็นต้องขอโทษอย่างจริงใจต่อประชาชนชาวเกาหลีใต้ - Uniqlo ควรแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเกาหลีใต้ ตัวอย่าง: Uniqlo สามารถบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนองค์กรการกุศลในเกาหลีใต้ หรือ จัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 2. ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด: - Uniqlo ควรทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ - Uniqlo ควรพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ ตัวอย่าง: Uniqlo สามารถออกแบบสินค้าพิเศษสำหรับตลาดเกาหลีใต้ หรือ จัดโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ 3. เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง: - Uniqlo ควรพัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งในร้านค้าให้ดึงดูดใจผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ - Uniqlo สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในร้านค้า ตัวอย่าง: Uniqlo สามารถติดตั้งห้องลองเสื้อผ้าอัจฉริยะ หรือ นำเสนอบริการช้อปปิ้งออนไลน์แบบ personalized 4. ขยายช่องทางการจำหน่าย: - Uniqlo ควรขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น - Uniqlo สามารถเปิดร้านค้าในย่านที่มีศักยภาพ ตัวอย่าง: Uniqlo สามารถเปิดร้านค้าในย่านช้อปปิ้งยอดนิยม หรือ ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ 5. ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น: - Uniqlo สามารถร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ ตัวอย่าง: Uniqlo สามารถร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นเกาหลีใต้ หรือ ร่วมมือกับ influencer เกาหลีใต้ สรุป: Uniqlo สามารถเอาชนะความท้าทายในตลาดเกาหลีใต้ได้ โดยการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของแบรนด์ ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง ขยายช่องทางการจำหน่าย และร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56393
Retail
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยอย่างไร?
ค่าเงินบาทของไทยล่าสุดซื้อขายในตลาดโลกล่าสุดอยู่ที่ 30.33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 ปี ค่าเงินบาทไทยล่าสุดยังคงทำสถิติแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 30.330 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยสำนักข่าว Bloomberg ได้ออกบทความล่าสุดวันนี้ว่าค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าที่สุดแล้วในรอบ 6 ปี ในปีนี้นั้นค่าเงินบาทของไทยเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ ในทวีปเอเชียนั้น แข็งค่าไปแล้วเกือบๆ 7% ทำไมค่าเงินบาทแข็งค่า Goldman Sachs มองสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก “คนไทยซื้อขายทองคำ” ชาวต่างชาติที่อาศัยในไทยได้รับผลจากเงินบาทแข็งค่า เริ่มมองประเทศเพื่อนบ้านบ้างแล้ว ทำไมค่าเงินบาทแข็งค่า Goldman Sachs มองสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก “คนไทยซื้อขายทองคำ” ชาวต่างชาติที่อาศัยในไทยได้รับผลจากเงินบาทแข็งค่า เริ่มมองประเทศเพื่อนบ้านบ้างแล้ว สำหรับมุมมมองของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา และเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันนี้นั้น ทางคณะกรรมการได้ประเมินว่าค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยมากขึ้น แม้ว่าในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจะมีการอ่อนค่าตามการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่หลังจากนั้นค่าเงินบาทก็ได้แข็งค่าขึ้นตามค่าเงินเยนและราคาทองคำซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้ กนง. เริ่มเห็นสัญญาณผลกระทบต่อกำไรและสภาพคล่องของธุรกิจ ความสามารถในการชำระหนี้ การปรับลดอัตราจ้างงานล่วงเวลา และคณะกรรมการจึงเห็นควรให้ติดตามการปรับตัวดังกล่าวซึ่งหากเกิดขึ้นกระทบในวงกว้างอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของครัวเรือนที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการส่งออกและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ ขณะที่มุมมองจากบทวิเคราะห์ธนาคารกสิกรไทย มีมุมมองว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ โดยเสถียรภาพของไทยที่แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นจะยังทำให้ค่าเงินบาท เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของเอเชียในช่วงที่เศรษฐกิจโลกผันผวน บทวิเคราะห์ธนาคารกสิกรไทยยังมองเพิ่มว่า แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ ธปท. ที่จะยังล่าช้าเนื่องจาก ช่องว่างของนโยบายการเงิน (Policy Space) ที่มีอย่างจำกัดจะสนับสนุนเงินทุนไหลเข้า ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า ขณะที่สัญญาณความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอลงของเศรษฐกิจไทย และแนวโน้มการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาทของ ธปท. จะช่วยลดแรงกดดันต่อการแข็งค่าของเงินบาทลงได้บ้าง ไม่เพียงแค่นั้นในวันนี้ค่าเงินบาทที่ซื้อขายในตลาดโลกยังได้แตะระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 30.29 บาทต่อสหรัฐอีกด้วย โดยปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทยังเป็นแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจต้องหามาตรการที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมา ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้แนะนำให้ผู้ประกอบการของไทยทำประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ด้วย ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related หลุด 30 เรียบร้อยรับสิ้นปี ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 29.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว In "News" “สมคิด” ย้ำให้แบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาทใกล้ชิด หลังค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปีกว่า In "News" “แบงก์ชาติ” แจงค่าเงินแข็งค่าจนหลุด 30 บาทต่อดอลาร์ ชี้สาเหตุใหญ่มาจากสภาพคล่องต่ำ In "News"
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย ดังนี้ 1. ผลดี 1.1 ต้นทุนสินค้าที่นำเข้าถูกลง ธุรกิจค้าปลีกที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า เพราะสามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกลง ช่วยให้มีกำไรมากขึ้น หรือสามารถนำเสนอสินค้าในราคาที่ถูกลงให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขาย 1.2 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายเงินของตนได้คุ้มค่ามากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม ฯลฯ 2. ผลเสีย 2.1 สินค้าส่งออกมีราคาแพงขึ้น ธุรกิจค้าปลีกที่ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจะได้รับผลกระทบ negatively เพราะสินค้าของพวกเขามีราคาแพงขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าจากประเทศอื่น ส่งผลให้ยอดขายลดลง 2.2 แรงกดดันต่อธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ธุรกิจค้าปลีกที่เผชิญกับการแข่งขันสูงอาจจะต้องเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติมจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า เพราะสินค้าจากต่างประเทศมีราคาถูกลง ผู้บริโภคอาจจะหันไปซื้อสินค้าจากต่างประเทศแทนสินค้าในประเทศ โดยรวมแล้ว ผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อธุรกิจค้าปลีกจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของธุรกิจ กลุ่มลูกค้า โครงสร้างต้นทุน และกลยุทธ์การตลาด อย่างไรก็ตาม ธุรกิจค้าปลีกสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น -การกระจายความเสี่ยง ธุรกิจสามารถกระจายความเสี่ยงโดยการนำเข้าสินค้าจากแหล่งต่างๆ กัน หรือโดยการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ๆ -การปรับกลยุทธ์การกำหนดราคา ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน เช่น การเสนอส่วนลด การจัดโปรโมชั่น หรือการให้บริการเพิ่มเติม -การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อลดต้นทุน เช่น การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ธุรกิจค้าปลีกที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงได้ จะสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันและประสบความสำเร็จในระยะยาว
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56407
Retail
การท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในปี 2563 หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. การท่องเที่ยวไทยมีสัญญาณการฟื้นตัว: จำนวนนักท่องเที่ยว: - ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนไทยลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ตัวเลขนี้ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ - ในช่วงเดือนเมษายน 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนเริ่มฟื้นตัว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนไทยในปี 2563 จะอยู่ที่ 40 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยว: - ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ททท. คาดการณ์ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2563 จะอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท 2. ปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัว: การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค: - รัฐบาลไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค COVID-19 - สายการบินเริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินตรงมายังไทยมากขึ้น การส่งเสริมการท่องเที่ยว: - รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ค่าเงินบาท: - ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยว 3. ความเสี่ยง: การระบาดของ COVID-19: การระบาดของ COVID-19 ในประเทศอื่น ๆ ยังคงเป็นความเสี่ยงต่อการท่องเที่ยวไทย เศรษฐกิจโลก: เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยว 4. ผลกระทบต่อ Retail: การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก: - ห้างสรรพสินค้า - ร้านอาหาร - ร้านขายของที่ระลึก - ธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว 5. สรุป: การท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในปี 2563 ปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัว ได้แก่ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค การส่งเสริมการท่องเที่ยว และค่าเงินบาท ความเสี่ยงหลัก ได้แก่ การระบาดของ COVID-19 และเศรษฐกิจโลก การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก
null
Classification
cc-by-nc-4.0
Retail_56411
Retail
ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีก ผู้ประกอบการรายย่อยควรปรับตัวอย่างไรให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนหนาและทรัพยากรมากกว่าได้บ้าง
null
1. มุ่งเน้นไปที่ "จุดแข็ง" ของตัวเอง: สินค้าเฉพาะทาง: ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถสร้างจุดเด่นโดยนำเสนอสินค้าเฉพาะทางที่ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม หรือ เน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หาซื้อไม่ได้ทั่วไป บริการที่แตกต่าง: การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ให้ความสำคัญกับบริการลูกค้า ใส่ใจรายละเอียด มอบบริการที่เกินความคาดหมาย สร้างความประทับใจและความผูกพันกับลูกค้า ความสัมพันธ์กับลูกค้า: ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้า เข้าใจความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น รู้จักชื่อลูกค้า จำประวัติการซื้อสินค้า มอบคำแนะนำและบริการที่ตรงใจ 2. เทคโนโลยี: ใช้เครื่องมือออนไลน์: ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ เพิ่มช่องทางการขายสินค้า เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ และขยายฐานลูกค้า ใช้ระบบจัดการร้านค้า: การใช้ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ ช่วยให้จัดการสินค้า คำสั่งซื้อ สต๊อกสินค้า ลูกค้า การชำระเงิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา และลดต้นทุน ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ: การใช้เทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลการขาย พัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด และนำเสนอสินค้าที่ตรงใจลูกค้า 3. ร่วมมือกับพันธมิตร: จับมือกับธุรกิจอื่น: การร่วมมือกับธุรกิจอื่นในรูปแบบต่างๆ เช่น การรวมกลุ่มขายสินค้า การทำโปรโมชั่นร่วมกัน ช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ขยายฐานลูกค้า และสร้างโอกาสทางธุรกิจ เข้าร่วมโครงการส่งเสริม: การเข้าร่วมโครงการส่งเสริมจากภาครัฐหรือหน่วยงานต่างๆ ช่วยให้ได้รับความรู้ ทักษะ การสนับสนุนทางการเงิน และโอกาสในการขยายธุรกิจ 4. พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ: เรียนรู้เทรนด์ใหม่: การติดตามเทรนด์ใหม่ในธุรกิจค้าปลีก เทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัว พัฒนาธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที พัฒนาทักษะ: การพัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่น การจัดการธุรกิจ การตลาด การขาย การบริการลูกค้า ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. มองหาโอกาสใหม่: มองหาช่องทางขายใหม่: การมองหาช่องทางขายใหม่ เช่น ตลาดออนไลน์ ตลาดนัด ตลาดชุมชน ช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พัฒนาสินค้าใหม่: การพัฒนาสินค้าใหม่ นวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยสรุป: ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถปรับตัวให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ได้ โดยมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของตัวเอง เทคโนโลยี ร่วมมือกับพันธมิตร พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และมองหาโอกาสใหม่
null
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Retail_56414
Retail
ธนาคารกสิกรไทยจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือไม่? อธิบาย
เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ประชาชนก็หวังว่าธนาคารพาณิชย์จะลดอัตราดอกเบี้ยตาม ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ MOR MRR ลง 0.25% แล้วดอกเบี้ยเงินฝากจะลดลงไหม? *อัพเดท ธนาคารกรุงไทย ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ MOR MRR ลง 0.25% เริ่มใช้ 15 ส.ค. 2562 ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศลดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ลง 0.25% มาอยู่ที่ 7.12% และส่วนดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.125% มาอยู่ที่ 6.745% MRR ลง 0.25% มาอยู่ที่ 7.12% และส่วนดอกเบี้ย MOR ลด ลง 0.125% มาอยู่ที่ 6.745% กนง. ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 1.5% หลังเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าคาด กนง. ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 1.5% หลังเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าคาด กนง. ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 1.5% หลังเศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าคาด กสิกรปักธงลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% เริ่มพรุ่งนี้ ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า วันที่ 15 ส.ค. 2562 ทางธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในดอกเบี้ย 2 ประเภท ได้แก่ MOR และ MRR จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.12% เหลือ 6.87% ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า วันที่ 15 ส.ค. 2562 ทางธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในดอกเบี้ย 2 ประเภท ได้แก่ MOR และ MRR จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.12% เหลือ 6.87% ทั้งนี้การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง และเพื่อสนับสนุนภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจะลดภาระผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อย ทั้งนี้การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อ ตอบสนองต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง และเพื่อสนับสนุนภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจะลดภาระ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อย ดอกเบี้ย MOR MRR คืออะไร? MOR (Minimum Overdraft Rate) คืออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี MRR (Minimum Retail Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย MOR (Minimum Overdraft Rate) คืออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี MRR (Minimum Retail Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย MRR (Minimum Retail Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ทำไม 6 ธนาคารต้องพร้อมใจลดดอกเบี้ยเงินกู้ แล้วดอกเบี้ยเงินฝากจะลดลงไหม? In "Analysis" SCB ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.25% – MOR 0.125% มีผล 15 ส.ค. เป็นต้นไป In "News" มาแล้ว กลุ่มธนาคารไทยเริ่มลดดอกเบี้ย เงินกู้ เงินฝาก หลังแบงก์ชาติประกาศลดดอกเบี้ย In "News"
ธนาคารกสิกรไทยมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แต่การลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอาจไม่มากเท่ากับการลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เหตุผลที่สนับสนุน -ธนาคารกสิกรไทย ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR และ MRR ลง 0.25% เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นการส่งเสริมให้ลูกค้ากู้ยืมเงินมากขึ้น ธนาคารกสิกรไทยจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อดึงดูดเงินฝากจากประชาชนมาให้เพียงพอต่อการปล่อยสินเชื่อ -ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ หลายแห่ง เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา -ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย ฯลฯ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ตามการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารกสิกรไทยจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน -เศรษฐกิจไทย กำลังชะลอตัว ธนาคารกสิกรไทยจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก การลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการและประชาชน กระตุ้นให้ผู้คนใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Retail_56417
Retail
ช่วยสรุปบทความเรื่อง "ชวนฟัง Brand Inside Podcast พอดแคสต์เล่าข่าวธุรกิจแบบสนุก เข้าใจง่าย ได้สาระ" ให้หน่อยสิคะ
Podcast หรือ พอดแคสต์ ว่ากันตามจริงแล้วถ้าเทียบกับในอดีตเหมือนรายการวิทยุ ที่ผู้จัด จะหยิบยกเรื่องราวที่น่าสนใจมาพูดคุย ให้สาระความรู้และความบันเทิงกับผู้ฟัง โดยสามารถฟังได้ทุกเวลาที่ต้องการ ระหว่างเดินทาง ขณะออกกำลังกาย หรือเปิดเป็นเพื่อนตอนอยู่บ้าน ในต่างประเทศ Podcast ได้รับความนิยมในวงกว้าง มีรายการมากมายหลายรูปแบบ เรียกว่าเปิดกว้างให้ใครก็สามารถทำรายการได้ และแน่นอนว่า Brand Inside ในฐานะสำนักข่าวที่นำเสนอข่าวด้านธุรกิจและการเงิน ก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน Brand Inside เริ่มชิมลางทดลองทำ Podcast ในชื่อ Brand Inside Podcast ครั้งแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งหมด 11 EP. ถือเป็น Season 1 ที่เราหยิบข่าวที่น่าสนใจมาบอกเล่าให้กับทุกคนได้ฟังบนแนวคิดที่ต้องการเล่าข่าวให้สนุก ฟังง่าย ได้สาระ ปัจจุบัน Brand Inside Podcast อยู่ระหว่าง Season 2 และยังคงจัดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 EP. ในทุกวันพุธ และ ศุกร์ เนื้อหาสาระจะเน้นเรื่องราวของธุรกิจ เบื้องหลังการทำธุรกิจ บวกความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ เรื่องราวในต่างประเทศที่น่าสนใจ ยกตัวอย่าง EP. เด็ดๆ ที่อยากให้ลองฟังกัน Brand Inside Podcast รวมทุกตอน ค้าปลีกไทย ถึงขั้นวิกฤติแล้วหรือยัง? | BI Podcast Trade War สงครามการค้า สหรัฐ-จีน ความชัดเจนกับอนาคตหลังจากนี้ | BI Podcast ฮ่องกง การประท้วงใหญ่ กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน และอนาคตที่จะเกิดขึ้น | BI Podcast “กัญชา” ในไทย ทำไมถึงฮิต | BI Podcast ถึงเวลาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้วหรือยัง? | BI Podcast Brand Inside Podcast รวมทุกตอน ค้าปลีกไทย ถึงขั้นวิกฤติแล้วหรือยัง? | BI Podcast Trade War สงครามการค้า สหรัฐ-จีน ความชัดเจนกับอนาคตหลังจากนี้ | BI Podcast ฮ่องกง การประท้วงใหญ่ กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน และอนาคตที่จะเกิดขึ้น | BI Podcast “กัญชา” ในไทย ทำไมถึงฮิต | BI Podcast ถึงเวลาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้วหรือยัง? | BI Podcast สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองฟัง Podcast อยากให้ลองเปิดฟังจะเป็นรายการไหนก็ได้ ถ้าสนใจติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ เรื่องเด่นๆ ในต่างประเทศ แนะนำให้ลอง Brand Inside Podcast ส่วนใครที่ฟัง Podcast เป็นประจำอยู่แล้ว มาลองฟัง Brand Inside Podcast รับรองว่า จะรู้เรื่องราวธุรกิจที่น่าสนใจ เข้าใจความเป็นไปและความเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องดู แค่ฟังก็รู้เรื่องแล้ว ฝากติดตาม Brand Inside Podcast ได้ผ่านช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย Brand Inside Podcast Brand Inside Podcast ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ชวนฟัง Krungsri Plearn เพลิน PODCAST เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่าย ฟังได้เพลินๆ In "Article" รวิศ หาญอุตสาหะ: รู้หรือไม่ว่าคนไทยฟัง Podcast สูงมาก แต่ส่วนใหญ่เปิดจาก YouTube ต่างหาก In "Article" รู้จัก ‘Bulletin’ บริการใหม่จาก Facebook สร้างพื้นที่ให้นักเขียนอิสระหารายได้ In "Article"
Podcast หรือ พอดแคสต์ ว่ากันตามจริงแล้วถ้าเทียบกับในอดีตเหมือนรายการวิทยุ เนื่องจากผู้จัดสามารถสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจให้กับผู้ฟังได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นขณะเดินทาง ออกกำลังกาย หรืออยู่บ้าน รูปแบบของ Podcast มีความหลากหลายและสามารถถูกสร้างโดยใครก็ได้ สำหรับ Brand Inside, ที่เป็นสำนักข่าวด้านธุรกิจและการเงิน, ได้ทดลองทำ Podcast ชื่อ Brand Inside Podcast ซึ่งมี Season 1 ทั้งหมด 11 ตอน โดยเนื้อหาเน้นที่ธุรกิจ เบื้องหลังการทำธุรกิจ และความคิดเห็นทางธุรกิจ โปรแกรมยังคงมีต่อใน Season 2 และออกอากาศสัปดาห์ละ 2 ตอนในทุกวันพุธและศุกร์ โดยยังคงเน้นเรื่องราวของธุรกิจ และเสนอความเห็นทางธุรกิจในมุมต่าง ๆ โดยตัวอย่างของตอนที่น่าสนใจมีหัวข้อเช่น "ค้าปลีกไทย ถึงขั้นวิกฤติแล้วหรือยัง?" และ "Trade War สงครามการค้า สหรัฐ-จีน ความชัดเจนกับอนาคตหลังจากนี้" ซึ่งเป็นตัวอย่างของเนื้อหาที่น่าสนใจสำหรับผู้ฟังที่สนใจเรื่องธุรกิจและเศรษฐกิจ ถ้าคุณยังไม่เคยฟัง Podcast, Brand Inside Podcast อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเริ่มต้น และสำหรับผู้ที่เป็นสาย Podcast อยู่แล้ว, ก็ควรติดตาม Brand Inside Podcast เพื่อรับข้อมูลทางธุรกิจที่น่าสนใจและอัพเดตล่าสุดได้ทุกสัปดาห์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวถึงในข้อความ เช่น Facebook ของ Brand Inside Podcast.
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56418
Retail
สรุปบทความเรื่อง Alibaba เข้าไปให้บริการในสหรัฐอเมริกา ให้หน่อย
บุกอเมริกา ส่งโมเดล B2B ดึงธุรกิจขนาดกลางลงแพลตฟอร์ม Alibaba แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน เข้าไปให้บริการในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยเริ่มต้นจากโมเดล B2B เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลาง (SMBs) ในสหรัฐอเมริกาที่มีจำนวนมากกว่า 30 ล้านราย เชื่อมต่อกับผู้ซื้อ-ผู้ขายทั่วโลกของ Alibaba ที่อ้างตัวเลขว่ามีผู้ใช้งานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านรายในกว่า 190 ประเทศ ตลาด B2B มีมูลค่าสูงมาก ตัวเลขที่มีระบุว่า ตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 23.9 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ส่วนตลาดอีคอมเมิร์ซมีมูลค่าอยู่ที่ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ (ข้อมูลปี 2016) การเดิมเกมรุกของ Alibaba ในสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ อธิบายง่ายๆ คือ ก่อนหน้านี้ลูกค้าของ Alibaba ในสหรัฐอเมริกาทำได้เพียง “ซื้อ” ของบนแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่หลังจากการประกาศครั้งนี้ลูกค้าของ Alibaba จะสามารถ “ขาย” ของบนแพลตฟอร์มได้ด้วย การขายของบนแพลตฟอร์ม Alibaba ได้ก็หมายความว่า สามารถขายสินค้าให้กับผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา จีน หรือที่ใดๆ ในโลกก็ได้ เท่าที่แพลตฟอร์มของ Alibaba จะเข้าถึง แน่นอนว่า พี่ใหญ่ของตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐอเมริกาคือ Amazon โดยมีผู้ค้าขนาดกลางบนแพลตฟอร์มกว่า 500,000 ราย การเดินเกมบุกของ Alibaba ในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าไปท้าทายเจ้าถิ่นถึงที่
Alibaba เข้าไปให้บริการในอเมริกา เริ่มต้นจากโมเดล B2B เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลาง (SMBs) ในอเมริกาที่มีจำนวนมากกว่า 30 ล้านราย เชื่อมต่อกับผู้ซื้อ-ผู้ขายทั่วโลกของ Alibaba ก่อนหน้านี้ลูกค้าของ Alibaba ในอเมริกาซื้อของผ่านได้แพลตฟอร์มเท่านั้น แต่หลังจากนี้จะสามารถขายของบนแพลตฟอร์มได้ด้วย
null
Summarization
cc-by-nc-4.0
Retail_56430
Retail
จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ธุรกิจค้าปลีกในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้า
null
กลิ่นหอมกรุ่นจากกลยุทธ์ใหม่: ศึกกาแฟในแดนมังกร ท่ามกลางแสงไฟสลัวในยามเช้าตรู่ กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟคั่วบดลอยฟุ้งภายในตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงปักกิ่ง เสียงพนักงาน Starbucks กำลังง่วนอยู่กับการชงกาแฟแก้วโปรดให้ลูกค้าประจำที่ทยอยเข้ามาเติมความสดชื่นก่อนเริ่มต้นวันใหม่ ทว่า เช้านี้บรรยากาศภายในร้านดูคึกคักกว่าปกติ เพราะมีแขกผู้มาเยือนคนสำคัญ นั่นคือ คุณหลิน ผู้จัดการฝ่าย Retail Innovation ของ Alibaba คุณหลิน เดินตรงไปที่ คุณหวัง ผู้จัดการสาขา Starbucks แห่งนี้ ทั้งสองยิ้มทักทายกันอย่างคุ้นเคย “คุณหลิน เชิญทางนี้เลยค่ะ” คุณหวังกล่าวพร้อมนำทางไปยังโซนใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ “นี่คือ Star Kitchen โซนที่เราพัฒนาร่วมกับ Alibaba ค่ะ” คุณหวังอธิบาย “ลูกค้าสามารถสั่งกาแฟผ่านแอป Ele.me ของ Alibaba และมารับที่ตู้ Self-Serve Kiosk นี้ได้เลย โดยไม่ต้องรอคิว” คุณหลินพยักหน้าอย่างสนใจ “น่าสนใจมากค่ะ เทคโนโลยีนี้ช่วยลดเวลาการรอคิวและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการได้อย่างมาก” “ใช่ค่ะ และที่สำคัญคือ ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว” คุณหวังกล่าวต่อ “โซน Star Kitchen นี้ได้รับการตอบรับดีมาก ยอดขายของเราเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา” คุณหลิน รู้สึกประทับใจกับกลยุทธ์ใหม่นี้ของ Starbucks เป็นอย่างมาก เธอมองเห็นศักยภาพของการผสานผสานเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีก “นี่คือตัวอย่างที่ดีของ New Retail ค่ะ” คุณหลินกล่าว “การผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยให้ Starbucks เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น” คุณหวัง ยิ้มอย่างภูมิใจ “เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับ Alibaba ค่ะ เรามั่นใจว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยให้ Starbucks รักษาความเป็นผู้นำในตลาดกาแฟจีนได้” ในขณะเดียวกัน ฝั่งตรงข้ามถนน คู่แข่งสำคัญอย่าง Luckin Coffee ก็ไม่น้อยหน้า กำลังเดินหน้าขยายสาขาอย่างรวดเร็ว และเตรียมนำเสนอบริการเดลิเวอรี่ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ศึกกาแฟในแดนมังกรกำลังดุเดือด Starbucks จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีกอย่างลงตัว เพื่อรักษาฐานลูกค้าและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดกาแฟจีน
null
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Retail_56440
Retail
ธนาคารมีกลยุทธ์อะไรบ้างในการดึงดูดลูกค้า SME ผ่านช่องทางออนไลน์?
ธุรกิจ SME มีปัญหามาท้าทายความสามารถตลอดเวลาทั้งเรื่องเงิน ระบบงาน การคุมต้นทุนสินค้า หรือการหาคู่ค้าใหม่ๆ พอดีกับฝั่งธนาคารหลายแห่งหันมาออกแอปพลิเคชั่น บริการใหม่ๆ ให้ SME ทำธุรกิจง่ายขึ้นแต่เพื่ออะไร? สงคราม Digital Lending แบงก์ปล่อยกู้ออนไลน์ ง่ายขึ้น-ดอกเบี้ยถูก-หนี้เสียต่ำจริงหรือ? ฟัง Podcast เรื่อง Digital Lending ได้ ที่นี่ สงคราม Digital Lending แบงก์ปล่อยกู้ออนไลน์ ง่ายขึ้น-ดอกเบี้ยถูก-หนี้เสียต่ำจริงหรือ? สงคราม Digital Lending แบงก์ปล่อยกู้ออนไลน์ ง่ายขึ้น-ดอกเบี้ยถูก-หนี้เสียต่ำจริงหรือ? ฟัง Podcast เรื่อง Digital Lending ได้ ที่นี่ ธนาคารแข่งให้สินเชื่อ SME หนุนลูกค้ามีสภาพคล่องหมุนธุรกิจ ธุรกิจธนาคารแข่งกันให้สินเชื่อลูกค้า SME เพราะเป็น Segment ที่มีกำไรมากกว่าลูกค้ารายใหญ่ ปัจจุบันดอกเบี้ยสินเชื่อธุรกิจของรายใหญ่มักอยู่ที่หลักเดียว (เช่น 3-6% ต่อปี) แต่ดอกเบี้ยสินเชื่อ SME มีตั้งแต่ 9-15% ต่อปี ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ปัจจุบัน SME บางส่วนใช้สินเชื่อบัตรกดเงินสด หรือบัตรเครดิตดอกเบี้ย 18% มาใช้ในธุรกิจ ทว่าเมื่อแบงก์ต้องการผลตอบแทนสูงขึ้นก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงขึ้น ต้องขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย ช่องทางออนไลน์กลายเป็นหนทางในการเข้าถึง SME ทั้งลูกค้าเดิมที่มีบัญชีอยู่แล้ว เพราะธนาคารเห็นพฤติกรรมการรับ-จ่ายเงินของ SME ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์มากเมื่อธนาคารต้องติดตามหนี้ หรือเสนอสินเชื่อให้เพิ่ม ทั้งนี้ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งขยายฐานสินเชื่อ SME บน Platform ออนไลน์ เช่น ธนาคารกสิกรไทย ใช้ระบบ AI ส่งข้อเสนอสินเชื่อให้ลูกค้า SME เมื่อลูกค้ากดรับสินเชื่อจะได้เงินโอนเข้าบัญชีใน 1 นาที) ธนาคารไทยพาณิชย์ มีสินเชื่อเจาะกลุ่มแม่ค้าออนไลน์ร่วมกับ Lazada ชื่อ แม่มณีศรีออนไลน์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีสินเชื่อ Car for cash ให้ลูกค้า SME ขอสินเชื่อผ่านเว็บไซด์ ธนาคารกสิกรไทย ใช้ระบบ AI ส่งข้อเสนอสินเชื่อให้ลูกค้า SME เมื่อลูกค้ากดรับสินเชื่อจะได้เงินโอนเข้าบัญชีใน 1 นาที) ธนาคารไทยพาณิชย์ มีสินเชื่อเจาะกลุ่มแม่ค้าออนไลน์ร่วมกับ Lazada ชื่อ แม่มณีศรีออนไลน์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีสินเชื่อ Car for cash ให้ลูกค้า SME ขอสินเชื่อผ่านเว็บไซด์ นอกจากนี้ธนาคารส่วนใหญ่จับมือกับ Startup บริษัทเทคโนโลยี เครือข่ายโลจิสติกส์ โปรแกรมบัญชี โปรแกรมบริหารคลังสินค้า ฯลฯ เพราะปัจจุบันการแข่งขันเป็นบัญชีหลักของ SME (บัญชีที่เห็นการเข้าออกของเงินในบริษัท) และ SME มักเลือกใช้บริการที่คุ้มค่ามากกว่าดูแค่เรื่องดอกเบี้ย และพนักงานที่ดูแลสินเชื่อ เลยต้องเพิ่มบริการใหม่ให้ลูกค้าเสมอ ซึ่งยังเป็นช่องทางให้ธนาคารได้ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลธุรกิจ เพื่อวิเคราะห์ ธนาคารไซซ์กลางจับพาร์ทเนอร์ออกแอปฯ ใหม่เข้าถึงลูกค้า SME อย่างไรก็ตามบางธนาคารต้องการเข้าถึงตัว และข้อมูลลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เมื่อฐานลูกค้าเดิมในแบงก์ไม่เยอะมาก ต้องร่วมกับพันธมิตรเจ้าอื่นเพิ่มบริการให้มากขึ้น ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้งาน อย่างธนาคารยูโอบี ล่าสุดเปิดตัวแอปพลิเคชั่น MatchLink ร่วมกับบริษัทด้านข้อมูลอย่าง บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) หรือ BOL เพื่อขยายฐานลูกค้า SME ที่มียอดขายไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ฐานข้อมูลที่ BOL มีอยู่และเปิดให้ SME ลงทะเบียนใช้บริการได้ฟรีคือ บริษัทที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาการค้าธุรกิจ 1.6 ล้านบริษัท เช่น ชื่อบริษัท ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ งบการเงิน ฯลฯ ข้อดีคือช่วย SME หาคู่ค้า Supply chain ขยายลูกค้าก็ทำได้ อย่างไรก็ตามหาก SME ต้องการข้อมูลธุรกิจเฉพาะที่ลึกกว่าน้ี BOL สามารถเสนอบริการขายข้อมูลอื่นๆ ได้ การจับมือระหว่างธนาคารและบริษัทข้อมูลถือเป็นกลยุทธ์ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย สยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารยูโอบี (UOB) บอกว่า การปล่อยสินเชื่อออนไลน์กลุ่ม SME เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้สินเชื่อ SME ของธนาคารยังเติบโต คาดว่าสิ้นปี 2019 นี้ยอดสินเชื่อ SME Retail (ยอดขายไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อปี) ใหม่จะอยู่ที่ 20,000 ล้านบาทเติบโต 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากนี้จะออกโปรดักส์ให้ลูกค้า SME สามารถกู้เงินออนไลน์ได้ โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันข้อดีคือ อัตราดอกเบี้ยจะถูกลงได้อีกเพราะการมีหลักทรัพย์ค้ำประกันทำให้ความเสี่ยงเป็นหนี้สูญลดลง สรุป สุดท้ายแล้วไม่ว่าธนาคารจะให้สินเชื่อ SME ได้มากขึ้น แต่หากคุมหนี้เสียหรือ NPL ไม่ได้ จะกลายเป็นตัวถ่วงสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร เลยเป็นโจทย์ใหญ่ว่าแบงก์จะเข้าถึงข้อมูลลูกค้า และช่วยแก้ปัญหาเพื่อให้ SME มีเงินจ่ายค่างวดหรือชำระหนี้ ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related SME อยู่เป็น! ต้องคุมกระแสเงินสดได้-ใช้สินเชื่อให้ถูกจุด In "Featured" ศึกใหญ่ธนาคารดึงลูกค้าเอสเอ็มอี TMB ชู 3 กลยุทธ์รุกหนักภาคตะวันออก In "News" SCB เอาใจแม่ค้าออนไลน์จับมือ Lazada อนุมัติสินเชื่อภายใน 15 นาที ดอกเบี้ยเริ่ม 1.59% เดือน In "News"
ธนาคารมีกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้า SME ผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย ดังนี้ 1. พัฒนาแอปพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มออนไลน์: -ธนาคารพัฒนาระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจากบัญชีหลัก ช่วยให้เสนอสินเชื่อที่ตรงกับความต้องการของ SME -ธนาคารพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย เช่น แอป MatchLink ของธนาคารยูโอบี ร่วมกับ BOL ช่วยให้ SME หาคู่ค้าและขยายฐานลูกค้า -ธนาคารพัฒนาระบบออนไลน์ที่ช่วยให้ SME ขอสินเชื่อได้สะดวกรวดเร็ว เช่น ธนาคารกสิกรไทยอนุมัติสินเชื่อ SME ภายใน 1 นาที -ธนาคารพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เชื่อมต่อ SME กับบริการอื่นๆ เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรมบริหารคลังสินค้า 2. ร่วมมือกับพันธมิตร: -ธนาคารจับมือกับ Startup บริษัทเทคโนโลยี เครือข่ายโลจิสติกส์ โปรแกรมบัญชี โปรแกรมบริหารคลังสินค้า ฯลฯ -ธนาคารจับมือกับบริษัทข้อมูล เช่น BOL เพื่อเข้าถึงข้อมูลลูกค้า SME กลุ่มใหม่ -ธนาคารจับมือกับ Marketplace ออนไลน์ เช่น Lazada เพื่อเสนอสินเชื่อให้กับแม่ค้าออนไลน์ 3. เสนอบริการเสริม: -ธนาคารเสนอบริการอื่นๆ นอกเหนือจากสินเชื่อ เช่น บริการบัญชี บริการจัดการเงิน บริการรับชำระเงินออนไลน์ -ธนาคารเสนอโปรโมชั่นพิเศษ เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ค่าธรรมเนียมต่ำ -ธนาคารเสนอบริการให้คำปรึกษาทางการเงิน 4. พัฒนา User Experience: -ธนาคารออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นให้ง่ายต่อการใช้งาน -ธนาคารเสนอข้อมูลที่ชัดเจน ตรงประเด็น -ธนาคารให้บริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม สรุป: ธนาคารมีกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้า SME ผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย ธนาคารพัฒนาระบบออนไลน์ที่ใช้งานง่าย ร่วมมือกับพันธมิตร เสนอบริการเสริม และพัฒนา User Experience กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ธนาคารเข้าถึงลูกค้า SME ได้มากขึ้น
null
Closed QA
cc-by-nc-4.0